ทุกวันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี เราคนไทยรู้จักกันดีว่าเป็น “วันแม่แห่งชาติ” เพราะเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่ทำให้ลูกๆทุกคนหวนกลับมาระลึกถึงพระคุณของ “แม่” ผู้ให้กำเนิด ซึ่งแน่นอนว่าวันแม่ที่ใกล้จะมาถึงนี้ลูกๆต่างก็ “วางแพลน” เตรียมตัวพาแม่เที่ยวกันแล้ว บ้างก็พาแม่ไปย้อนวัยเด็กเที่ยวสวนสัตว์ เดินห้างสรรพสินค้า หรือบ้างก็ไปเที่ยวพักตากอากาศ “บนเขา-ยอดดอย” เพราะอากาศช่วงนี้เย็นกำลังสบาย
แต่เดี๋ยวก่อนระหว่างทางที่จะไปเที่ยวนั้นเรามาพาแม่เดินสาย “ไหว้พระทำบุญ” รอบเกาะรัตนโกสินทร์กันก่อนดีกว่า โดยเริ่มจากใจกลางเมืองพระนคร อย่าง...
1.วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ถือเป็นไฮไลท์ของทริปไหว้พระเลยที่เดียวเพราะเป็นวัดที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2325 เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” หรือ “พระแก้วมรกต” พระพุทธรูปางสมาธิทำจากมรกตทั้งองค์เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของไทยที่อัญเชิญมาจากเวียงจันทร์ ประเทศลาว ตั้งแต่ พ.ศ.2322
นอกจากพระแก้วมรกตแล้ว ภายในยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และสถานที่ต่างๆอันมีสถาปัตยกรรมที่ “วิจิตรศิลป์” งดงามให้เที่ยวชมอีกมากมาย อาทิ “พระอุโบสถ” ที่ตั้งอยู่ส่วนกลางของวัดฯ มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ภายในตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตั้งแต่เพดานถึงพื้น กลางห้องประดิษฐานพระแก้วมรกตในบุษบกทองคำพร้อมด้วยพระพุทธรูปสำคัญมากมาย
นอกจากนี้ยังมีศาลาราย, พระศรีรัตนเจดีย์, ปราสาทพระเทพบิดร หรือพระพุทธปรางค์ปราสาท, พระมณฑป, หอมณเฑียรธรรม, หอคันธารราษฎร์, หอพระนาก, พระวิหารยอด, นครวัดจำลอง, พระโพธิธาตุพิมาน, พระบรมราชานุสาวรีย์ประจำรัชกาล, พระอัษฎามหาเจดีย์ หรือพระปรางค์แปดองค์, พระมณฑปยอดปรางค์ และหอระฆัง เป็นต้น “ซึ่งการกราบไหว้พระแก้วมรกต อธิษฐานขอพรให้มีเงินทองไหลมาเทมาตลอดทั้งปี อยากได้แก้ว แหวน เงินทอง เพชรนิลจินดา หรือทรัพย์สมบัติใดๆ แนะนำให้มาขอที่วัดนี้”
2.วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ซึ่งอยู่ห่างจากวัดพระแก้วไม่ไกล เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกและเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดโพธารามวัดเก่าที่เมืองบางกอกครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดหลวงข้างพระบรมมหาราชวัง และที่ “ใต้พระแท่น” ประดิษฐาน “พระพุทธเทวปฏิมากร” พระประธานในพระอุโบสถเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ท่านไว้ด้วย (ไหว้พระนอนวัดโพธิ์ ส่งผลให้อยู่ดีกินดีตลอดปี เหมือนมีร่มโพธิ์-ร่มไทรปกปักรักษา หรือจะไปไหว้ขอพรขอความสุข และความมั่งมีก็ได้เช่นกันว่าศักดิ์สิทธิ์นักแล)
3.วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เป็นวัดชั้นเอกชนิดราชวรวิหาร ฝ่ายธรรมยุต ขึ้นชื่อทั้งในเรื่องความงดงามทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ แต่เดิมชื่อว่า “วัดใหม่” เป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ เมื่อครั้นทรงผนวช อาทิ รัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 10 รวมถึงยังเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชถึง 4 พระองค์ และยังเป็นที่ตั้งของ มหาวิทยาลัยมกุฏราชวิทยาลัยอีกด้วย
ภายในพระอุโบสถ มี “พระพุทธชินสีห์” ที่อัญเชิญมาจากวิหารทิศเหนือ “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก” โดยอัญเชิญมาทั้งองค์เมื่อฤดูน้ำปี พ.ศ.2373 และ ในปีต่อมาได้ปิดทองกาไหล่พระรัศมี ฝังพระเนตรใหม่ และตัดพระอุณาโลม พระพุทธรูปองค์นี้
นอกจากนี้ยังมี “พระเจดีย์” ภายในพระเจดีย์ใหญ่ ประดิษฐานพระเจดีย์สำคัญ คือ "พระไพรีพินาศเจดีย์" เป็นพระเจดีย์ศิลา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น บรรจุพระพุทธวจนะ และ "พระเจดีย์กะไหล่ทอง" บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ฐานพระเจดีย์เป็นแท่นศิลา สลักภาพพุทธประวัติ ปางประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรมจักร และปรินิพพาน ด้านละปาง มีอักษรจารึก พระวาจา พระอุทาน และพระพุทธวจนะไว้เหนือแผ่นภาพสลักนั้นด้วย
อีกทั้งพระเจดีย์ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญคือ "พระไพรีพินาศ" เป็นพระพุทธรูปปางประทานพร พระหัตถ์ขวาหงายขึ้น งดงามด้วยศิลปะสมัยศรีวิชัย โดยมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า... “ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้รับพระองค์นี้มาจากผู้ที่นำมาถวาย ปรากฏว่าเรื่องราวที่กำลังเป็นที่โจษขานเกี่ยวกับพระองค์ รวมถึง "ไพรี" หรือ "ศัตรู" ของพระองค์ท่านก็พ่ายแพ้ไปจริงๆ จึงได้พระราชทานนามว่า "พระไพรีพินาศ" จนเป็นที่เลื่องลือในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์”(เมื่อกราบไหว้จะช่วยทำให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งที่ดี ปลอดภัยแคล้วคลาดจากบ่วงมาร)
สำหรับใครที่จะพาแม่เที่ยวต่างจังหวัด ถ้า “ภาคตะวันออก” แวะกราบสักการะ “หลวงพ่อโสธร” ที่วัดโสธรวราราม วรวิหาร เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของ จ.ฉะเชิงเทรา จากประวัติชาวบ้านได้ทำพิธีอัญเชิญหลวงพ่อโสธรขึ้นจากแม่น้ำบางปะกง มาประดิษฐานที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 249 ปีแล้ว ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธรนั้นจากปากของผู้กราบไหว้ได้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า...“สำเร็จทุกราย” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าขาย สุขภาพ ความเสร็จในชีวิตทั้งด้านการงาน การเงินและโชคลาภ
ถ้าจะเที่ยว “ล่องใต้” ผ่านกรุงเทพฯไม่กี่กิโลที่ จ.สมุทรสาคร มี “วัดโคกขาม” ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านเกาะ อ.เมืองสมุทรสาคร เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ภายในอุโบสถมหาอุตถ์ของวัดยังประดิษฐาน “หลวงพ่อสัมฤทธิ์” พระคู่บ้านคู่เมืองของ จ.สมุทรสาคร ซึ่งในประเทศไทยมีพระพุทธสิหิงค์เพียง 4 องค์เท่านั้น และหนึ่งในนั้นประดิษฐานที่วัดโคกขามแห่งนี้นั่นเอง โดยตัวเองค์พระเป็นพระพุทธรูปเชียงแสนยุคต้น มีอายุกว่า 300 ปี นอกจากนั้นยังมี “ศาลพันท้ายนรสิงห์” ซึ่งเป็นศาลเพียงตาเดิม และเป็นที่เก็บโบราณวัตถุที่เล่ากันว่าเกี่ยวพันกับเรื่องของ “พันท้ายนรสิงห์” เช่น ชิ้นส่วนของเรือพระที่นั่งเอกชัย และบุษบก เป็นต้น
หากใครที่คิดไปเที่ยวฝั่ง “ทางเหนือ” ผ่าน “เมืองเก่า” แห่งกรุงศรีฯ อย่าลืมไปไหว้ “พระพุทธรูปไตรรัตนายก” (หลวงพ่อโต หรือซำปอกง) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง จ.อยุธยา ที่ “วัดพนัญเชิงวรวิหาร” เป็นวัดอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหารที่เก่าแก่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นราชธานีถึง 26 ปี เป็นที่เคารพและศรัทธาของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นอย่างมาก ซึ่งวัดจะติดกับริมแม่น้ำทำให้มีบรรยากาศร่มรื่น
อย่างไรก็ตาม นอกจากวัดดังกล่าวข้างต้นแล้วก็ยังมีอีกหลายวัดทั่วประเทศที่อยู่ใกล้บ้าน หรือตามหมู่บ้านต่างๆ ผู้ที่รักแม่ก็สามารถที่จะพาแม่ไปทำบุญไหว้พระขอพรได้เช่นกัน
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก dhammathai.org ,dhammajak.net ,wikipedia,@sararat rattanasuwan
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี