นักวิชาการชี้‘สตรีทฟู้ด’แหล่งอาหารคนเมือง-เสน่ห์ท่องเที่ยว แนะใส่ใจความสะอาด-โภชนาการ
22 ก.ค. 2562 ผศ.ดร.เรวดี จงสุวัฒน์ หัวหน้าภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในงานแถลงข่าว “รักสุขภาพ ด้วยไลฟ์สไตล์กับ 3 Street Food Models” ณ มหาวิทยาลัยมหิดล (วิทยาเขตราชวิถี) ถึงโครงการ “การพัฒนารูปแบบการจัดการอาหารริมบาทวิถีเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ” สำรวจอาหารริมทางหรือ “สตรีทฟู้ด (Street Food)” ทั้งแบบแผงลอยบนทางเท้า แบบขายในตลาด และแบบรถเคลื่อนที่หรือ “ฟู้ดทรัค (Food Truck)” ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) 6 เขต รวมถึงใน จ.ภูเก็ต อุบลราชธานี เชียงราย และที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
พบว่า เสียงสะท้อนจากชุมชนบางแห่งที่ไปสำรวจ เช่น ซอยอารีย์ (พหลโยธิน ซอย 7) ร้านค้าตึกแถวบริเวณนั้นสนับสนุนให้มีอาหารแผงลอย เพราะทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีผู้คนเดินพลุกพล่าน โดยหากเทียบระหว่าง 2 ฝั่งจากทางขึ้น-ลงรถไฟฟ้า ฝั่งตรงข้ามซอยที่หันหน้าเข้าซอยซึ่งไม่มีแผงลอยตั้งจะไม่ค่อยมีคนเดิน อย่างไรก็ตามหลายพื้นที่ยังมีเรื่องน่าเป็นห่วงด้านสุขอนามัยอาหาร อาทิ พบเชื้อจุลินทรีย์ รวมถึงปริมาณโซเดียมที่สูงโดยเฉพาะในก๋วยเตี๋ยวน้ำ
ซึ่งตามหลักแล้วมนุษย์ไม่ควรบริโภคโซเดียมเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน แต่จากการเก็บตัวอย่างจำนวน 50 ตัวอย่าง พบว่าน่าตกใจคือมีโซเดียมใน 100 กรัมมีประมาณ 500 มิลลิกรัม หมายความว่าเมื่อรับประทานก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม น้ำหนัก 400-450 กรัม ก็คือหมดโควตาแล้วสำหรับการบริโภคโซเดียมในวันนั้น ทั้งนี้โรคที่คนไทยเป็นกันมากคือกลุ่มเอ็นซีดี (NCDs) หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน
ผศ.ดร.เรวดี กล่าวต่อไปว่า ข้อถกเถียงเรื่องควรมีการค้าขายบนทางเท้าหรือไม่ หากดูตามกฎหมายระบุว่าพื้นที่ที่สามารถเปิดจุดผ่อนผันได้นั้นเมื่อตั้งแผงค้าแล้วทางเท้าต้องเหลือพื้นที่สำหรับคนเดินไม่น้อยกว่า 1 เมตร ขณะที่เรื่องความสะอาดของอาหาร แต่ละพื้นที่ควรมีหน่วยงานอื่นมาช่วยตรวจวิเคราะห์ เพราะหน่วยงานของรัฐอาจไม่พอหรือไม่มี เช่น สำนักสิ่งแวดล้อมของ กทม. ที่มีภาระงานหลายด้าน หรือใน จ.อุบลราชธานี ที่ต้องส่งตัวอย่างมาตรวจยังห้องปฏิบัติการใน กทม. เป็นต้น
ทั้งนี้การที่สตรีทฟู้ดจะมีคุณภาพ ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจว่าจะให้ความสำคัญหรือไม่ ซึ่งระเบียบการตั้งจุดผ่อนผันให้ขายของบนทางเท้านั้นมีมานานแล้วแต่เพิ่งจะมีนโยบายให้ยกเลิกเมื่อไม่นานนี้โดยให้เป็นดุลยพินิจของแต่ละเขต ดังจะเห็นว่ามีทั้งเขตที่ยกเลิกและไม่ยกเลิก เช่น ใน 6 พื้นที่กลุ่มตัวอย่างของกรุงเทพฯ ที่ทางโครงการฯ ไปสำรวจ มี 2 พื้นที่ที่ให้ยกเลิกคือ สาทร-สีลม กับราชเทวี ส่วนอีก 4 พื้นที่คือเยาวราช บางกอกน้อย ราชประสงค์-ประตูน้ำ และถนนข้าวสาร ไม่มีการยกเลิกแต่อย่างใด
“เขตที่เขาไม่ยกเลิกจุดผ่อนผันเนื่องมาจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เช่น เยาวราช ไม่มีทางเลยที่จะยกเลิกจุดผ่อนผัน แต่ทางเยาวราชเขามีการจัดการที่ค่อนข้างดี คือทางผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตจะลงไปกำกับทุกวัน ค่อนข้างมีการจัดระเบียบที่ดีและเจ้าหน้าที่ก็มีทัศนคติที่ดีมากต่อสตรีทฟู้ด บอกมาว่า ‘อาจารย์!..เราทำได้ทุกสิ่งขอให้บอกมาเถิด’ เขายินดีถ้าคนขายขายได้-คนซื้อมาซื้อ เช่นเดียวกับซอยอารีย์ สำนักงานเขตก็สนับสนุนเป็นอย่างดี มีการอบรม” ผศ.ดร.เรวดี กล่าว
ขณะที่ นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า คนไทยไม่มากก็น้อยต้องเคยบริโภคอาหารริมทางหรือสตรีทฟู้ด โดยจากการสำรวจ พบคนไทยบริโภคอาหารริมทางเฉลี่ย 6-7 ครั้งต่อสัปดาห์ เนื่องด้วยอาหารริมทางเข้าถึงได้ง่าย ดังนั้นสิ่งที่ต้องคำนึงต่อไปคือทำอย่างไรอาหารที่เข้าถึงได้ง่ายนี้จะมีทั้งความสะอาดและมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย
“ถ้าดูห่วงโซ่อาหาร จุดกระจายหรือจำหน่ายเป็นจุดยุทธศาสตร์หนึ่ง ฉะนั้นเราจึงให้ความสำคัญ หวังว่าโครงการนี้จะเป็นตัวอย่าง เราจะพัฒนาต่อไปในการกำหนดมาตรฐาน แล้วเราคงไม่อยากให้ใช้วิธีการบังคับ เอาตำรวจไปจับ แต่ใช้การสร้างจิตสำนึก กระตุ้นมาตรฐานแล้วก็เชิญชวนกันเข้ามา เพราะอย่างไรจำนวนคนขายก็เยอะมากเราคงไปจับไม่ได้ทั้งหมด แต่คงต้องทำในระยะยาว อันนี้จะเป็นอีกก้าวที่จะขยับเรื่องความปลอดภัยอาหารและโภชนาการ โดยที่เน้นไปที่จุดกระจายก็คือสตรีทฟู้ด” นพ.ไพโรจน์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี