ปัจจุบันโซเชียลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเรามากขึ้น บางคนเป็นการเสพติด แทบจะขาดไม่ได้ แต่การใช้โซเชียลนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย “ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์” จึงได้ไปลงพื้นที่พูดคุยกับน้องๆ นักศึกษาว่าแต่ละคนเสพติดโซเชียลมากน้อยแค่ไหน...

โดยทีมข่าฯ ได้พูดคุยกับ นางสาวนิธิพร แพเสือ หรือ “น้องตาล” อายุ 20 ปี สาวสวยจากรั้วมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล เปิดเผยว่า การใช้โซเชียลในปัจจุบันมีทั้งผลดีและผลเสีย ข้อดีเวลาเราเดินทางเปิดดูเส้นทางได้ หรือค้นหาข้อมูลเวลาเรียนหนังสือ ข้อเสีย คือ หากเราโพสต์อะไรที่ไม่ดีออกไปก็จะเป็นผลเสียต่อตัวเรา แต่ถ้าเป็นเด็กอาจจะโพสต์ด้วยอารมณ์ชั่ววูบอาจจะใช้โซเชียลไปในทางที่ผิดได้ ทุกวันนี้เราตัดสินคนกันแค่การโพสต์บนเฟซบุ๊กเท่านั้น โดยไม่รู้ว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนดีหรือไม่ดี ซึ่งเราไม่รู้ข้อมูลหนาบางของคนๆ นั้นจริงๆ

** การโจมตีฝ่ายตรงข้ามบนโซเชียลรุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่?

น้องตาล ให้เหตุผลว่า การใส่ร้ายคนบนโลกโซเชียลเพิ่มขึ้นทุกวัน  เราไม่รู้ข้อมูลจริง รู้จากคนที่โพสต์โจมตีจากใครไม่รู้ ซึ่งหลายๆ คนตีความไปแล้วว่าเขาเป็นคนไม่ดี และที่สำคัญทำให้คนที่ถูกโจมตีเสียหาย และรู้สึกแย่ เราควรจะดูให้ดีก่อนว่าข้อมูลที่เราได้มาบนโซเชียลนั้นจริงหรือไม่ ไม่ใช่ว่ามีคนรุมด่ามากๆ ก็ด่ากับเขาด้วย เพราะผลกระทบต่อความรู้สึกคนที่ถูกด่าอาจจะมันเป็นแผลฝังลึกต่อตัวเขาได้

น้องตาล เล่าต่อว่า สำหรับเด็กๆ การที่จะใช้โซเชียลควรที่จะมีพ่อแม่อยู่ด้วย เพราะทุกวันนี้สื่อโซเชียลเข้าถึงได้รวดเร็วมาก พ่อแม่ควรแบ่งเวลา วันละ 1-2 ชั่วโมง หรือเวลาที่เด็กทำตัวเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน ก็ให้เขาเล่นได้ แต่ต้องอยู่ในสายตาผู้ใหญ่  เพราะโลกโซเชียลมันกว้างเผื่อเขาไปเปิดอะไรที่มันไม่เหมาะสม และไม่ควรให้เล่นทั้งวัน

** คลิปหรือการโพสต์ในแต่ละครั้งเราควรคำนึงถึงเด็กหรือไม่?

นางสาวนิธิพร กล่าวว่า คิดว่าเป็นส่วนสำคัญ เพราะการการโพสต์คำหยาบ โพสต์ด่ากัน โพวต์คำผิด เด็กอาจจะจำและไปทำเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีได้ บางรายการทำเพื่อให้ได้เรตติ้งเท่านั้น โดยไม่สนใจว่าจะมีเด็กอายุ 15+ หรือ 18+ หรือน้อยกว่านั้น ซึ่งไม่ค่อยใครคำนึงถึงรายละเอียดเหล่านี้

“เราจะทำอะไรหรือโพสต์อะไรบนโลกโซเชียล เราต้องคิดก่อนโพสต์ เพราะถือว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่สาธารณะ ฝาสำหรับคนที่ชอบเล่นโซเชียล แต่ใครอยากโพสต์อะไรก็โพสต์ได้แต่ต้องตระหนักว่าจะไม่มีผลกระทบต่อคนอื่นในทางลบ และเอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือถ้าเรามีลูกหลานถึงวันหนึ่งเขามาเจอสิ่งที่เราโพสต์ไม่ดีเขาจะรู้สึกอย่างไร”  นางสาวนิธิพร กล่าวทิ้งท้าย