วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายสามารถ รอดสม อายุ 40 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสวนถูมิสถาปัตย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ นครศรีธรรมราช ว่ามีหนูน้อยอายุ 8 ขวบป่วยด้วยโรคมะเร็งก้อนเนื้อในสมอง ระยะที่ 2 และโรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง ซึ่งพ่อแม่มีอาชีพรับจ้างทั่วไปรายได้วันละ 300 บาท ไม่มีเงินพอที่จะรักษาลูก จึงอยากวอนผู้ใจบุญยืนมือช่วยเหลือ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 1 ต.บ้านเกาะ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช พบนายชัยฤทธิ์ โชติกะ อายุ 43 ปี อาชีพลูกจ้างร้านรับซื้อยางพารา และ น.ส.พัชรี ติจันทร์ อายุ 37 ปี อาชีพลูกจ้างร้านจำหน่ายอาหารตามสั่งภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช กำลังดูแลบุตรชายชื่อ ด.ช.เลิศพิพัฒน์ หรือ น้องเมฆ โชติกะ อายุ 8 ปี ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งเนื้องอกในสมอง ระยะที่ 2 และโรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง
อย่างไรก็ตาม น้องเมฆ กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.2 โรงเรียนวัดพรหมโลก แต่เนื่องจากอาการป่วยจึงไม่สามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติ เพราะบางวันน้องเมฆ มีอาการแทรกซ้อนจากโรคบ่อยครั้ง ทั้งอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ชักเกร็ง และอาเจียน จึงต้องหยุดไปโรงเรียน เนื่องจากแพทย์แจ้งว่าโรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง อาจทำให้เส้นเลือดสมองแตกเสียชีวิตได้ทุกเวลา หากวันไหนน้องเมฆ มีอาการแทรกซ้อน จึงจำเป็นต้องอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิดที่บ้าน
อย่างไรก็ตาม ดูจากภายนอก น้องเมฆมีสภาพร่างกายเหมือนเด็กปกติ แต่เมื่อได้พูดคุยสื่อสารกับน้องเมฆ พบว่าน้องเมฆ ค่อนข้างคิดช้า พูดสื่อสารช้า ที่สำคัญน้องเมฆ มีพัฒนาการช้ากว่าเด็กที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ทั้งนี้ เกิดจากผลข้างเคียงของอาการป่วยทั้ง 2 โรค สำหรับโรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง ถือว่าพบยากมากในเด็กวัยนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วยกลุ่มผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
น.ส.พัชรี แม่น้องเมฆ เปิดเผยว่า ช่วงที่น้องเมฆ อายุประมาณ 4 เดือน น้องเมฆ มีอาการปากเขียว ตัวเขียว และหมดสติ จึงรีบพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ตอนนั้นแพทย์วินิจฉัยว่าน้องเมฆ น่าจะป่วยโรคลมชัก จึงให้กินยารักษาอาการประมาณ 2 ปี แต่อาการน้องเมฆ ยังไม่หายขาด กระทั่งแพทย์ส่งตัวเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และพบว่ามีก้อนเนื้องอกในสมองขนาด 2-3 เซนติเมตร ซึ่งต้องผ่าตัดเนื้องอกในสมองออกโดยเร็ว จากนั้นแพทย์ส่งตัวน้องเมฆ ผ่าตัดโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เนื่องจากมีแพทย์เชี่ยวชาญ และมีเครื่องมือที่พร้อมผ่าตัด
หลังจากผ่าตัด แพทย์เก็บชิ้นเนื้อไปตรวจสอบ และพบว่าชิ้นเนื้อมีเชื้อมะเร็ง ระยะที่ 2 จากนั้นแพทย์ตรวจรักษาให้ยาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งล่าสุดน้องเมฆ เริ่มอาการขึ้นมาอีก แพทย์จึงเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมองและพบว่าเป็นโรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง จำเป็นต้องทำการรักษาอย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยไว้เสี่ยงที่จะเกิดอาการเส้นเลือดสมองแตก เสียชีวิตได้ ส่วนค่ารักษาโรคเส้นเลือดสมองโป่งพองนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงเป็นแสนบาท
ตนยอมรับว่าไม่มีเงิน ไม่มีปัญญาที่จะหาเงินมากขนาดนั้น เพื่อรักษาอาการป่วยของลูกชาย ปัจจุบันตนใช้สิทธิบัตรทองรักษา ทุกวันนี้แม้ว้าตนและสามี จะช่วยกันทำงานรับจ้างทั่วไปแบบหามรุ่งหามค่ำ แต่ก็ได้เงินไม่เพียงพอที่จะรักษาลูกชาย หากเป็นไปได้อยากเจ็บป่วยแทนลูกชายดีกว่าต้องทนเห็นลูกชายทนทุกข์ทรมาน และในวันที่ 7 พ.ย.ที่จะถึงนี้ แพทย์นัดทำการรักษาลูกชาย แต่ตนและสามียังหาเงินจำนวน 111,682 บาทไม่ได้ ซึ่งเงินดังกล่าวทางแพทย์ทำการประเมินเป็นค่ารักษาอาการป่วยเบื้องต้นของลูกชายเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ระหว่างที่สอบถามอาการป่วยของน้องเมฆ ปรากฏว่าแม่ของน้องเมฆ เกิดความอัดอั้นเสียใจที่ไม่สามารถหาเงินเพื่อมารักษาอาการป่วยของลูกชายได้ ถึงกับปล่อยโฮร้องไห้ออกมาด้วยความสงสารลูกชาย ขณะที่น้องเมฆ ซึ่งอยู่ในวัยไร้เดียงสา และนั่งอยู่ใกล้แม่ ถึงกับเอ่ยพูดถามแม่ออกมาว่า "แม่ร้องไห้ทำไม" สร้างความสลดหดหู่เป็นอย่างมาก
สำหรับผู้ใจบุญที่ต้องการช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายรักษาอาการป่วยน้องเมฆ สามารถโอนเงินผ่านบัญชี น.ส.พัชรี ติจันทร์ (แม่ของน้องเมฆ) บัญชีธนาคารกสิกรไทย ประเททออมทรัพย์ สาขาตลาดหัวอิฐ เลขที่บัญชี 3262425850 หรือโทรศัพท์สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทรฯ 063-3380151
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี