เกิดโรคระบาด เด็กอนุบาล และเด็กประถม ล้มป่วย ด้วยอาการอาเจียน และ ท้องเสีย มากกว่า 500 คน ด้านจังหวัดระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้สถานการณ์ พร้อมประเมินว่า สัปดาห์หน้าจะสั่งปิดโรงเรียน หรือไม่ ขณะที่ เลขา รมต.ศึกษา แนะประชาชนดูแลบุตรหลาน กินของสะอาด และล้างมือทุกครั้ง ส่วนโรคเรียนต้องสงสัยให้รีบดำเนินการตรวจสอบเพื่อหยุดการระบาด
6 กันยายน 2562 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส.กุลวลี นพอมรบดี สส.ราชบุรี ว่ามีผู้ปกครองของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งกลางเมืองราชบุรีบอกว่า เด็กๆตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงชั้น ป.6 เกิดอาการอาเจียน ท้องเสียเป็นจำนวนมาก แต่ทางโรงเรียนดังกล่าวยังไม่ออกมาชี้แจงหรือสั่งปิดโรงเรียนเพื่อทำการตรวจสอบแต่อย่างใด และขณะนี้โรงเรียนได้มีการจัดงานกีฬาสีประจำปี ซึ่งผู้ปกครองหวั่นว่าจะมีการระบาดของโรคและอาจจะมีเด็กป่วยด้วยโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้น ล่าสุดได้มีการประสานไปทางท่าน ผอ.รพ.ศูนย์ราชบุรี และผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี รวมไปถึงรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเร่งหาแนวทางช่วยเหลือเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดไปเป็นวงกว้าง
ขณะที่ทางด้านสังคมออนไลน์ต่างออกมาตั้งข้อสังเกตและร้องเรียนผ่านไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงการล้มป่วยของเด็กนักเรียนจากโรคเรียนอนุบาลดังกล่าวที่เกิดขึ้นพร้อมกันมากกว่า 100 คน ทำให้เกิดการเป็นห่วงของผู้ปกครอง และร้องไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาตอบปัญหาที่เกิดขึ้น
ล่าสุด นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สาธารณสุขจังหวัด เทศบาลเมืองราชบุรี โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี ประปาเทศบาลเมืองราชบุรี ฝ่ายปกครอง รวมไปถึงผู้บริหารโรงเรียนอนุบาลราชบุรี เร่งประชุมด่วน ที่ห้องประชุมผู้อำนวยการชั้น 2 โรงเรียนอนุบาลราชบุรี อ.เมือง จ.ราชบุรี เพื่อขอข้อมูลของการเกิดโรคระบาดดังกล่าว และเร่งแก้ไขปัญหาหยุดการระบาดของโรคที่เกิดขึ้น
จากการรายงานของ นพ.ปิยะณัฐ บุญประดิษฐ์ นายแพทย์ผุ้เชี่ยวชาญโรคระบาทวิทยา โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2562 เวลา 21.00 น. ทีมตระหนักรู้สถานการณ์ (SAT) โรงพยาบาลราชบุรี ได้รับแจ้งจากไลน์กลุ่มผู้ปกครองชั้นอนุบาล โรงเรียนอนุบาลราชบุรี ว่ามีผู้ป่วยสงสัยโรคอาหารเป็นพิษ เป็นเด็กนักเรียนอนุบาลจำนวน 2 ห้อง ห้องละอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป จึงได้แจ้งทีมสอบสวนควบคุมโรค (JIT) โรงพยาบาลราชบุรีดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรคในโรงเรียน ในวันที่ 4 – 5 กันยายน 2562 โดยมีผู้ป่วยสงสัยอาหารเป็นพิษทั้งหมดจำนวน 517 ราย แยกตามชั้นปี ดังนี้ อนุบาล 2 จำนาน 60 ราย อนุบาล 3 จำนวน 74 ราย ป.1 จำนวน 126 ราย ป.2 จำนวน 87 ราย ป.3 จำนวน 33 ราย ป.4 จำนวน 74 ราย ป.5 จำนวน 46 ราย และ ป.6 จำนวน 19 ราย
โดยพบว่ามีอาการเริ่มต้น ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 30 ส.ค. 62 จำนวน 1 ราย วันเสาร์ที่ 31 ส.ค. 62 จำนวน 1 ราย วันอาทิตย์ที่ 1 ก.ย.62 จำนวน 2 ราย วันจันทร์ที่ 2 ก.ย.62 จำนวน 11 ราย วันอังคารที่ 3 ก.ย.62 จำนวน 144 ราย และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 4 - 5 ก.ย.62 รวมแล้ว 517 ราย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการอาเจียน และปวดท้องเป็นหลัก บางส่วนมีไข้ และถ่ายเหลวในเวลาต่อมา ผู้ป่วยมีทั้งที่ดูอาการที่บ้าน รักษาที่คลินิก และไปที่โรงพยาบาลของรัฐและเอกชน บางรายได้รับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน
จากนั้นทีมสอบสวนควบคุมโรค (JIT) โรงพยาบาลราชบุรี ได้เร่งดำเนินการเข้าไปควบคุมโรคในโรงเรียนดังกล่าว พร้อมทั้งค้นหาผู้ป่วยสงสัยอาหารเป็นพิษในโรงเรียนเพิ่มเติม และได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างภายในโรงเรียนเพื่อทำการส่งผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ อาทิ ตัวอย่างจากแม่ครัวในโรงเรียนทั้งหมด ตั้งแต่เครื่องประกอบอาหาร ตรวจร่างกาย และภาชนะ น้ำที่ใช้ เพื่อหาเชื้อแบคทีเรียก่อโรค ตัวอย่างจากผู้ป่วยสงสัยอาหารเป็นพิษ เก็บอุจจาระและเลือด ตัวอย่างจากน้ำดื่มและน้ำใช้ทั้งหมด เพื่อส่งหาทั้งแบคทีเรียและไวรัส พร้อมใช้เครื่องวัดคลอรีนอิสระในน้ำดื่มและน้ำใช้ รวมไปถึงประสานกับทางโรงพยาบาลเอกชนเพื่อถามถึงอาการผู้ป่วยสงสัยอาหารพิษและผลตรวจทางห้องปฏิบัติการต่อไป
และจากรายงานการผลตรวจอุจจาระของเด็กที่ป่วยที่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนที่ทางผู้ปกครองส่งบุตรไปรักษา พบว่า เป็นเชื้อ “โนโรไวรัส” โดยได้แจ้งผู้อำนวยการโรงเรียนให้ทราบ และประสานกับทางหน่วยงานประปาเทศบาล เติมคลอรีนเพิ่มเติมในน้ำประปา เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อไวรัสเบื้องต้น
นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า จากการประชุมติดตามสถานการณ์ของการเกิดโรคดังกล่าว และบูรณาการแก้ไขปัญหาโรคทางเดินอาหารจากเชื้อโนโรไวรัสในสถานศึกษา ที่พบว่ามีเด็กป่วยกว่า 500 ราย โดยสรุปแผนปฏิบัติ 1.จัดจิตอาสาของอำเภอเมืองจำนวน 150 ราย มาช่วยกันทำความสะอาดใหญ่ใน รร.อนุบาล และหากไม่เสร็จให้ต่อในวันพรุ่งนี้อีก 2.ให้ท้องถิ่นจังหวัดประสานทุก อปท.ทั้ง 10 อำเภอในจังหวัดราชบุรี ทำความสะอาดใหญ่สถานศึกษา ศูนย์เด็กเล็กในสังกัดทุกแห่ง 3.แจ้งประสาน การประปาส่วนภูมิภาค ประปาตำบล ประปาหมู่บ้าน และประปาเทศบาลทุกแห่ง และกลุ่มผู้ใช้น้ำ ประสานสาธารณสุขขอคำแนะนำเพิ่มคลอลีนในระบบประปา
4. ให้สำนักศึกษาธิการจังหวัด สั่งให้ทุกโรงเรียนทำความสะอาดใหญ่ในช่วงวันหยุด รวมไปถึงส่วนราชการที่มีผู้ใช้บริการมากและสถานประกอบการต่างๆ และให้แจ้งประสานหน่วยงาน ผู้ประกอบการต่างๆ ร่วมทำความสะอาดใหญ่ในทุกองค์กรเช่นกัน และ 5. ให้ทางสาธารณสุขจังหวัด และ ประชาสัมพันธ์จังหวัดราชบุรี ร่วมกันเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรค “โนโรไวรัส” ถึงการป้องกัน การรักษา รวมทั้งสนับสนุนเวชภัณฑ์ในการรณรงค์ทำความสะอาดของทุกองค์กร
ด้านนายไกรเสริม โตทับเที่ยง เลขา รมต.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย น.ส.กุลวลี นพอมรบดี สส.ราชบุรี และคณะ เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมอาการป่วย พร้อมทั้งมอบสิ่งของให้กับเด็กนักเรียนที่นอนพักรักษาตัวอยู่ภายโรงพยาบาลราชบุรี เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเด็กและผู้ปกครอง
โดย เลขา รมต.ศึกษาธิการ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับเรื่องแจ้งจาก ส.ส.ราชบุรี ว่าเกิดการระบาดโรค “โนโรไวรัส” ตนจึงได้เรียนให้ทางรัฐมนตรีทราบพร้อมทั้งเร่งเดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อเร่งหาทางแก้ไขและไม่ให้มีการระบาดเพิ่มเติม ซึ่งจากการที่สอบถามทางแพทย์แล้ว เป็นโรคที่ไม่มีอะไรซับซ้อน และสามารถเกิดขึ้นได้ในหมู่เด็กๆที่มีการรวมตัวกัน ซึ่งช่วงนี้อากาศชื้นเชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายไปได้ง่าย ตนได้สั่งกำชับให้ทางหน่วยงานในสังกัด ได้นำมาตรการในการควบคุมโรคเบื้องต้น รณรงค์เรื่องกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการระบาดของโรคติดต่อในโรงเรียน เน้นมาตรการล้างมือก่อนเข้าเรียน ก่อนรับประทาน และหลังออกจากห้องน้ำ โดยมีสบู่เหลวให้เพียงพอ
“ผู้ป่วยให้หยุดเรียนอย่างน้อย 2 วันต่อจากวันป่วยและจนกว่าจะหาย ปิดโรงเรียน 1 วันก่อนเดินพาเหรดกีฬาสีในชั้นอนุบาล ทำความสะอาดห้องน้ำ ห้องเรียน หน้าห้องเรียน ที่เตรียมอาหารและโรงอาหาร ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อคลอรีนเข้มข้น 5000 ppm. (0.5 % sodium hypochlorite) พร้อมทั้งติดตามเฝ้าระวังผู้ป่วยสงสัยอาหารเป็นพิษในโรงเรียนประถมแห่งนี้รวมทั้งผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลทั้งรัฐบาลและเอกชนจนไม่พบผู้ป่วยเป็นเวลาอย่างน้อย 4 วันต่อเนื่อง (2 เท่าของระยะฟักตัว)”
สำหรับลักษณะของโรคเกิดจากเชื้อ “โนโรไวรัส” อาการของโรคที่พบได้บ่อยคือ “อาเจียน” อาจพบได้มากกว่า ร้อยละ 50 ของผู้ป่วย อาการอื่นๆ เช่น ถ่ายเหลว(ไม่มีเลือดปน) ปวดท้อง ไข้ เป็นต้น ระยะฟักตัวของโรค 10 – 50 ชั่วโมง ผู้ป่วยได้รับเชื้อผ่านทางอาหารและน้ำหรือสัมผัสสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนเชื้อ ดังนั้นจึงควรเฝ้าระวังภาวะขาดน้ำซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต เชื้อสามารถอยู่ในร่างกายของผู้ป่วยและปนเปื้อนอยู่ในอุจจาระได้นานกว่า 2-3 สัปดาห์ แม้ว่าผู้ป่วยจะไม่มีอาการถ่ายเหลวแล้วก็ตาม โนโรเป็นเชื้อไวรัส ชนิดไม่มีเปลือกทำให้ทำลายเชื้อได้ยากกว่าปกติ การทำลายเชื้อในสิ่งแวดล้อมสามารถทำได้โดยใช้คลอรีนเข้มข้น 5000 ppm. (0.5 % sodium hypochlorite)
สถานการณ์ใน จ.ราชบุรี เมื่อเดือนมิถุนายน 2562 มีการระบาดของเชื้อโนโรไวรัสในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี จำนวน 100 ราย เนื่องจากเป็นโรคที่เชื้อมีความทนสูงทำลายได้ยาก และติดต่อได้ง่ายมากจึงมีโอกาสเกิดการระบาดของโรคในโรงเรียนเป็นวงกว้างได้สูงและอย่างต่อเนื่อง โดยการสรุปการประเมินระดับความเสี่ยงว่าอยู่ในระดับ เสี่ยงปานกลาง เนื่องจากไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตถ้าไม่มีอาการขาดน้ำรุนแรง และมีมาตรการในการป้องกันควบคุมโรคได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี