 วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
                วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
             
								ทุกวันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี เราคนไทยรู้จักกันดีว่าเป็น “วันแม่แห่งชาติ” เพราะเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่ทำให้ลูกๆทุกคนหวนกลับมาระลึกถึงพระคุณของ “แม่” ผู้ให้กำเนิด ซึ่งแน่นอนว่าวันแม่ที่ใกล้จะมาถึงนี้ลูกๆต่างก็ “วางแพลน” เตรียมตัวพาแม่เที่ยวกันแล้ว บ้างก็พาแม่ไปย้อนวัยเด็กเที่ยวสวนสัตว์ เดินห้างสรรพสินค้า หรือบ้างก็ไปเที่ยวพักตากอากาศ “บนเขา-ยอดดอย” เพราะอากาศช่วงนี้เย็นกำลังสบาย
แต่เดี๋ยวก่อนระหว่างทางที่จะไปเที่ยวนั้นเรามาพาแม่เดินสาย “ไหว้พระทำบุญ” รอบเกาะรัตนโกสินทร์กันก่อนดีกว่า โดยเริ่มจากใจกลางเมืองพระนคร อย่าง...

1.วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ถือเป็นไฮไลท์ของทริปไหว้พระเลยที่เดียวเพราะเป็นวัดที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2325 เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” หรือ “พระแก้วมรกต” พระพุทธรูปางสมาธิทำจากมรกตทั้งองค์เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของไทยที่อัญเชิญมาจากเวียงจันทร์ ประเทศลาว ตั้งแต่ พ.ศ.2322
นอกจากพระแก้วมรกตแล้ว ภายในยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และสถานที่ต่างๆอันมีสถาปัตยกรรมที่ “วิจิตรศิลป์” งดงามให้เที่ยวชมอีกมากมาย อาทิ “พระอุโบสถ” ที่ตั้งอยู่ส่วนกลางของวัดฯ มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ภายในตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตั้งแต่เพดานถึงพื้น กลางห้องประดิษฐานพระแก้วมรกตในบุษบกทองคำพร้อมด้วยพระพุทธรูปสำคัญมากมาย
(1).jpg)
นอกจากนี้ยังมีศาลาราย, พระศรีรัตนเจดีย์, ปราสาทพระเทพบิดร หรือพระพุทธปรางค์ปราสาท, พระมณฑป, หอมณเฑียรธรรม, หอคันธารราษฎร์, หอพระนาก, พระวิหารยอด, นครวัดจำลอง, พระโพธิธาตุพิมาน, พระบรมราชานุสาวรีย์ประจำรัชกาล, พระอัษฎามหาเจดีย์ หรือพระปรางค์แปดองค์, พระมณฑปยอดปรางค์ และหอระฆัง เป็นต้น “ซึ่งการกราบไหว้พระแก้วมรกต อธิษฐานขอพรให้มีเงินทองไหลมาเทมาตลอดทั้งปี อยากได้แก้ว แหวน เงินทอง เพชรนิลจินดา หรือทรัพย์สมบัติใดๆ แนะนำให้มาขอที่วัดนี้”

2.วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ซึ่งอยู่ห่างจากวัดพระแก้วไม่ไกล เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกและเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดโพธารามวัดเก่าที่เมืองบางกอกครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดหลวงข้างพระบรมมหาราชวัง และที่ “ใต้พระแท่น” ประดิษฐาน “พระพุทธเทวปฏิมากร” พระประธานในพระอุโบสถเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ท่านไว้ด้วย (ไหว้พระนอนวัดโพธิ์ ส่งผลให้อยู่ดีกินดีตลอดปี เหมือนมีร่มโพธิ์-ร่มไทรปกปักรักษา หรือจะไปไหว้ขอพรขอความสุข และความมั่งมีก็ได้เช่นกันว่าศักดิ์สิทธิ์นักแล)

3.วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เป็นวัดชั้นเอกชนิดราชวรวิหาร ฝ่ายธรรมยุต ขึ้นชื่อทั้งในเรื่องความงดงามทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ แต่เดิมชื่อว่า “วัดใหม่” เป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ เมื่อครั้นทรงผนวช อาทิ รัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 10 รวมถึงยังเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชถึง 4 พระองค์ และยังเป็นที่ตั้งของ มหาวิทยาลัยมกุฏราชวิทยาลัยอีกด้วย
.jpg)
ภายในพระอุโบสถ มี “พระพุทธชินสีห์” ที่อัญเชิญมาจากวิหารทิศเหนือ “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก” โดยอัญเชิญมาทั้งองค์เมื่อฤดูน้ำปี พ.ศ.2373 และ ในปีต่อมาได้ปิดทองกาไหล่พระรัศมี ฝังพระเนตรใหม่ และตัดพระอุณาโลม พระพุทธรูปองค์นี้
นอกจากนี้ยังมี “พระเจดีย์” ภายในพระเจดีย์ใหญ่ ประดิษฐานพระเจดีย์สำคัญ คือ "พระไพรีพินาศเจดีย์" เป็นพระเจดีย์ศิลา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น บรรจุพระพุทธวจนะ และ "พระเจดีย์กะไหล่ทอง" บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ฐานพระเจดีย์เป็นแท่นศิลา สลักภาพพุทธประวัติ ปางประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรมจักร และปรินิพพาน ด้านละปาง มีอักษรจารึก พระวาจา พระอุทาน และพระพุทธวจนะไว้เหนือแผ่นภาพสลักนั้นด้วย

อีกทั้งพระเจดีย์ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญคือ "พระไพรีพินาศ" เป็นพระพุทธรูปปางประทานพร พระหัตถ์ขวาหงายขึ้น งดงามด้วยศิลปะสมัยศรีวิชัย โดยมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า... “ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้รับพระองค์นี้มาจากผู้ที่นำมาถวาย ปรากฏว่าเรื่องราวที่กำลังเป็นที่โจษขานเกี่ยวกับพระองค์ รวมถึง "ไพรี" หรือ "ศัตรู" ของพระองค์ท่านก็พ่ายแพ้ไปจริงๆ จึงได้พระราชทานนามว่า "พระไพรีพินาศ" จนเป็นที่เลื่องลือในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์”(เมื่อกราบไหว้จะช่วยทำให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งที่ดี ปลอดภัยแคล้วคลาดจากบ่วงมาร)
สำหรับใครที่จะพาแม่เที่ยวต่างจังหวัด ถ้า “ภาคตะวันออก” แวะกราบสักการะ “หลวงพ่อโสธร” ที่วัดโสธรวราราม วรวิหาร เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของ จ.ฉะเชิงเทรา จากประวัติชาวบ้านได้ทำพิธีอัญเชิญหลวงพ่อโสธรขึ้นจากแม่น้ำบางปะกง มาประดิษฐานที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 249 ปีแล้ว ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธรนั้นจากปากของผู้กราบไหว้ได้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า...“สำเร็จทุกราย” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าขาย สุขภาพ ความเสร็จในชีวิตทั้งด้านการงาน การเงินและโชคลาภ
.jpg)
ถ้าจะเที่ยว “ล่องใต้” ผ่านกรุงเทพฯไม่กี่กิโลที่ จ.สมุทรสาคร มี “วัดโคกขาม” ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านเกาะ อ.เมืองสมุทรสาคร เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ภายในอุโบสถมหาอุตถ์ของวัดยังประดิษฐาน “หลวงพ่อสัมฤทธิ์” พระคู่บ้านคู่เมืองของ จ.สมุทรสาคร ซึ่งในประเทศไทยมีพระพุทธสิหิงค์เพียง 4 องค์เท่านั้น และหนึ่งในนั้นประดิษฐานที่วัดโคกขามแห่งนี้นั่นเอง โดยตัวเองค์พระเป็นพระพุทธรูปเชียงแสนยุคต้น มีอายุกว่า 300 ปี นอกจากนั้นยังมี “ศาลพันท้ายนรสิงห์” ซึ่งเป็นศาลเพียงตาเดิม และเป็นที่เก็บโบราณวัตถุที่เล่ากันว่าเกี่ยวพันกับเรื่องของ “พันท้ายนรสิงห์” เช่น ชิ้นส่วนของเรือพระที่นั่งเอกชัย และบุษบก เป็นต้น
.jpg)
.jpg)
หากใครที่คิดไปเที่ยวฝั่ง “ทางเหนือ” ผ่าน “เมืองเก่า” แห่งกรุงศรีฯ อย่าลืมไปไหว้ “พระพุทธรูปไตรรัตนายก” (หลวงพ่อโต หรือซำปอกง) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง จ.อยุธยา ที่ “วัดพนัญเชิงวรวิหาร” เป็นวัดอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหารที่เก่าแก่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นราชธานีถึง 26 ปี เป็นที่เคารพและศรัทธาของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นอย่างมาก ซึ่งวัดจะติดกับริมแม่น้ำทำให้มีบรรยากาศร่มรื่น
อย่างไรก็ตาม นอกจากวัดดังกล่าวข้างต้นแล้วก็ยังมีอีกหลายวัดทั่วประเทศที่อยู่ใกล้บ้าน หรือตามหมู่บ้านต่างๆ ผู้ที่รักแม่ก็สามารถที่จะพาแม่ไปทำบุญไหว้พระขอพรได้เช่นกัน

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก dhammathai.org ,dhammajak.net ,wikipedia,@sararat rattanasuwan
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี