'โครงการลมปาก'ผลาญงบ 1.8 ล้าน ชาวห้วยเขย่งเหลืออด วอนรัฐจี้ตรวจสอบ

วันพุธ ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2562, 18.34 น.
Tag :

24 กรกฎาคม 2562 ที่ศาลาประชาคมบ้านไร่ หมู่ 6 ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เด็กและชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ร่วมกันถือป้ายออกมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชน เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากการที่มีโครงการก่อสร้างศูนย์เด็กเล็กด้วยงบประมาณ 1.8 ล้านบาท มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 จนถึงปัจจุบันผ่านมาแล้ว 10 ปี ยังไม่มีก่อสร้างแม้แต่อย่างใด และยังคงเหลือไว้แต่ฐานวางศิลาฤกษ์เอาไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น และที่สำคัญโครงการดังกล่าวใช้ชื่อของ “สมเด็จพระสังฆราชสกลสังฆปรินายก (สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่19)”อีกด้วย

โดย นายวิโรจน์ ทะสม ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เปิดเผยว่า การที่โครงการก่อสร้างศูนย์เด็กเล็กประจำหมู่บ้านยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งที่โครงการดังกล่าวผ่านมาแล้ว 10 ปี เป็นเหตุทำให้เด็กเล็กอายุ 2-4 ปี กว่า 100 คน ไม่มีศูนย์เด็กเล็กที่คอยดูแลเด็กๆ ผู้ปกครองบางครอบครัวต้องจ้างให้คนมาดูแล และบางครอบครัวต้องนำบุตรหลานไปฝากเอาไว้ที่ศูนย์เด็กเล็ก ของหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียงที่สุด แต่ก็มีระยะทางไปกลับกว่า 10 กิโลเมตร ส่วนสาเหตุที่นำบุตรหลานไปจ้างให้คนเลี้ยงและนำไปฝากเอาไว้ที่ศูนย์เด็กเล็กที่หมู่บ้านอื่น ก็เป็นเพราะว่าทุกครอบครัวล้านมีฐานะยากจน ต้องดิ้นรนออกไปรับจ้าง หรือทำการเกษตร จึงไม่มีเวลาดูแลบุตรหลาน


โดยเมื่อ พ.ศ.2552 ได้มีคนในพื้นที่ ต.ห้วยเขย่ง นำโครงการก่อสร้างศูนย์เด็กเล็กเข้ามาในชุมชน โดยโครงการดังกล่าวใช้ชื่อ สมเด็จพระสังฆราชสกลสังฆปรินายก (สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่19) ด้วยงบประมาณก่อสร้าง จำนวน 1,800,000 บาท  โดยมีผู้นำชุมชนใน ต.ห้วยเขย่ง คนหนึ่งเป็นคนประสานงาน

ซึ่งในครั้งนั้นได้มีการจัดหาพื้นที่เพื่อดำเนินการก่อสร้างศูนย์เด็กเล็ก ตามโครงการพร้อม อีกทั้งได้มีการปรับพื้นที่เอาไว้ก่อสร้าง โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยทหารพัฒนา (น.พ.ค ที่11) และได้มีพิธีวางศิลาฤกษ์ โครงการไปเมื่อวันที่ 10 ต.ค.2552 มี ดีตรอง ผวจ.กาญจนบุรี ให้เกียรติเดินทางมาเป็นประธานในพิธี มีพระสงฆ์ที่เป็นผู้แทนสมเด็จพระสังฆราชฯ รวมทั้งอดีตนายอำเภอทองผาภูมิ รวมทั้งข้าราชการ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ศิลปิน ดารานักแสดง และชาวบ้านมาร่วมพิธีที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แต่จนถึงวันนี้ผ่านมา 10 ปี ยังไม่มีวี่แววว่าจะก่อสร้าง และก็ยังคงหลงเหลือฐานที่ใช้สำหรับวางศิลาฤกษ์ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น

ที่ผ่านมาตนและชาวบ้านได้พยายามสอบถาม ไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโครงการสร้างศูนย์เด็กเล็กแต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด ต่อมาภายหลังทราบว่าบุคคลคนหนึ่งได้หนีไปอยู่ต่างประเทศและนำเงินงบประมาณจำนวน 1.8 ล้านบาทไปด้วย เมื่อทราบเรื่องดังกล่าวตนและชาวบ้าน จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอทองผาภูมิ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.61 และตนยังได้เดินทางไปให้ปากคำ ในฐานะตัวแทนผู้ร้องต่อศูนย์ดำรงธรรม อำเภอทองผาภูมิ เมื่อวันที่ 16 ม.ค.62 มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบให้ตนและชาวบ้านทราบเรื่องแต่อย่างใด

ด้านนางกมลรัตน์ กันทะวงศ์ หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เปิดเผยว่า หมู่บ้านของเราเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ มีประชากรกว่า 400 หลังคาเรือน มีเด็กเล็กอายุระหว่าง 2-4 ขวบ ที่อยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องไปรับการพัฒนาการ ในศูนย์เด็กเล็กก่อนเกณฑ์ กว่า 200 คน ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง และอาชีพด้านเกษตรกรรม ฐานะค่นข้างยากจน เมื่อไม่มีศูนย์เด็กเล็ก ทำให้พ่อแม่ไม่สามารถไปทำงานได้เพราะต้องคอยเลี้ยงดูบุตรหลาน ทำให้ครอบครัวขาดรายได้ ชาวบ้านจึงต้องการ ให้มีการสร้างศูนย์เด็กเล็กขึ้นในหมู่บ้านของเรา เพื่อที่จะช่วยแบ่งเบาภาระ ของผู้ปกครองในการดูแลบุตรหลาน และที่สำคัญเด็กๆจะได้มีการพัฒนาการ เพื่อเตรียมตัวในการศึกษาต่อในระดับอนุบาล ทุกวันนี้ทุกคนลำบาก บางครอบครับต้องนำบุตรหลานไปฝากเอาไว้ที่ศูนย์เด็กเล็กของหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียงที่สุด แต่ก็มีระยะทางไปกลับกว่า 10 กิโลเมตร  ซึ่งผู้ปกครองจะต้องไปส่บุตรหลานเอง เนื่องจากไม่มีใครคอยดูแลหากให้ไปกับรถโดยสาร

ส่วนนายปฎิกานต์ เตียงวงค์ ชาวบ้าน กล่าวว่า ตนกับภรรยามีมีลูกด้วยกัน จำนวน 3 คน อยู่ในวัยเรียน 2 คน ส่วนคนเล็กอายุเพียงแค่ 2 ขวบ เมื่อตนและภรรยาออกไปทำงาน จึงไม่มีใครคอยดูแล จำเป็นจะต้อง ไหว้วานให้เพื่อนบ้านคอยดูแล และจะต้องเสียค่าเลี้ยงดูให้กับเพื่อนบ้านวันละ 100 บาท

"ส่วนตัวมีอาชีพรับจ้างทั่วไป มีรายได้ตกเดือนละประมาณ 8000 บาท แต่จะต้องมาเสียค่ายใช้จ่ายในการจ้างให้เพื่อนบ้านเลี้ยงดูลูกเดือนละ 3000 บาท และเหลือเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเดือนละ 5000 บาท ถามว่าเงินที่เหลือพอกับค่าใช้จ่ายในครัวเรือนหรือไม่ ตอบได้เลยว่าพอแต่ไม่มีเงินเหลือเก็บและต้องใช้จ่ายกันอย่างประหยัด แต่ถ้าหากหมู่บ้านของเรามีศูนย์เด็กเล็กขึ้นมา ก็จะทำให้ครอบครัวประหยัดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนลงได้อีกและที่สำคัญหากหมู่บ้านของเรามีศูนย์เด็กเล็ก เหมือนหมู่บ้านอื่น จะทำให้เด็กมีการพัฒนาการดีขึ้น เมื่อบุตรหลานมีอายุย่างเข้าสู่ระดับชั้นอนุบาล พัฒนาการทางด้านต่างๆก็จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยตรวจสอบโครงการก่อสร้างศูนย์เด็กเล็กที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2552 ให้ด้วย หรือไม่ก็ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำงบประมาณมาสร้างศูนย์เด็กเล็กให้กับชาวบ้าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านด้วย" นายปฏิกานต์ ระบุ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top