‘ชาวแหลมตะลุมพุก’เหยื่อปาบึกเข้ากรุง ถวายฎีกา ร้อง‘นายกฯ-ชวน’ ไม่ได้รับการช่วยเหลือที่เป็นธรรม
จากกรณี นส.ราตรี คงประพันธ์ อายุ 43 ปี นักธุรกิจเจ้าของกิจการร้านอาหาร “ครัวชูแก้ว” ชายทะเลแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช นำหลักฐานเป็นเอกสาร และภาพถ่ายความเสียหายของบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนปาบึก พัดถล่ม จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2562 เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช อ้างว่าประชาชนที่ได้รับความเสียหายหลายตำบลในพื้นที่ อ.ปากพนัง รวมเกือบ 300 ครัวเรือน ยังไม่ได้รับการเยียวยาตามกรอบที่ทางราชการกำหนด พร้อมตั้งโต๊ะขอรับบริจาคเงิน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านแหลมตะลุมพุก ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา และผู้พิการ เกือบ 60 คน นำโดย นส.ราตรี รวมตัวเดินทางจากบ้านใน ต.แหลมตะลุมพุก มาสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช เพื่อโดยสารรถไฟเข้ากรุงเทพฯ ไปยื่นเอกสารหลักฐาน และหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรม และขอความช่วยเหลือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งยื่นถวายฎีกาด้วย ซึ่งทั้งหมดโดยสารขบวนรถไฟสายนครศรีธรรมราช-กรุงเทพ ตู้นั่งธรรมดาเข้าสู่กรุงเทพฯแล้ว โดยจะเดินเท้าจากสถานีรถไฟสามเสนเข้ายื่นถวายฎีกา ก่อนไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรี และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร
นส.ราตรี กล่าวว่า หลังเกิดพายุปาบึกพัดถล่มพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช แหลมตะลุมพุกเกิดความขัดแย้งแตกแยกกันอย่างรุนแรงระหว่างชาวบ้านกับกลุ่มคนที่สนิทใกล้ชิดกับผู้บริหาร อบต.แหลมตะลุมพุก เนื่องจากการช่วยเหลือผู้ประสบภัยไม่ถูกต้อง 2 มาตรฐาน ไม่เป็นธรรม ชาวบ้านจำนวนมากขึ้นป้ายไวนิลประจานและเรียกร้องความเป็นธรรมบริเวณหน้าบ้านทั้ง 2 ฝั่ง ตั้งแต่ถนนสายหลักที่มาจากตัว อ.ปากพนัง ทำให้ผู้คน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่แหลมตะลุมพุกต่างเห็นป้ายข้อความดังกล่าว จึงนำไปวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ขณะที่ญาติๆและฝ่ายที่สนับสนุน อบต.แหลมตะลุมพุก ออกมาโต้เถียง นำไปสู่ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
“คนที่ไม่ได้รับความเสียหายเล็กน้อย และเป็นญาติหรือคนใกล้ชิดของผู้มีอำนาจใน อบต.แหลมตะลุมพุก กลับได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งสร้างบ้านใหม่ ปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน จ่ายเงินเยียวยาเรือประมง เครื่องมือประมงตามกรอบที่รัฐบาลกำหนด ขณะที่ชาวบ้านกว่า 200 คน ที่ได้รับความเสียหายและเดือดร้อนจริงๆ กลับไม่ได้รับการเยียวยาช่วยเหลือใดๆ เพียงแค่ได้รับเงินเยียวยาคนละ 1,000 บาท ระบุว่าเป็นค่าเสื้อผ้า แต่ชาวบ้านไม่ยอมรับ และขอเอกสารหลักฐานคืน แต่เจ้าหน้าที่กลับฉีกเอกสารหลักฐานของชาวบ้านทิ้ง ที่ผ่านมาตนและชาวบ้านร้องศูนย์ดำรงธรรม สำนักงาน ปปช.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เรื่องเงียบหาย จึงนัดรวมตัวเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อขอความช่วยเหลือ” นส.ราตรี กล่าว
ด้านนายสุชาติ หนูล้วน 70 ปี ชาวบ้านแหลมตะลุมพุก ผู้พิการขาซ้ายขาด กล่าวว่า แม้ตนจะเดินทางยากลำบากกว่าชาวบ้านคนอื่นๆ แต่ตั้งใจร่วมเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกระทบกับความรู้สึกของตนและชาวบ้านมาตลอด ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งตนที่บ้านถูกน้ำท่วม ตู้เย็น พัดลม ทรัพย์สินในบ้านเสียหายทั้งหมด กลับไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ
“มีเพียงเงิน 1,000 บาท ตนไม่ขอรับเงินจำนวนนั้น ขณะที่คนที่มีฐานะ และเป็นญาติหรือคนใกล้ชิดผู้มีอำนาจใน อบต.กลับได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทาง อบต.แหลมตะลุมพุก เลือกปฏิบัติว่าจะช่วยเหลือใคร ไม่ช่วยเหลือใคร” นายสุชาติ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี