อย่าปล่อยให้ใจเราปราศจากสติ ให้มีสติคุ้มครองควบคุมจิตใจควบคุมความคิด อย่าปล่อยให้ใจเราคิดเลยเปื่อย ให้เราหยุดคิด คิดเท่าที่จำเป็น คิดกับเรื่องที่เราต้องจำเป็นจะต้องคิดเท่านั้น เรื่องที่ไม่จำเป็นจะต้องคิดก็อย่าไปคิด แล้วใจเราจะได้สงบ ถ้าเรามีสติเราก็จะควบคุมความคิดได้ แล้วถ้าเราอยากจะให้จิตสงบนิ่งสงบอย่างเต็มร้อย เราก็ต้องนั่งเฉยๆ นั่งหลับตา ร่างกายต้องนิ่งก่อน ใจจึงจะนิ่งได้ ถ้าร่างกายยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ ใจจะนิ่งไม่ได้เต็มร้อย
ดังนั้น ถ้าเราต้องการให้จิตสงบรวมเป็นสมาธิเต็มร้อยเป็นบ้านสมบูรณ์ เราต้องนั่งหลับตานั่งขัดสมาธิหลับตาแล้วก็บริกรรมพุทโธๆ ไปเรื่อยๆ อย่าปล่อยให้ใจไปคิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ ถ้าเราไม่ชอบบริกรรมเราใช้การดูลมหายใจเข้าออกก็ได้ เพ่งอยู่ที่ปลายจมูกดูลมที่เข้าไปดูลมที่ออกมา แล้วใจของเราก็จะรวมเข้าสู่ความสงบได้ในที่สุด พอสงบก็แสดงว่าเราได้สร้างบ้านขึ้นมาสมบูรณ์แล้ว เวลามีความทุกข์ความวุ่นวายใจเราก็หลบเข้าไปในบ้านได้ทันทีด้วยการไปหามุมสงบบริกรรมพุทโธๆ ไป ความวุ่นวายใจนี้นี่แหละที่เรียกว่าเป็นความไม่สบายใจเป็นโรคของใจ
ถ้าเราต้องการที่จะกำจัดความวุ่นวายใจอย่างถาวร เราต้องใช้ยารักษาโรคของใจคือปัญญา ถ้าเราใช้สมาธินี้เป็นเพียงเป็นที่หลบเท่านั้นเอง แต่เรายังไม่สามารถกำจัดความทุกข์ความวุ่นวายใจที่เป็นโรคของใจได้อย่างถาวร ถ้าเราอยากจะกำจัดโรคของใจให้หมดไปได้อย่างถาวรนี้เราต้องใช้ปัญญา ปัญญาที่พระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบที่ได้ทรงตรัสรู้ที่ได้เห็นว่าความไม่สบายใจของเรานี้เกิดจากเชื้อโรคของใจ เชื้อโรคของใจก็คือความอยากต่างๆ สามประการ ความอยากในรูปเสียงกลิ่นรส ความอยากมีอยากเป็น และความอยากไม่มีอยากไม่เป็น อันนี้เป็นตัวที่ทำให้ใจเราไม่สบาย
ถ้าเราอยากจะหายจากโรคภัยไข้เจ็บหายจากความไม่สบายใจโดยที่ไม่ต้องไปหลบเข้าไปในบ้าน เราก็ต้องใช้ปัญญามากำจัด เราต้องใช้ธรรมะโอสถ ปัญญาคือธรรมะโอสถ เป็นยารักษาโรคใจ ค้นหาสาเหตุเวลาเราไม่สบายใจ ถามเราว่าตอนนี้เราไม่สบายใจเพราะอะไร เราอยากได้อะไรใช่ไหม เราอยากให้สิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ใช่ไหม แล้วมันเป็นได้หรือเปล่า ถ้าเป็นไม่ได้ก็อย่าไปอยากให้มันทุกข์ไปเปล่าๆ เลย
เช่นเวลาเราไม่สบายก็อยากจะให้มันหาย หรือเวลาเราดีเราก็อยากไม่ให้มันไม่สบาย ร่างกายเราตอนนี้สบาย พอไปคิดถึงโรคภัยไข้เจ็บก็เกิดความไม่สบายใจขึ้นมาทันที เป็นเพราะอะไร ก็เพราะเราอยากไม่ให้มันไม่สบายนั้นเอง แต่โรคร่างกายนี้มันหนีพ้นไหมจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ มันหนีไม่พ้น มันจะต้องเจอ ก็อย่าไปอยากให้มันไม่เจ็บเลย ต้องยอมรับว่ามันต้องเจ็บ แล้วเราจงหยุดความอยากให้มันไม่เจ็บเสีย แล้วเราจะสบายใจ เวลาร่างกายเจ็บหรือไม่เจ็บเราจะไม่ทุกข์เราจะไม่เดือดร้อน ถ้าเรายอมรับความจริงว่าร่างกายมันต้องเจ็บไข้ได้ป่วย ร่างกายมันต้องตาย
ฉะนั้น ความไม่สบายใจของเราเกิดจากความอยากของเราเอง อยากไม่แก่ อยากไม่เจ็บ อยากไม่ตาย ทั้งๆ ที่ตอนนี้ยังไม่ทันแก่เลย ยังไม่ทันเจ็บเลย ยังไม่ทันตายเลย เพียงแต่คิดถึงความแก่ความเจ็บความตาย ก็เกิดความไม่สบายใจขึ้นมาแล้ว เราสามารถกำจัดความไม่สบายใจเหล่านี้ได้ เพราะสาเหตุที่ทำให้เราไม่สบายใจก็คือความอยากของเรานั่นเอง ความอยากไม่แก่อยากไม่เจ็บอยากไม่ตาย
พอเรายอมรับความจริงว่ามันต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย อยากไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร อยากไปก็เท่ากับเอาเชื้อโรคมาใส่ร่างกายทำให้ร่างกายไม่สบาย เหมือนกับเอาเชื้อโรคมาใส่ใจ มาใส่ใจทำให้ใจไม่สบาย ความอยากนี้เป็นเชื้อโรคของใจ ฉะนั้น เราต้องหยุดความอยากทุกรูปแบบทั้งสามรูปแบบนี้ให้ได้ ถ้าเราหยุดมันได้แล้วความไม่สบายใจของเราจะหายไปหมด ใจของเราจะมีแต่ความสุขไปตลอด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี