วันที่ 7 ตุลาคม 2562 ที่โรงหนังเก่าลิโด ชั้น 1 สยามสแควร์ นายบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เผยกับ "ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์" ถึงแผนการช่วยเหลือน้ำท่วมอุบลราชธานีและพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ใกล้เคียงว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมอุบลฯ เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หลายๆ หมู่บ้านในพื้นที่ประสบภัยเริ่มทำความสะอาดเตรียมย้ายเข้าไปอยู่แล้ว แต่ยังมีบ้านบางหลังที่ไม่สามารถอาศัยอยู่ต่อได้ “ต้องรื้อ-สร้างใหม่ทั้งหลัง” เพราะเป็นบ้านไม้และจมอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานานทำให้พังจนยากจะซ่อมแซม ขณะเดียวกันก็ยังมีบางบ้านที่ชั้นบนทำด้วยไม้ แต่ด้านล่างเป็นบ้านปูนก็ยังพอซ่อมแซมได้ ซึ่งตรงนี้จะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเข้าไปดูแล
ขณะที่เงินบริจาคที่ยังคงเหลืออยู่อีก 300 ล้านกว่าบาทจาก 400 กว่าล้านบาท ก็ยังคงเดินหน้ามอบให้พี่น้องประชาชนให้ครบทุกครัวเรือน หลังละ 5,000 บาท ได้มอบไปแล้วกว่า 1.5 หมื่นครอบครัว แต่ก็ยังมีพี่น้องอีก 4 อำเภอในจังหวัดอุบลฯ ที่เหลือที่จะต้องเดินทางนำเงินบริจาคไปมอบให้โดยตั้งใจว่าจะให้เสร็จก่อนวันที่ 15 ตุลาคมนี้
"ก็พยายามจะช่วยเหลือพี่น้องชาวอุบลให้ครบทุกพื้นที่ให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจะเดินทางไปมอบเงินบริจาคที่เหลืออีก 4 จังหวัดทางภาคอีสานได้แก่ ยโสธร ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ และขอนแก่น ซึ่งถูกน้ำท่วมเช่นเดียวกับ จ.อุบลฯ ถึงแม้จะเป็นเงินบริจาคช่วยเหลือชาวบ้านพื้นที่อุบลฯเป็นหลัก แต่ผมมั่นใจว่าจะนำเงินตรงนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด คาดว่าจะเรียบร้อยภายในเดือนพฤศจิกายน โดยผมต้องการเคลียเงิน 400 ล้านในบัญชีให้เร็วที่สุดและกระจายแก่ผู้ประสบอุทกภัยทุกท่านให้มากที่สุด และจะเข้าไปช่วยเยียวยาอีกครั้งหลังน้ำลด ภายหลังจากที่ทุกคนเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านแล้ว ด้วยการน้ำหม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน พัดลม หมอน มุ้ง ไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัย เพราะเป็นอุปกรณ์หลักที่จะช่วยให้พี่น้องได้ดำรงชีวิตอยู่ เนื่องจากข้าวของได้พังไปพร้อมกับน้ำแล้ว" นายบิณฑ์ กล่าว
นายบิณฑ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ตนได้สั่งหม้อหุงข้าว 1 หมื่นใบ และมีคนบริจาคหม้อหุงข้าวสมทบอีกหลายพันใบ เพื่อเตรียมไปมอบให้แก่พี่น้องในพื้นที่ และจะรอดูว่าเงินที่เหลือจากช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างเดียวนั้นจะนำไปช่วยอย่างอื่นได้อีกหรือไม่ เพื่อจะใช้เงินตรงนี้ให้เกิดประโยชน์ที่สุดเพราะไม่อยากเก็บเงินตรงนี้ไว้
"ก็ไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้า สรรพากรจะมาเล่นเราเรื่องภาษีหรือไม่ก็บอกไม่ได้ แต่ผมกลัวมาก จึงอยากกราบขอร้องว่าอย่าทำแบบนั้นกับผมเลย เพราะผมก็ไม่คิดว่าการที่เปิดบัญชีไม่ถึงอาทิตย์จะมีเงินเข้าบัญชีมากกว่า 400 ล้านบาท ทั้งที่คิดเพียงว่าคงได้ไม่ถึง 3 ล้านบาทเท่านั้น แต่นี่เกินกว่าที่คิดไว้มากมันเป็นเงินจำนวนมหาศาลจึงอยากใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด ให้สมกับที่ผู้บริจาคไว้ใจในตัวผม และผมไม่เคยคิดจะเอาเงินบริจาคแม้แต่บาทเดียวเพียงแค่อยากช่วยพี่น้องที่ประสบภัยเท่านั้น ขออย่าให้สรรพากรเอาเรื่องภาษีมาทำร้ายผมเลย และการรับเงินหรือมอบเงินบริจาคผมจะทำทุกอย่างโดยมีหลักฐานทุกครั้ง ดังนั้น ขอให้มั่นใจว่าเงินทุกบาททุกสตางค์จะถึงมือพี่น้องผู้ประสบภัยอย่างแน่นอน" นายบิณฑ์ กล่าว
ขณะที่ปัญหาในการมอบเงินในครั้งนี้ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษมูลนิธิร่วมกตัญญู" บอกว่า ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะมาร้องเรียนเรื่อง "หัวคิว" และ "เรียกเก็บเงินค่ารถ" โดยชาวบ้านต้องจ่ายหัวละ 300 บาทเพื่อมารับเงินที่อำเภอ บางพื้นที่เมื่อรับเงินเสร็จแล้วก็นำเงินมาให้ผู้นำชุมชน ซึ่งก็เป็นแค่บางคนและบางบ้านเท่านั้น แต่เรายังหาตัวคนกระทำเรื่องดังกล่าวไม่เจอ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี