เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 2 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา พระราชวิจิตรปฏิภาณ เจ้าคณะจังหวัดชุมพร ประธานฝ่ายสงฆ์ และนายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีรดน้ำสรีระสังขาร พระครูโสตถยาธิคุณ หรือ หลวงพ่อโปร่ง โชติโก อายุ 90 พรรษา เจ้าอาวสาวัดถ้ำพรุตะเคียน เลขที่ 309 หมู่ 8 ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พระเกจิชื่อดังของจังหวัดชุมพรและภาคใต้ หลังจากได้ได้ละสังขารลงอย่างสงบเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.วันที่ 2 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของพุทธศาสนิกชนและเหล่าลูกศิษย์ทั้งข้าราชการ นักการเมือง และประชนทั่วไปจำนวนหลายพันคนที่เดินทางมาร่วมเคารพศพจำนวนมาก
สำหรับ หลวงพ่อโปร่ง โชติโก เจ้าอาวสาวัดถ้ำพรุตะเคียน ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ท่านเป็นพระนักพัฒนาและเป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่ง ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย เป็นที่นับถือศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนในจังหวัดชุมพร ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดถ้ำพรุตะเคียน ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ที่ผ่านมาหลวงพ่อโปร่ง ไม่นิยมในการสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่าน ส่วนใหญ่แล้วพระเครื่องและวัตถุมงคลที่จัดสร้างออกมาก็เนื่องจากไม่อาจขัดศรัทธาของคณะศิษย์ ที่ต้องการนำมาบูชาเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจ สำหรับเหรียญรุ่นสุดท้ายที่อนุญาตให้สร้าง คือรุ่น "มหาเพชรกลับ" แต่ท่านไม่เคยอวดโอ่ มีแต่พร่ำสอนไม่ให้ดำรงชีวิตด้วยความประมาท อย่ายึดมั่นถือมั่นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้น
หลวงพ่อโปร่ง โชติโก มีนามเดิมว่า โปร่ง อยู่กลัด เกิดเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2473 ที่บ้านเลขที่ 63/1 หมู่ 5 ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี บิดา-มารดา ชื่อนายเปรื่อง และนางทองหล่อ อยู่กลัด มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 4 คน ตอนเป็นเด็ก ดำเนินชีวิตเหมือนเด็กทั่วไป เรียนประถมศึกษาตั้งแต่ชั้นประถม 1-3 ที่โรงเรียนวัดรางกำหยาด ต.บางภาษี อ.บางเลน จ.นครปฐม ส่วนชั้นประถมปีที่ 4 ท่านได้ย้ายมาเรียน ที่โรงเรียนชมนิมิต ต.บางจาก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ปรากฏว่าเมื่อเรียนจบแล้ว ทางครอบครัวไม่มีเงินให้เรียนต่อในระดับสูงได้ จึงช่วยครอบครัวทำไร่ทำนา หาเลี้ยงชีพ ครั้นอายุ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบทตามประเพณี ในช่วงพรรษาแรกไปเรียนกัมมัฏฐานกับหลวงปู่หลิม ที่วัดน้อย ต.บ้านโขด อ.เมือง จ.ชลบุรี
ภายหลังมีผู้หญิงมาชอบพอ ท่านเห็นว่าจะอยู่ไม่ได้ จึงลาสิกขาออกมาใช้ชีวิตฆราวาส หลังจากสึกแล้วท่านก็ไปอยู่ที่หัวหิน ไปทำงานเป็นนายท้ายเรือตังเก ลากอวนอยู่ที่หัวหิน บางครั้งก็ไปลากถึงประเทศเขมร จากนั้นจึงมีครอบครัว โดยได้ลูกสาวตำรวจมาเป็นคู่ชีวิต มีบุตรด้วยกัน 3 คน ต่อมาท่านจึงได้คิดกลับมาอุปสมบทอีกครั้ง เมื่อปี 2519 ที่วัดนาขวาง ต.กาหลง อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2519 มีพระครูสมุทรธรรมสุนทร (หลวงพ่อสุด) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์น้อย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูพยนต์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลวงพ่อโปร่ง ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดนาขวาง 1 พรรษา จากนั้นท่านขออนุญาตออกท่องธุดงค์ ช่วงแรกท่านเดินธุดงค์อยู่แถวภาคกลาง เพชรบุรี หัวหิน แล้วเดินจาริกไปเรื่อย จากนั้นเดินทางไปที่ชุมพร ไปจำพรรษาที่วัดถ้ำเขาพลู ที่ อ.ประทิว จ.ชุมพร ด้วยวัตรปฏิบัติอันน่าเลื่อมใส ทำให้ชาวบ้านเกิดความศรัทธาจึงได้ช่วยกันสร้างกุฏิไม้ให้ 1 หลัง สร้างศาลาเอาไว้ทำบุญ และฟังธรรม
จนถึงปี 2528 ชาวบ้านได้ขอร้องท่านให้อยู่เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ โดยร่วมกันสร้างกุฏิไม้บนยอดเขาเพิ่มขึ้น และได้จัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์ถ้ำพรุตะเคียน
ในปี 2532 ได้เกิดพายุเกย์ขึ้นที่ จ.ชุมพร เกิดความเสียหายไปทั่ว ทั้งต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกหักโค่นราบเป็นหน้ากลอง บ้านเรือนถูกพัดพังเสียหายจำนวนมาก หลังจากชาวบ้านได้ช่วยกันฟื้นฟูหมู่บ้าน อีกทั้งแรงศรัทธาพุทธศาสนิกชนจากทั่วสารทิศที่เดินทางมา จึงช่วยกันก่อสร้างพัฒนา สำนักสงฆ์ถ้ำพรุตะเคียน ทำให้มีกุฏิปูน จำนวน 30 หลัง กุฏิไม้ จำนวน 31 หลัง
นอกจากนี้ พุทธศาสนิกชนยังร่วมกันสร้างศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ หอฉัน ศาลาอเนกประสงค์ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ หอระฆัง และพระอุโบสถ กระทั่งปี 2547 ได้รับการยกฐานะเป็นวัด เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2554 ด้วยความเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดพระธรรมวินัย ทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่อย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันมีผู้เลื่อมใสศรัทธา เดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม ประพรมน้ำพระพุทธมนต์จากท่านอย่างไม่ขาดสาย หลวงพ่อโปร่ง เป็นพระเถระที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากชาวบ้าน ด้วยเป็นพระนักพัฒนาและพระนักอนุรักษ์ ในห้วงระหว่างที่ท่านเป็นเจ้าอาวาส ได้พัฒนาวัดและชุมชนรอบพื้นที่ จนมีความเจริญก้าวหน้ามาจนทุกวันนี้
ด้านพระเครื่องและวัตถุมงคล เนื่องจากหลวงพ่อโปร่ง ท่านเป็นพระสายกัมมัฏฐาน ไม่นิยมการสร้างวัตถุมงคล แต่ไม่อาจขัดศรัทธาญาติโยมได้ จึงสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาหลายรุ่น เป็นที่เชื่อถือในความศักดิ์สิทธิ์ ในด้านเมตตามหานิยม และแคล้วคลาด มีผู้ศรัทธาเลื่อมใส ไปขอบูชามากมายจนชื่อเสียงของท่านโด่งดังไปในหลายจังหวัด แต่ถึงแม้ว่า วัตถุมงคลหลวงพ่อโปร่ง จะมีพุทธคุณเกิดประสบการณ์ต่างๆ และได้รับความนิยมจากบรรดาสานุศิษย์ แต่ท่านไม่เคยอวดโอ่ มีแต่พร่ำสอนไม่ให้ดำรงชีวิตด้วยความประมาท อย่ายึดมั่นถือมั่นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้น ขณะยังมีชีวิตขอให้ทุกคนหมั่นประกอบแต่กรรมดี ละเว้นทำชั่ว
จากความศรัทธาที่มีต่อ หลวงพ่อโปร่ง ทำให้วัดถ้ำพรุตะเคียนแห่งนี้ กลายเป็นศูนย์รวมของพระสายวิปัสสนาและพุทธศาสนิกชนที่รักสงบ ชอบธรรมะ เดินทางมาร่วมปฏิบัติธรรมกันอย่างไม่ขาดสาย และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
หลวงพ่อโปร่ง ถือเป็นผู้นำทางคุณธรรม ศีลธรรมของชาวบ้านอย่างแท้จริง ด้วยความที่เป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ไม่สะสม และยึดติดในลาภ แม้ล่วงวัยมาถึง 90 ปี แต่ยังคงมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไปกิจนิมนต์ไกลๆ ได้โดยไม่เหน็ดเหนื่อย
กระทั่งเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา นายทนงศักดิ์ เกิดผล ลูกศิษย์คนสนิท เปิดเผยว่า ในช่วงเวลา 12.00 น. ตนเองพร้อมทั้งลูกศิษย์คนอื่นๆ ยังได้พูดคุยกับหลวงพ่อตามปกติและหลวงพ่อยังพูดจาโต้ตอบได้ หัวเราะได้ ต่อมาหลวงพ่อได้เอนตัวและหลับตานอนลงบนเตียง ลูกศิษย์มารู้อีกทีเมื่อเวลา 13.00 น เพราะหลวงพ่อนอนนิ่งไม่เคลื่อนไหว จึงเข้าไปดูพบว่าชีพจรหยุดเต้น จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ หมอ พยาบาลใกล้เคียงเข้ามาช่วยยื้อชีวิต แต่เนื่องจากไม่มีอาการตอบสนองใดๆทั้งสิ้น ซึ่งหลวงพ่อได้ละสังขารไปอย่างสงบแล้ว รวมอายุ 90 พรรษา อุปสมบทได้ 45 พรรษา
นับเป็นพระดีอีกรูปของเมืองชุมพร ท่านใดมีโอกาสเดินทางไปกราบไหว้ขอพรท่าน นับเป็นมงคลอย่างยิ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี