เปิดใจเสี่ยเจ้าของบริษัทยางชื่อดังเมืองราชบุรี เตรียมนำโฉนดที่ดิน 4 ไร่ ทูลกล้าฯถวาย“กรมสมเด็จพระเทพ” เพื่อสร้างอาคารภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 4 จังหวัดราชบุรี สภากาชาดไทย เผยครอบครัวเคยยากจน ปัจจุบันมีธุรกิจฐานะดีขึ้น จึงอยากตอบแทนคุณแผ่นดิน
6 สิงหาคม 2562 นายจิราวุฒิ แซ่ตั้ง อายุ 44 ปี ชาวจังหวัดราชบุรี ผู้บริหารบริษัทราชบุรีศูนย์รวมยาง เปิดเผยเรื่องราว ที่ตนเองและนางสาวอารีย์ บวรพัฒนานนท์ วัย 66 ปี ซึ่งเป็นมารดา เตรียมนำโฉนดที่ดินเลขที่ 106135 เลขที่ดิน 182 ตำบลพงสวาย อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี จำนวน 4 ไร่ ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เพื่อสร้างอาคารภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 4 จังหวัดราชบุรี สภากาชาดไทย ในการเสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์อาคารภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 4 จังหวัดราชบุรี สภากาชาดไทย ในวันที่ 7 สิงหาคม 2562
โดยที่ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 4 จังหวัดราชบุรี สภากาชาดไทยนี้ จะเป็นศูนย์บริการแบบครบวงจร ที่เปิดให้บริการตรวจคัดกรองคุณภาพโลหิต จ่ายโลหิตและส่วนประกอบโลหิตให้แก่โรงพยาบาลในเครือข่ายภาค 4 จำนวน 7 จังหวัด รวม 68 แห่ง ได้แก่ ราชบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครปฐม สมุทรสงคราม และ สมุทรสาคร
นายจิราวุฒิ เล่าถึงเรื่องราวของชีวิตก่อนจะก้าวเข้ามาสู่นักธุรกิจดังเมืองราชบุรีว่า ตนมาจากครอบครัวเล็กๆ ที่พยายามหนีความยากจนจากห้องเช่าเดือนละ 100 บาท ด้วยการย้ายจากอำเภอบางแพ มาตั้งรกรากถิ่นฐานที่อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี โดยการยืมเงินจากญาติคนหนึ่งเพื่อเป็นทุนเปิดกิจการขายยางรถยนต์ โดยใช้ชื่ออารีย์การยาง เมื่อปี 2526 และมีการศึกษาจบเพียงชั้น ป.4
ด้วยความลำบากจึงพยายามอดทน ทำงาน ขยันไม่ย่อท้อโดยไม่มีวันหยุด ใช้ความซื่อสัตย์ในการบริการต่อลูกค้าทำให้มีผู้มาใช้บริการมากขึ้น จนพัฒนากิจการก้าวเปิดเป็นบริษัท ราชบุรียางยนต์ ในปี 2535 พร้อมทั้งเรียนต่อจนจบในระดับชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยนเรศวร สาขาวิทยาศาสตร์เคมี ภายหลังจากเรียนจบได้เข้าทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเป็นระยะเวลา 4 ปี จึงลาออกมาและยืมเงินจากกงสี ครอบครัว มาเปิดบริษัท สาขาที่ 2 ในชื่อ บริษัทราชบุรีศูนย์รวมยาง เมื่อปี 2544 จนมาถึงปัจจุบัน
นายจิราวุฒิ กล่าวต่อว่า ในปี 2558 ตนได้ซื้อที่ดินดังกล่าวมาจากประชาชนในพื้นที่ซึ่งเป็นเจ้าของเดิมหลายสิบไร่ และได้กู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อมาซื้อที่ดิน แต่ด้วยความอุตสาหะ ขยันทำธุรกิจจึงสามารถชำระหนี้สินธนาคารในที่ดิน 4 ไร่ จนหมด โดยในปี 2560 ทางสภากาชาดไทยมีความประสงค์ ต้องการที่ดินเพื่อสร้างศูนย์ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 4 จังหวัดราชบุรี สภากาชาดไทย
ตนจึงได้ปรึกษากับคุณแม่และยึดหลักแบบอย่างความเสียสละของคุณแม่มาโดยตลอด จากครอบครัวที่มาเริ่มจากศูนย์ จนมาเป็นเจ้าของธุรกิจ และการที่ตนเองคิดเสมอว่า “เราเกิดมาแผ่นดินไทยมีพ่อหลวง และทุกข์พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีมาตลอด แผ่นดินนี้ทำให้ตนเอง รวมไปถึงสมาชิกในครอบครัวมีวันนี้ได้ เมื่อมีโอกาสเราควรทดแทนแผ่นดินโดยการมอบที่ดินผืนนี้ ให้กับทางสภากาชาดเพื่อใช้ประโยชน์กับส่วนรวม ได้ช่วยเหลือผู้คนอีกมากมายที่จะมาขอรับบริการด้านโลหิต รวมไปถึงแหล่งรวมน้ำใจของประชาชนคนไทยทุกคนที่พร้อมใจกันบริจาคโลหิต ให้กับผู้ป่วยได้อย่างเพียงพอ
นอกจากนี้ที่ผ่านมาตนได้ช่วยเหลือสังคมต่างๆ หลายด้าน ทั้งด้านของโรตารี่ราชบุรี จนได้รับรางวัลด้านการบริการดีเด่น การช่วยเหลือเยาวชน อุปถัมภ์โรงเรียนในชนบท และการบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาล รวมไปถึงด้านสาธารณกุศลต่างๆ ด้านศาสนาบูรณะวัดที่มีสภาพเสื่อมโทรม
ด้านนางสาวสมนึก เพชรโฉมฉาย หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 4 จังหวัดราชบุรี สภากาชาดไทย กล่าวว่า จากการที่ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 4 จังหวัดราชบุรี สภากาชาดไทย มีปริมาณการจัดหาโลหิตและปริมาณการใช้โลหิตที่เพิ่มมากขึ้น จากระยะ 6 ปี จากปี 2557-2562 ได้รับโลหิตบริจาคจำนวนทั้งสิ้น 102,471 ยูนิต และมีการส่งโลหิตตรวจคัดกรองโลหิต เฉลี่ยปีละ 120,000 ราย ประกอบกับอาคารหลังเดิมมีอายุการใช้งานมากว่า 30 ปี มีสภาพทรุดโทรม และคับแคบ ไม่สามารถขยายงานเพื่อรองรับกับเครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ได้ จึงมีความจำเป็นที่ต้องจัดหาที่ดิน เพื่อก่อสร้างอาคารหลังใหม่
หลังจากที่ได้รับความประสงค์จากนายจิราวุฒิ แซ่ตั้ง และนางสาวอารีย์ บวรพัฒนานนท์ ผู้เป็นมารดา ชาวจังหวัดราชบุรี บริจาคที่ดินจำนวน 4 ไร่ โฉนดที่ดินเลขที่ 106135 เลขที่ดิน 182 ตำบลพงสวาย อำเมือง จังหวัดราชบุรี ทางสภากาชาดไทยได้นำความกราบขึ้นบังคมทูล สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ถึงความประสงค์ของนายจิราวุฒิและครอบครัว พร้อมเตรียมที่จะนำโฉนดที่ดินเลขที่ดังกล่าว จำนวน 4 ไร่ ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ในวันที่ 7 สิงหาคม นี้
สำหรับอาคารภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 4 จังหวัดราชบุรี สภากาชาดไทย ได้ดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 จนถึงปัจจุบันมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 40% เป็นอาคาร 4 หลัง รวมพื้นที่ใช้สอย 6,156 ตารางเมตร งบประมาณการก่อสร้าง 175 ล้านบาท
อาคารที่ 1 เป็นอาคารสำนักงานและปฏิบัติการ สูง 3 ชั้น มีห้องบริจาคโลหิต รองรับผู้บริจาคได้วันละ 200-300 คน ห้องจ่ายโลหิต ห้องเย็นเก็บรักษาโลหิต ห้องแช่แข็งพลาสมา ห้องล้างอุปกรณ์เครื่องมือทางห้องปฏิบัติการส่วนประกอบโลหิต ห้องเตรียมส่วนประกอบโลหิต ห้องปฏิบัติคัดกรองโลหิต ห้องสำนักงานบริหารจัดการ ห้องควบคุมระบบของอาคาร
อาคารหลังที่ 2 อาคารหอพักและเก็บพัสดุ สูง 3 ชั้น มีห้องเตรียมอุปกรณ์รับบริจาคโลหิตสำหรับหน่วยเคลื่อนที่ และห้องเก็บพัสดุ อาคารที่ 3 เป็นอาคารซ่อมบำรุง สูง 2 ชั้น มีห้องแช่แข็งสำหรับเก็บพลาสมา ห้องซ่อมบำรุง ห้องปั๊มน้ำ ถังเก็บน้ำดี ห้องควบคุมไฟฟ้า และห้องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง ส่วนอาคารหลังที่ 4 เป็นอาคารชั้นเดียว เก็บกักกันขยะ มีห้องเก็บขยะทั่วไปและขยะติดเชื้อ
นางสาวสมนึก กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าของอาคารมีความรุดหน้าไปมากโดยคาดว่าปลายปี 2562 นี้ อาคารแรกจะแล้วเสร็จไปกว่า 80-90% และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือน กุมภาพันธ์ – มีนาคม ปี 2563
ขณะที่การเตรียมความพร้อมด้านการรับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ในการเสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์อาคารภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 4 จังหวัดราชบุรี สภากาชาดไทย ในวันที่ 7 สิงหาคม 2562 นี้ มีความพร้อม เจ้าหน้าที่ได้เตรียมสถานที่ พลับพลาที่ประทับเพื่อทรงเสด็จวางศิลาฤกษ์ จุดสำหรับประชาชนรอรับเสด็จ และการอำนวยการถวายการรักษาความปลอดภัย พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ประชาชนชาวจังหวัดราชบุรีร่วมเข้าเฝ้ารับเสด็จในวันและเวลาดังกล่าว
ในวันเดียวกัน จะเสด็จพระราชดำเนินเปิดงานฉลองครบรอบ 48 ปี สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) ต.หนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งดำเนินกิจการมาตั้งแต่ พ.ศ.2515 ด้วยการรับน้ำนมดิบจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในพื้นที่และใกล้เคียง มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทำให้มีการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ แก่เกษตรกรและครอบครัว จนมีความเป็นอยู่ดีและยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี