วันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม่น้ำโขงตั้งแต่บริเวณพื้นที่แก่งไก่ บ้านแก่งไก่ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่ทางการจีนมีแนวคิดที่จะระเบิดเกาะแก่งเพื่อเปิดเส้นทางน้ำเพื่อการเดินเรือแต่ถูกทางภาคประชาชนไทยคัดค้านจึงล้มเลิกโครงการไป ยาวไปถึงชายแดนบ้านหาดบ้าย ของตำบลริมโขง อำเภอเชียงของจังหวัดเชียงราย ยังคงอยู่ในสภาพที่แห้งและตื้นเขินบางช่วงมีสันดอนทรายและส่วนใหญ่จะมีโขดหินโผล่ขึ้นเหนือน้ำอย่างเห็นได้ชัดเกือบเต็มลำน้ำโขง โดยมีร่องลึกเพียงเล็กน้อย แม้ทางการจีนจะเพิ่มปริมาณการระบายน้ำจากเขื่อนจีนบางช่วงขึ้นไปสูงกว่า 1,200 ลูกบาศก์เมตร์ต่อวินาที
แต่ก็มีการลดปริมาณลงเหลือเพียง 800 ลูกบาศก์ต่อวินาทีในวันเดียว จึงทำให้ระดับน้ำโขงแม้เพิ่มมาจากหลายวันก่อนที่มีระดับเพียง 1.82 เมตร แต่ก็ยังมีระดับไม่ถึง 2 เมตรโดยเพิ่มขึ้นอยู่ระดับเพียง 190 เมตรเท่านั้น ซึ่งทำให้เรือสินค้าขนาดใหญ่ไม่สามารถใช้สัญจรได้ ขณะที่เรือขนาดหลางและขนาดเล็กคนขับต้องอาศัยความชำนาญและฝีมือในการขับเรือผ่านโขดหินและสันดอนทราย
โดยนายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ เปิดเผยว่า แม่น้ำโขงปีนี้ไม่ปกติมีการผันผวนตลอดเวลาระดับน้ำขึ้นและลงอย่างรวดเร็ว สภาพเช่นนี้ไม่ได้เกิดจากภาวะภัยธรรมชาติแต่เกิดจากเขื่อนมีการกักน้ำและปล่อยน้ำของจีน การไหลของน้ำจึงไม่เป็นไปตามธรรมติแต่ถูกจัดการโดยเขื่อน โดยเฉพาะ 2-3 วันที่ผ่านมาจีนมีการระเบิดเกาะแก่งทางตอนบน ทำให้น้ำโขงแห้งมาก การแจ้งปริมาณการปล่อยน้ำจึงไม่ไช่คำตอบ สิ่งสำคัญที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติในแม่น้ำโขงคือการปัญหาของเขื่อนทั้งในเขื่อนประเทศจีนและเขื่อนไชยบุรีของประเทศลาว จะต้องมีการพูดคุยกันของผู้มีส่วนได้เสียระหว่างกลุ่มทุน เจ้าของเขื่อนและกลุ่มผู้อยู่ใต้น้ำที่ได้รับผลกระทบเพื่อบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามฤดูกาล ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีเวทีพูดคุยกันเลย
นายนิวัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบันฤดูฝนก็ไม่ฝน ฤดูแล้งก็ไม่แล้ง ทำให้เกิดผลกระทบต่อการอพยบ การวางไข่ของปลา เพราะปกติฤดูฝนน้ำจะต้องหลากแต่เขื่อนควบคุมน้ำไม่ให้หลากทำให้ไม่มีน้ำขึ้นไปสู่แมน้ำสาขาได้ทำให้ปลาจึงไม่สามารถขึ้นไปวางไข่เพื่อขยายพันธุ์ได้ ขณะที่หน้าแล้งกลับปล่อยน้ำเมื่อไม่มีสันดอนทรายไม่มีโขดหินนกก็ไม่มีที่วางไข่ พันธุ์พืชสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งไกซึ่งเป้นพืชขสำคัญของน้ำโขงก็ไม่เกิด ระบบนิเวศน์เปลี่ยนแปลงไปหมด แหล่งอาหารของทั้งคนและทั้งปลาก็ไม่มีตามไปด้วย ทุกวันนี้แนวคิดการจัดการแม่น้ำโขงสวนทางกันจีนคิดเพียงกักน้ำปล่อยน้ำเพื่อการเดินเรือและการผลิตกระแสไฟฟ้า แต่คนลุ่มน้ำโขงคิดว่าเมื่อช่วงน้ำหลากก็ต้องมีน้ำช่วงฤดูแล้งน้ำต้องแห้ง
นายนิวัฒน์ กล่าวด้วยว่า วันนี้มีการแต่พูดถึงเรื่องการปล่อยน้ำและการเยียวยาผู้ที่ได้ระบผลกระทบถือเป็นสิ่งไม่ถูกต้องเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุและไม่คุ้มค่ากับแม่น้ำโขงที่เสียหายไป ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยืน ปัญหาแม่น้ำโขงเกิดขึ้นมานับตั้งแต่จีนสร้างเขื่อนแรกจนเริ่งหกนักขึ้นมาหลังจากสร้างเขื่อนที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จนปัจจุบันสร้างมาจนครบเกือบ 11 เขื่อนแล้ว โดยเขื่อนสุดท้ายทราบว่าเป็นเขื่อนกาหลันป้า ในเขตเมืองสิบสองสองปันนาหรือเมืองเชียงรุ้ง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ซึ่งเขื่อนนี้จะกระทบหนักกว่าทุกเขื่อนเพราะอยู่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด จะมีผลกระทบจากเขื่อนเร็วขึ้นจากเดิมที่การปิดเปิดเขื่อนจะมีผลภายหลังประมาณ 2-3 วัน
แต่เขื่อนกาหลันป้า อาจมีผลในทันทีหรือภายในวันเดียวเมื่อมีการเปิดปิดเขื่อน หากยังไม่มีการหยุดสร้างเขื่อนจะกระทบอย่างใหญ่ต่อประเทศไทยในภาคเหนือและภาคอีสานที่มีการใช้ประโยชน์แม่น้ำโขงถึง 8 จังหวัด แต่ภาครัฐไม่เคยให้ความสนใจที่จะแก้ไขปัญหาอย่้างเท่าเทียมโดยมองแต่การบริหารจัดการลุ่มน้ำเจ้าพะยา แต่แม่น้ำโขงไม่มีการเอาใจใส่ ดูแลหรือแก้ปัญหาทั้งที่เป็นหัวใจสำคัญของคนลุ่มน้ำโขง 8 จังหวัด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี