บรรดาผู้ที่ขับรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์โปรดทราบ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้าท่านถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจดู "ใบขับขี่" ท่านสามารถแสดงใบขับขี่ต่อเจ้าหน้าที่ได้ 3 รูปแบบได้แก่ 1.การแสดงใบขับขี่ตัวจริงตามเดิม 2.โหลดแอปพลิเคชันจากกรมการขนส่งทางบกเพื่อแสดงหลักฐานรายละเอียดของใบขับขี่ และ 3.เอกสารแทนใบขับขี่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมของคณะกรรมการเพื่อกำหนดรูปแบบของเอกสารแทนใบขับขี่ดังกล่าว เนื่องจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 เริ่มบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา
ที่สำคัญถ้าท่านถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจดู "ใบขับขี่" เมื่อท่านให้ตำรวจตรวจดูแล้ว ก็ขอใบขับขี่ของท่านคืนด้วย เนื่องจากกฎหมายได้ออกมาบังคับใช้ไม่ให้ตำรวจยึดเก็บใบขับขี่ของท่านแล้ว แต่ท่านต้องรับใบสั่งที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจออกให้ท่านอย่างหลีกเลี่ยงมิได้...
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายและการจัดระเบียบการจราจรทางบกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นประโยชน์แก่ ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อยและสวัสดิภาพของประชาชน และประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น ซึ่งการตราพระราชบัญญัตินี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โดยประเด็นที่น่าสนใจ ในพ.ร.บ.นี้คือ มาตรา 8 ที่ระบุว่า ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 31/1 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 โดยมีเนื้อหาสำคัญอยู่ในมาตรา 31/1 ว่า "ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวและต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ ในกรณีที่ผู้ขับขี่แสดงใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ให้ถือว่าผู้ขับขี่มีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวตามวรรคหนึ่งแล้ว"
ดังนั้น ตำรวจจราจรสามารถเรียกตรวจใบขับขี่ สามารถออกใบสั่งได้ แต่จะไม่สามารถยืดใบขับขี่ได้ ประชาชนสามารถใช้ใบขับขี่ดิจิตอล จากกรมการขนส่งทางบกได้ สามารถโหลดใช้งานในโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้ทั้ง แอนดรอย และไอโฟน โดยค้นหาจากคำว่า DLT QR LICENCE
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบและพูดคุยกับผู้ใช้รถใช้ถนนของ "ทีมเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์" เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายเจริญชัย (ขอสงวนนามสกุล) หรือ "คุณไก่" คนขับแกร็บคาร์ย่านแจ้งวัฒนะ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนเห็นด้วยที่มี พ.ร.บ.จราจรฯฉบับใหม่มาแทนตัวเดิม เพราะหากเกิดการกระทำผิดจริงอย่างเล็กๆน้อยๆเจ้าหน้าที่เอะอะก็จะยึดใบขับขี่อย่างเดียว แต่การที่จะยึดใบขับขี่ได้ก็อยากให้เป็นกรณีๆไป เช่น ขับรถฝ่าไฟแดง ,ขับย้อนศร เพราะที่กล่าวมาคือความประมาทที่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง หรือจะแทบทุกครั้ง
"ในฐานะที่ผมขับแกร๊บความเสี่ยงของผมคือตำรวจ เพราะแกร๊บยังเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทยอยู่จึงมีความเสี่ยงสูงที่เมื่อถูกจับแล้วจะโดนยึดใบขับขี่ แต่เมื่อมี พ.ร.บ.ฉบับใหม่ออกมาก็ไม่รู้ว่าถ้าไม่ยึดใบขับขี่คนขับแกร๊บแล้วจะโดนข้อหาอะไรเพิ่มบ้างนอกจากค่าปรับ กับสิ่งที่ต้องระวังอีกเรื่องคือการปะทะกับคนขับแท็กซี่ เพราะเค้าไม่ยอมที่มีแกร๊บวิ่งรับผู้โดยสารแข่งกับเขา แต่ก็ต้องยอมรับว่าแกร๊บผิดกฎหมาย"
นายเจริญชัย กล่าวต่อว่า พ.ร.บ.จราจรฯ ฉบับใหม่นี้ก็น่าจะสร้างความสะดวกไม่น้อย เพราะเราสามารถพกใบขับขี่ได้ถึง 3 แบบ แต่ตนก็คิดว่าแบบเดิมน่าจะดีที่สุด เพราะถ้าเป็นการใช้แอพพลิเคชั่น ในการแสดงใบขับขี่ก็มีความเสี่ยงที่แอพฯ อาจจะล่มได้ และถ้าล่มในจังหวะที่เราถูกตำรวจเรียกตรวจพอดีก็คงทำอะไรไม่ได้
"การใช้เอกสารแทนใบขับขี่ก็ถือว่าดีระดับหนึ่งเพราะสามารถถ่ายเอกสารติดรถไว้ใช้แทนตัวจริงได้ แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็ต้องมองดูอีกด้านว่าการไม่ยึดใบขับขี่นั้นจะเป็นการสร้างช่องโหว่อื่นๆ เพื่อจะยึดใบขับขี่หรือเปล่า เพราะต่อให้กฎหมายออกมาเพื่อสร้างความสะดวกสบายแค่ไหนก็ต้องมีช่องทางในการเอาผิดอื่นๆ จนได้" นายเจริญชัย กล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.ได้เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีการประกาศใช้ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 ซึ่งมีการบัญญัติให้ยกเลิกความในบางมาตรา และบัญญัติใหม่ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 กันยายนมีประเด็นที่สังคมให้ความสนใจเกี่ยวกับการยกเลิกเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้ดำเนินการตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จึงมีมาตรการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง การรณรงค์ สร้างช่องทางการรับรู้ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงการเคารพกฎหมายจราจร มีวินัย มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง โดย ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะผู้กำกับดูแลงานด้านกฎหมายจราจร จัดตั้งคณะทำงานเพื่อทำการศึกษาสภาพปัญหา หาแนวทางแก้ไข โดยบูรณาการกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการทุกพื้นที่ผู้บังคับการทุกจังหวัด ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับทราบ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว รวมทั้งให้หน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ให้มีการจัดฝึกอบรมความรู้ในการบังคับใช้กฎหมายจราจร ที่ประกาศใหม่นี้เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ถูกต้อง จากนั้นจึงมีหนังสือสั่งการไปถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อกำชับให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมาที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 20 กันยายน เพื่อกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง ไม่เกิดความสับสน จนเกิดความเดือดร้อนกับผู้ใช้รถใช้ถนน
"มีประเด็นที่สำคัญ คือ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ม.140 แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ฉบับที่ 12 พ.ศ.2562 ในการออกใบสั่งของเจ้าพนักงานจะไม่เรียกเก็บใบขับขี่ของผู้ที่กระทำผิดกฎหมายจราจร อีกทั้งหากไม่พบตัวผู้ขับขี่และไม่สามารถติด ผูก หรือแสดงใบสั่งไว้ที่รถได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ตามมาตรา 140 วรรคสองฯ โดยให้ส่งใบสั่ง พร้อมด้วยพยานหลักฐานทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังภูมิลำเนาของเจ้าของรถ หรือผู้ครอบครองรถ เพื่อให้ชำระค่าปรับ ภายในระยะเวลาที่กำหนดในใบสั่งนั้น ส่วนผู้ขับขี่เองก็จะต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัว ไม่ว่าจะเป็นแบบดั้งเดิม หรือรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่เรียกว่า ใบขับขี่ดิจิทัล และต้องนำแสดงต่อตำรวจจราจร เมื่อถูกเรียกตรวจ โดยใบขับขี่ที่เป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องเปิดจากแอปพลิเคชัน ของกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น ไม่สามารถก็อปปี้หน้าจอหรือใช้ภาพถ่ายแทนได้"
"ส่วนในประเด็นกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่าหากไม่มีการยึดใบขับขี่แล้วจะทำให้ผู้ที่ทำผิดกฎจราจร ไม่ไปชำระค่าปรับตามใบสั่งนั้น ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประสานงาน และวางมาตรการ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ฉบับใหม่ โดยการเชื่อมโยงข้อมูลการออกใบสั่งของตำรวจในแต่ละพื้นที่กับฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก เมื่อผู้ขับขี่ไม่ยอมชำระค่าปรับ เมื่อไปเสียภาษีรถยนต์ประจำปี กรมการขนส่งทางบกจะตรวจสอบจากระบบ หากพบว่ามีค่าปรับที่ค้างชำระ นายทะเบียนจะรับชำระภาษี และออกหลักฐานการชำระภาษีชั่วคราวให้เท่านั้น และใช้ได้เพียง 30 วันจนกว่าจะชำระค่าปรับเสร็จสิ้น จึงจะได้ใบแสดงการเสียภาษีฉบับจริง เมื่อใบแทนแสดงการเสียภาษีชั่วคราวหมดอายุ ผู้ขับขี่ก็จะมีความผิด คือ ไม่แสดงเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี ซึ่งต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี