ยุคสมัยนี้เราจะเห็นได้ว่า ผู้หญิงถูกข่มขืน กระทำชำเราอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับผู้หญิง ทั้งนี้ มีการรณรงค์ให้มีโทษ “ข่มขืน=ประหาร” เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างในสังคม โดยส่วนมากมีคนเห็นด้วยกับโทษประหารดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด พระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ได้เพิ่มโทษข่มขืนเท่ากับประหารไว้บ้างกรณี แต่อย่างไรก็ตามขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงก็ย่อมมีความหวาดกลัว และไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตนเอง...

“ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์”  ได้พูดคุยกับ “น้องต้า” หรือ นางสาวจณิตสตา โพธิ์บาง อายุ 22 ปี นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ สาวสวยจากกรุงเทพมหานคร เปิดเผยกับทีมข่าวฯ ถึงภัยของผู้หญิงในสังคมปัจจุบัน ว่า ปัจจุบันข่าวผู้หญิงถูกข่มขืนมีบ่อยครั้ง ถือว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากสำหรับผู้หญิง เพราะตนรู้สึกกลัว เวลาเลิกเรียนดึก เดินทางเข้าซอยคนเดียวก็มีความรู้สึกกังวลและกลัวมาก

น้องต้า เล่าให้ทีมข่าวฯ ฟังอีกอีกว่า ตนสนับสนุนโทษข่มขืนเท่ากับประหารเป็นอย่างมาก และอยากให้มีการเข้มงวดกับคนที่เคยติดคุกในคดีข่มขืนแล้วหลุดโทษออกมาใช้ชีวิตในสังคม เพราะหลายคดีมีการก่อเหตุซ้ำๆ หลุดโทษจากคดีข่มขืนมาก็กลับไปทำกับคนอื่นอีก เราจะเห็นได้ว่ามีข่าวเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นคนไทยที่เป็น เด็ก ผู้สูงอายุ วัยรุ่น หรือแม้กระทั้งนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมืองไทย ล่าสุดกรณีที่เกาะเต่าถือเป็นตัวอย่างที่ดี เพราะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับประเทศไทย

“ผู้หญิงบางรายโดนขมขืน บางส่วนเรามีโอกาสได้รู้ แต่ก็คงมีอีกหลายรายที่ไม่กล้าที่จะเปิดเผย และต้องทนทุกข์ทรมานเก็บความเจ็บปวดนั้นไว้ โดยไม่สามารถบอกให้ใครได้รับรู้ได้ ซึ่งหากโทษของการข่มขืนคือการถูกประหาร คนที่จะกระทำผิดอาจจะมีการไต่ตรองหรือฉุดคิดก่อนที่จะก่อเหตุ” น้องต้า กล่าว

น้องต้า เล่าต่ออีกว่า เวลากลับจากเรียนตอนเย็น แล้วกลับเข้าที่พักมืดๆ จะให้เพื่อนไปส่งที่พัก เพราะไม่กล้าเดินกลับคนเดียว หรือบางครั้งไปกับเพื่อนหลายๆ คน เพราะไปทางเดียวกัน และพวกเครื่องประดับแนะนำว่าอย่าใส่มาเรียน ถ้าจะใส่ก็ใส่ได้แต่ต้องระวังตัวเอง อย่าให้เป็นที่ล้อตาขอพวกโจร และที่สำคัญเราเป็นผู้หญิงด้วย

“เราเป็นผู้หญิงต้องระมัดระวังตัวเอง จากพวกคนโรคจิต ได้โดยแต่งตัวให้มิดชิด ไม่โป๊เปลือย เข้าใจว่าผู้หญิงชอบแต่งตัวตามแฟชั่น แต่อยากจะให้รู้เอาไว้ว่าการแต่งตัวให้มิดชิดหรือไม่โป๊จะไม่ดึงดูดสายตาคนร้าย อย่าไปไหนคนเดียวตามลำพัง ผู้หญิงเราการไปไหนคนเดียวถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายอยู่แล้ว เพราะผู้หญิงมีพละกำลังน้อยกว่าผู้ชาย สู้แรงไม่ไหว ทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจ และถ้าอยู่บนแท็กซี่ตอนกลางคืนให้คุยโทรศัพท์มือถือกับเพื่อนตลอดเวลาที่อยู่บนรถ” นางสาวจณิตสตา กล่าววิธีป้องกันตัวเองทิ้งท้ายไว้

ทั้งนี้ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 27) พ.ศ. 2562 โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกระทำชำเรา การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายกระทำชำเราครั้งนี้ มีประเด็นสำคัญ คือ

1.มาตรา 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา “กระทำชำเรา” หมายความว่า กระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำ โดยการใช้ อวัยวะเพศของผู้กระทำล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น นั่นหมายความว่า การใช้ “อวัยวะหรือวัตถุอย่างอื่นกระทำอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของอีกฝ่าย ให้ถือเป็น “การอนาจาร” (ซึ่งมีโทษเทียบเท่าการข่มขืนกระทำชำเราแทน ตามมาตรา 278 วรรคสอง และมาตรา 279 วรรคสี่แก้ไขใหม่)

2.เพิ่มมาตรา 280/1 หากการข่มขืนกระทำชำเรามีการบันทึกภาพหรือเสียงไว้ และถ้าหากส่งต่อภาพหรือเสียงนั้น ก็จะต้องบทเพิ่มโทษถึงกึ่งหนึ่ง

3. แก้มาตรา  276 เป็น ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่า ตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท ถ้าผู้กระทำมีอาวุธปืน หรือวัตถุระเบิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถึงสี่แสนบาท แต่ถ้ามีการโทรมหญิงร่วมด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ สิบห้าปี ถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สามแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต

4. ถ้าการข่มขืนกระทำชำเรา เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่ สามแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต แต่หากถึงแก่ความตาย ระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต

5. บทบัญญัติการข่มขืนกระทำชำเรา “ศพ” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6. มาตรา 277 ผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน จะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท ถ้าผู้ถูกกระทำชำเราเป็นเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต

อ่านประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับการกระทำชำเราฉบับเต็ม

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/069/T_0127.PDF