จากกระแสโซเชียลที่มีการวิจารณ์เหตุการณ์คดีของ นางสาวอรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือ แพรวา ขณะนั้นอายุ 17 ปี ขับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล สีขาว ฮอนด้า ซีวิค ด้วยความเร็วแล้วพุ่งเข้าชนท้ายรถตู้สาธารณะ ทำให้ผู้โดยสารพร้อมคนขับ 14 คน ผู้โดยสารบางคนกระเด็นออกจากรถ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 6 คน ส่วนนางสาวแพรวานั้น ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'เสี่ยเบนซ์' ลั่นเลิกดื่มแอลกอฮอล์ตลอดชีวิต - ขอสัญญาจะรับดูแลลูกสาวผู้ตายให้ดีที่สุด)
ทั้งนี้ หลังใช้เวลาต่อสู้คดีกันนานถึง 9 ปี ศาลฎีฎาได้มีคำพิพากษาให้นางสาวแพรวา จำคุกเป็นเวลา 2 ปี รอลงอาญา 3 ปี คุมประพฤติจำเลย 3 ปี พร้อมกับบำเพ็ญประโยชน์เป็นเวลา 48 ชั่วโมง และห้ามขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปี
นอกจากนี้ ศาลยังสั่งให้นางสาวแพรวาพร้อมพ่อแม่ และชายหนุ่มเจ้าของรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค ชดใช้ค่าเสียหายเยียวยาแก่ญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 9 คน ประมาณ 41 ล้านบาท แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการจ่ายเงินสินไหมทดแทนให้เหยื่อและครอบครัวแต่อย่างใด
เมื่อมีการพูดและวิพากษ์วิจารณ์กันมาขึ้นมารดาของนางสาวแพรวาก็ได้ออกมาบอกว่าที่เงียบไปนั้น เพราะไม่มีเงิน ซึ่งขณะนี้กำลังขายบ้านภายในหมู่บ้านเมืองทองธานี ที่นางลัดดาวัลย์ได้ชี้แจงเอาไว้ว่าเป็นบ้านที่ดำเนินการออกขายทอดตลาด ราคา 55 ล้านบาท
และยังมีที่ดินขนาด 21 ไร่ ในพื้นที่ปราณบุรี-สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ตั้งมูลค่าการขายไว้ที่ 50 ล้านบาท ที่ดินแห่งนี้ถูกนำมาทอดตลาดและพร้อมขายเช่นเดียวกัน เพื่อสมทบทุนให้ได้ 100 ล้านบาท นำมาชดใช้หนี้ค่าชดเชยที่ยังติดค้างอยู่ให้กับเหยื่อทุกราย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จากกรณีที่ นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เจ้าของธุรกิจผลิตและจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ ที่ก่อเหตุเมาแล้วขับรถเบนซ์ ชนรถเก๋ง ของ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. หรือ รองตี๋ เสียชีวิตพร้อมภรรยา ขณะที่ลูกสาวบาดเจ็บสาหัส
โดยหลังเกิดเหตุนายสมชายได้มอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต รวมทั้งสิ้นกว่า 45 ล้านบาท โดยไม่ได้รอให้ศาลสั่ง อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังได้มีการกราบขอขมาญาติและบวชหน้าไฟในงานฌาปนกิจศพ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตายด้วย
ล่าสุด วันนี้ (31 ก.ค.) เวลา 09.30 น. ศาลจังหวัดตลิ่งชันได้อ่านฟังคำพิพากษาคดีดังกล่าว ซึ่งศาลได้พิพากษาตัดสิน ว่าจำเลยกระทำความผิดกรรมเดียวแต่หลายความผิด จึงลงโทษหนักที่สุดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก สั่งจำคุก 6 ปี ปรับ 200,000 บาท แต่จำเลยได้ให้การเป็นประโยชน์ สำนึกผิดและไม่เคยมีประวัติต้องโทษมาก่อน ศาลจึงให้โอกาสกลับตนเป็นคนดีของสังคม จึงลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 3 ปี ปรับ 1 แสนบาท และโทษจำคุกรอลงอาญา 3 ปี โดยระหว่างนี้ให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้งใน 2 ปี รวมทั้งบริการสังคมและสาธารณประโยชน์ 48 ชั่วโมงในเวลา 1 ปี
นอกจากนี้ นายสมชาย ยังตอบแทนที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้อโหสิกรรม และให้อภัย จึงมอบเงินให้กับลูกสาวทั้ง 2 คน ของรองตี๋ คลละ 10,000 บาท และค่าใช้จ่ายในครอบครัวเดือนละ 20,000 บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 40,000 บาททุกเดือนเป็นระยะเวลา 8 ปี
จาก 2 กรณีตัวอย่างทำให้เห็นแล้วว่า ความรับผิดชอบต่อจิตสำนึกถือว่าเป็นสิ่งที่ควรจะกระทำ เพราะสังคมในโลกโซเชียลนั้น ไม่ได้มีแค่วิพากษ์วิจารณ์เท่านั้น แต่เมื่อมีเหตุการณ์ดีๆ สังคมโซเชียลก็ได้ออกมาชื่นชมกับการกระทำนั้นๆ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีมันอยู่ที่จิตสำนึกของแต่ละคน...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี