หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ได้ตอบปัญหาธรรมเกี่ยวกับ "คาถาพระยายม" ซึ่งได้ตีพิมพ์ไว้หนังสือ "ธรรมปฏิบัติ 22" โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร) วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี ไว้ดังนี้
ก่อนที่จะมาวัดท่าซุง ขอย้อนไปอยู่วัดสะพานก่อน วัดหลวงพ่อสำเภา ตอนแรกนึกชื่อวัดไม่ออก ความจริงวันนี้ก็ไม่ค่อยสบายนะ วัดสะพานตอนนั้น ตอนที่เจ้าอาวาสวัดท่าซุงไปนิมนต์ นิมนต์ 3 ครั้ง คือนิมนต์ที่บ้านนายจัน ที่ตำบลท่าซุงครั้งหนึ่ง เมื่อมาฉันเพลที่นั่น แล้วก็ไปนิมนต์ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า แล้วก็ตามไปนิมนต์ที่วัดสะพาน
และก่อนที่เขาจะไปนิมนต์ครั้งที่ 3 เห็นภาพ หลวงพ่อใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ก่อสร้าง รื้อขึ้นมาใหม่ เรียกว่าสร้างใหม่ก็แล้วกันนะ มันพังไปหมดแล้ว ท่านมาปักกลดที่นี่ ท่านเริ่มต้นสร้างที่นี่ ท่านไป ไม่ใช่เข้าฝัน
เวลานั้นกำลังนั่งกรรมฐานอยู่เป็นเวลาตี 2 ท่านไปบอกว่า คุณ วัดของผมที่ทำไว้ คุณสามารถสร้างให้เจริญรุ่งเรืองมาแล้ว 2 สมัย คือสมัยพระเจ้าสามพระยา กับสมัยของพระนารายณ์มหาราช เวลานั้นวัดเจริญรุ่งเรืองมาก แต่ว่าเป็นไม้ มันก็ไม่มีอะไรเหลือ เวลานี้มันผุพังหมดแล้ว ให้มาสร้างใหม่ ถามว่าจะให้สร้างแบบไหน ท่านก็ทำให้ดูภาพแบบนี้ ภาพที่เห็นนี่แหละ ตามที่เห็นปัจจุบันนี้
ก็เป็นอันว่าวันนี้วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2534 ตามที่เห็นอยู่นี้ สร้างตามภาพที่เห็น ก็เลยบอกว่า จะสร้างไหวหรือครับ ก็นั่งดูคนว่า คนที่นั่นมีศรัทธาจริงๆก็มี แต่ก็มีปริมาณน้อย แต่คนที่มีคตินอกเหนือจากพระพุทธศาสนามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าอาวาสก็มีคตินอกเหนือจากพระพุทธศาสนา ถามว่าจะทำได้อย่างไร ท่านบอก ไปเถอะ ทีแรกมันก็ยุ่งหน่อย แล้วต่อไปมันจะดีเอง แล้วผมจะช่วย แล้วจะช่วยกันมาก พระก็จะช่วย เทวดาก็จะช่วย ต่างองค์ต่างก็บอกว่าจะช่วย จะทำให้เจริญรุ่งเรืองให้ได้ ตามภาพนี้ ก็เป็นอันว่ารับคำท่าน
ในที่สุดอีก 2-3 วัน เจ้าอาวาสก็ไปนิมนต์ ก็ยังไม่กำหนดที่จะมา เวลานิมนต์ของท่านเจ้าอาวาส ก็พร้อมต่อหน้าพลอากาศเอกอาทรโรจนวิภาต กับภรรยา คือคุณสิริรัตน์ โรจนวิภาต และก็นั่งอีกหลายคน เขาก็ทราบกัน ที่นี้ขอย้อนกลับมาวัดสะพานใหม่ ที่วัดสะพานนี้หลวงพ่อสำเภาท่านเป็นหมอ เป็นพระที่มีรายได้ดี
คำว่ารายได้ดีก็หมายความว่าการรักษาโรค คนนั้นก็ให้บ้าง คนนี้ก็ให้บ้าง ท่านไม่คิดเงิน ไม่คิดทอง เวลานั้นก็รู้สึกว่าค่าของเงินสูง ก๋วยเตี๋ยวชามละประมาณ 20 สตางค์ วันหนึ่งได้ประมาณ 800 บาทบ้าง 1,000 บาทบ้าง 2,000 บาทบ้างก็มี รู้สึกว่ารายได้ดีมาก ท่านเป็นโรคชนิดหนึ่ง คือเวลาเป็นขึ้นมามันแน่นเสียดหน้าอก มันแน่นถึงกับทะลึ่ง
วันหนึ่งก็กำลังนอนอยู่ ท่านพระยายมท่านก็มา ท่านบอกว่า คุณ โรคอย่างท่านสำเภานี้ ผมมีคาถาจะรักษา แต่คาถารักษาของผมนี้ รักษาโรคไม่หายนะ กันไม่ให้ตายก็ไม่ได้ รักษาโรคก็ไม่หาย แต่สามารถระงับทุกขเวทนาได้ ถ้ามีเวทนาหนักๆอย่างท่านสำเภานี้ คุณไปเป่าที่หัวเถอะ ประเดี๋ยวเดียวก็ระงับ ก็เป็นอันว่า คาถานี้ต่อมาภายหลังมีหลายคนรับไปใช้มีประโยชน์มาก คนที่มีทุกขเวทนามากๆ พอไปเป่าเข้านิดเดียวก็สงบทันที จะบอกให้ ทีแรกจะลืมแล้ว คาถานี้ท่านบอกว่า ให้ว่า "นะโมพุทธายะ" และเวลาก่อนจะว่าให้นึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์เสียก่อน แต่ถ้าเราจะเอาจริงๆนะ ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ด้วย นึกถึงพระยายมด้วย
และต่อมาประมาณเดือนยี่ ก็เห็นจะเป็นประมาณเดือนกุมภาพันธ์ หลวงพ่อสำเภาก็ป่วย ท่านแช่มท่านเป็นลูกศิษย์ก็วิ่งมาบอกว่า หลวงพ่อสำเภาป่วย กำลังทะลึ่งพรวดๆ เข้าไปถึงก็ตกใจ ท่านแน่นหน้าอกเสียจนกระทั่งโดดทะลึ่งพรวดๆขึ้นมา ก็เลยช่วยกันจับ จับท่านมา เอาศีรษะท่านวางบนตักแล้วก็เป่า นึกในใจบอกแช่ม ไปจุดธูปบอกพระยายมเดี๋ยวนี้นะ บอกให้ช่วยระงับทุกขเวทนา
แช่มก็ไปจุดธูป 5 ดอก บอกพระยายม อาตมาก็นึกในใจ แต่ไม่ได้เป่าพรวดๆ นึกในใจเฉยๆ พอเริ่มนึกในใจเพียงแค่วินาทีเดียว อาการทุกขเวทนาของท่านก็หยุด ท่านนอนสงบ อาตมาก็ให้นอนอย่างนั้น เป่านึกอยู่อย่างนั้นประมาณสักครึ่งชั่วโมง เห็นท่านสงบสงัดดีแล้ว ก็ค่อยๆเอาศีรษะวางบนหมอน แล้วลุกมาข้างนอก มานั่งคุยข้างนอก ประเดี๋ยวเดียว เสียงว๊ากอีกแล้ว ทะลึ่งอีกแล้ว ก็กลับเข้าไปใหม่ กลับเข้าไปเป่าใหม่ ทีนี้เป่าไม่เลิก คือไม่ได้ไปเป่าพรวดๆนะ นึกในใจเฉยๆว่า นะโมพุทธายะๆ ว่าช้าๆ สบายๆนึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ นึกถึงพระยายมด้วย ขอให้ระงับทุกขเวทนา
เป็นอันว่าต่อมาถึงเวลาใกล้จะเพล ท่านลืมตาขึ้นมาถามว่าเหลือเวลาอีกกี่นาทีจะเพลครับ ท่านพูดเป็นปกติ ก็แหงนดูนาฬิกา ก็เลยบอกท่านว่า เวลานี้เหลือ 3 นาทีจะเพลแล้วครับ ท่านก็เลยบอกว่าผมขอลาครับ ถ้าเพลแล้วผมขอลา พอเสียงตีกลองเพลตึงๆๆ ปรากฏว่าหลวงพ่อสำเภาลืมตาปั๊บ แล้วก็หลับตาปั๊บ ตายไปเลย
เป็นอันว่าคาถาบทนี้ไม่หวงนะ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทนะ ถ้าท่านผู้ใดต้องการจะระงับทุกขเวทนาของใคร ใครเขาป่วยไข้ ไม่สบาย มีทุกขเวทนามาก ให้จุดธูป 5 ดอก จุดเทียน 1 เล่ม มีดอกไม้ก็ใช้ด้วย ถ้าบังเอิญในสถานที่นั้นไม่มีธูป ไม่มีเทียน ไม่มีดอกไม้ก็ไม่เป็นไร ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ แต่พระศรีอริย์ยังไม่เป็นพระพุทธเจ้าก็จริงแล แต่ทว่าต่อไปจะเป็นพระพุทธเจ้า และนึกถึงพระยายมด้วย
แล้วเป่าที่ศรีษะ ค่อยๆเป่า ไม่ต้องเป่าพรวดๆ ให้คนเป่าเหนื่อยหรอกนะ นึกในใจนั่งทางด้านเหนือศีรษะของเขา นึกว่าขอให้ทุกขเวทนาระงับไป และจงอย่าลืมว่าเจ้าของบอกแล้วว่า คาถาบทนี้รักษาโรคไม่หาย กันตายก็ไม่ได้ แต่ว่าระงับทุกขเวทนาได้ ต่อมาก็มีคนหลายคนรับไปปฏิบัติ รู้สึกว่ามีผลดีมาก
นี่ถ้าไม่ได้พูดบทนี้แล้วน่าหนักใจ น่าเสียดาย เพราะคาถาเสียไปบทหนึ่งแล้ว คือคาถากอบศีรษะ คนเป็นโรคไม่สบาย กอบทิ้งหาย น่าเสียดาย แต่ว่าคาถาบทนั้นมีค่าครูสลึงหนึ่ง เพราะว่าคนที่รักษาไม่ยอมเสียสลึงหนึ่ง คนรักษาเลยเป็นตาม ผลที่สุดก็ผ่านไป 3 คนก็ต้องเลิก แต่ว่าคาถานี้ไม่ต้องเสียค่าครู เป็นแต่เพียงยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า เชื่อมั่นในท่าน ยอมรับนับถือพระยายมก็ใช้ได้แล้ว
.............
คัดลอกจาก ธรรมปฏิบัติ22โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(พระมหาวีระ ถาวโร) วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี