หาเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ความเกิด ความตายของสัตว์ในกำเนิดต่างๆ มีสืบเนื่องกันมาเป็นลำดับลำดา ไม่หยุด ไม่ยั้งเรื่อยมาจนปัจจุบันนี้ และยังจะต้องเป็นไปอีก ถ้าหากว่าเชื้อพาให้เกิดตายยังมีอยู่ ตราบใด เชื้อ ก็คือ กิเลส รวมลงไปแล้วก็คือ อวิชชาที่ฝังใจแท้
พูดอย่างนี้ ถ้าไม่ได้ปฏิบัติก็ไม่รู้สิ่งเหล่านี้และถึงจะพูดให้ฟังก็ไม่มีใครเชื่อ เชื่อก็เชื่อแบบรางๆ ไป แต่สำหรับเราเองเราเชื่อว่างั้นเลย เชื่อพระพุทธเจ้า 100 เปอร์เซนต์ เรื่องเกิดเรื่องตาย เพราะอำนาจของเชื้อ คือ กิเลสพาให้เกิดให้ตาย มีเชื้อคือกิเลสนี้เท่านั้น เชื้อก็หมายถึงอวิชชา ที่จะทราบมัน ก็ชำระลงไปซิ พระพุทธเจ้าสอนสิ่งที่มีที่จริง
วันนี้พวกกรุงเทพฯ เขามานี้สองคนผัวเมีย มาสร้างนั้นสร้างนี้ตามหน้าโรงพยาบาล ศาลพระภูมิเจ้าที่อะไรเหล่านี้แหละ เขามาหาเรา เขาสงสัยถึงเรื่องภูตผี เทวบุตรเทวดาเป็นความจริงไหมท่านอาจารย์ว่างั้น ในวงปฏิบัติ พระท่านปฏิบัติเป็นยังไง
เราก็ไม่พูดว่าเป็นความจริงหรือไม่จริง เรายกข้อเปรียบเทียบขึ้นในขณะนั้นว่า เช่น ผู้เป็นหมอซึ่งมีเครื่องมือพิสูจน์เชื้อโรคต่างๆ และสามารถพิสูจน์เชื้อโรคต่างๆ ได้ว่า โรคชนิดนั้นๆ คือ โรคชนิดนั้น เห็นชัดด้วยกล้อง คือ เครื่องมือนั้นอย่างชัดเจน บรรดาหมอทั้งหลายที่ได้เรียนมาในหลักวิชาอันเดียวกัน และได้ปฏิบัติต่อเชื้อโรคมาแบบเดียวกัน แล้วจะสงสัยที่ไหน คนอื่นที่เขาไม่เป็นหมอ เขามาปฏิเสธว่าเชื้อโรคไม่มีจริงอย่างนี้ ความปฏิเสธของเขา ความไม่เชื่อของเขานั้น จะลบล้างความจริง คือ เชื้อโรคชนิดต่างๆที่มีอยู่ และได้พิสูจน์ดูแล้วด้วยเครื่องมือ เขาจะมาลบล้างความจริงนี้ได้ไหม
เขาก็ยอมรับ บอกว่าไม่ได้ แล้วคนเราทั่วๆ ไปเห็นได้ไหม เห็นไม่ได้ เพราะไม่มีเครื่องมือ เป็นของละเอียด และโรคแต่ละชนิดเป็นของละเอียดมาก จึงต้องอาศัยเครื่องมือ นี่ผู้ที่จะรักษาโรคชนิดต่างๆให้หายได้ ต้องเป็นผู้รู้เรื่องของโรค พร้อมทั้งหยูกยา วิชาแพทย์เป็นอย่างนั้น สมุฏฐานของโรคก็รู้ โรคเป็นโรคชนิดไรก็รู้ แล้วรักษาด้วยยาขนานใดถึงจะหาย หมอก็รู้ถึงจะรักษาโรคให้หายได้ ถ้าไม่รู้อย่างนี้รักษาไม่หาย เท่าที่หมอรักษามานี้ ก็โรคแต่ละชนิดนี้นั้น ได้ทำการพิสูจน์กันมาอย่างประจักษ์แล้วว่า ได้ผลเป็นที่พอใจ แล้วจึงนำวิชานั้นๆ มารักษาโรค
ที่นี้พระพุทธเจ้ากับคนทั่วๆ ไปก็เป็นบุคคลที่แปลกต่างกันอยู่มาก เหมือนกับหมอและประชาชนทั่วๆไป ซึ่งเขาไม่ได้เป็นหมอ แปลกต่างกันอยู่มากที่เกี่ยวกับเรื่องของโรคชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นของละเอียดลออ พระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน หากไม่มีความรู้ ความฉลาด รู้เรื่องของกิเลสตัณหาอาสวะ รู้เรื่องของเปรต ของผี ของเทวบุตรเทวดาแล้ว จะนำมาสั่งสอนโลกไม่ได้
แต่เราไม่ได้พูดในแง่อย่างนี้ เราพูดลงไปถึงเรื่องว่า ธรรมะทั้งหมดที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนนี้ ทรงได้ทำการพิสูจน์จนประจักษ์ในพระทัยแล้วทุกแง่ทุกมุม ไม่ได้มาสั่งสอนโลกอย่างด้นเดา เช่นเดียวกับหมอไม่ได้มารักษาโรคแบบด้นเดา เป็นหมอตามหลักวิชาแพทย์จริงๆไม่ใช่หมอเถื่อน
พระพุทธเจ้าก็เป็นพระพุทธเจ้าจริง ไม่ใช่พระพุทธเจ้าเถื่อน ทรงรู้แจ้งเห็นจริงทุกแง่มุม ทั้งภายในภายนอก ทั้งส่วนหยาบ ส่วนละเอียด เรื่องกิเลสตัณหาอาสวะก็ทรงทราบทุกสัดทุกส่วนของกิเลส ทุกประเภทของกิเลส เรื่องเปรต เรื่องผี เรื่องเทวบุตรเทวดา ก็มีอยู่ในตำรับตำรา ซึ่งพระองค์ทรงแสดงไว้แล้วทุกแง่ทุกมุม เพราะความประจักษ์พระทัยแล้วจึงแสดงออก เมื่อเป็นเช่นนั้นใครจะเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้มีหรือไม่มีก็ไม่สามารถที่จะลบล้างสิ่งที่มีอยู่นี้ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้แล้วนั้นได้
..............
คัดลอกจากหนังสือ "เทวดา" หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี