เกิดเป็นผู้หญิง...แท้จริงนั้นแสนจะลำบาก!!

คำนิยามของผู้หญิงทุกคน เพราะไม่ว่าจะเดิน กิน หรือนอน ก็ต้องระมัดระวังตัวตลอดเวลา เพราะปัจจุบันเกิดเหตุ “ฆ่า-ข่มขืน” มากมาย ทำให้ผู้หญิงอย่างเราๆเวลาจะทำอะไรก็ต้องรอบคอบ และสังเกตพฤติกรรมคนรอบข้างตลอดเวลา เพื่อความไม่ประมาท  เมื่อเพลี่ยงพล้ำพลาดเพียงเสี้ยววินาทีเดียวก็อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้

อย่าง น.ส.วิภาวินี ใจบุญ  หรือ “พิมดาว” อายุ 21 ปี นักศึกษาสาขาการท่องเที่ยว ดาวคณะวิทยาการจัดการ ปัจจุบันเธอทำหน้าที่เป็นฑูตกิจกรรม(ฝ่ายหญิง)การศึกษาภาคพิเศษ ปี2560 มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ที่ตอนนี้เธอกำลังมีผลงานในวงการบันเทิงซึ่งอยู่ระหว่างการถ่ายทำ ได้บอกกับ “ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์” ว่า  เริ่มเข้าวงการบันเทิงไม่นาน โดยเดินสายประกวดตามเวทีต่างๆ และแคตติ้งไปทั่ว ตอนแรกๆ ก็ถ่ายแบบทั่วไป พอเริ่มรู้จักคนมากขึ้น ก็มีพี่ที่รู้จักชวนไปแคสงานละครดูบ้างปรากฏว่าได้เล่นซีรีย์ของช่องวัน ซึ่งกว่าจะผ่านมาถึงวันนี้ได้ก็ต้องเจอกับเรื่องราวมากมาย

“คือช่วงที่เธอยังถ่ายแบบอยู่นั้นต้องทำงานร่วมกับช่างภาพที่เป็นผู้ชาย ก็มักจะถูกลวนลามมือจับตั้งนั้นทีตรงนี้ที  และสายตาที่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเราบ่อยๆ จนหลายๆครั้งทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัย แต่เรารักที่จะทำงานตรงนี้ เลยต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตนเอง คือการชวนเพื่อนมาทำงานด้วย ถึงแม้จะรู้ว่าเพื่อนเบื่อ แต่ก็เพื่อความปลอดภัยของเรา ซึ่งเพื่อนก็เข้าใจ

แต่เหตุการณ์ที่หนูเจอและทำให้กลัวที่สุดก็คงเป็น  การถูกคุกคามตอนนอกเวลางาน  เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งหลังจากเสร็จงานแล้ว  เราก็แลกไลน์เพื่อติดต่องานกันและเพื่อขอรูปงานที่เราถ่ายวันนั้นๆ เก็บเอาไว้ด้วย  แต่พอผ่านไปสักพัก พี่ที่เราแลกไลน์ด้วยก็ส่งข้อความเรื่องงานมาแจ้ง  แต่ครั้งนี้กลับบอกว่าให้หนูใส่ชุดที่เซ็กซี่ เปิดไหล่หรือโชว์เนื้อมาเลยนะ  บ้างพอถ่ายแบบเสร็จก็ขอให้ใส่ชุดโป๊ๆกว่านี้อีกเซ็ทนึง พอถามเหตุผลก็ไม่มีคำตอบให้ ซึ่งเราก็รู้สึกแปลกๆ  จึงไม่ได้ทำตามแต่อย่างใดพอหลังจากนั้นเวลาไปทำงานก็มักจะชวนเพื่อนไปทำงานกับเราด้วย เพื่อความปลอดภัย ก็ทำให้ทีมงานไม่พอใจอยู่บ่อยๆ แต่เราก็ต้องทำแบบนี้เพราะมันคือสิทธิของเราที่จะไม่วางใจในทีมงานนั้น

แต่ก็จะมีบางจังหวะที่เราไม่ทันระวังตัว ทำให้ช่างภาพที่เราร่วมงานด้วยเข้ามาโอบเอวเราและพยายามชวนคุยโน่นนี่ เราก็คิดแล้วว่ามันไม่ใช่  จึงรีบโทรไปเล่าให้แฟนฟัง และหลังจากเหตุการณ์นั้นก็จะมีเพื่อนหรือแฟนไปงานเป็นเพื่อนตลอด ส่วนใหญ่คือจะปฏิเสธทันที ต่อให้ทิ้งงานก็ต้องทำ เพราะเรารู้สึกว่าโดนคุกคามเกินไป”

ส่วนค่าตอบแทนที่ได้รับในแต่ละงานนั้น “พิมดาว” เผยว่า  ค่าตอบแทนแต่ละงานที่รับจะไม่เท่ากัน อย่าง ถ่ายแบบรีวิวรองเท้าค่าตัวจะอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาท  ถ่ายรูปโปรไฟล์ 1,000 บาท แต่ถ้าเป็นงานแฟชั่นโชว์ถ่ายแบบ-เดินแบบจะรับตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป ซึ่งทุกครั้งก่อนจะไปทำงานเราจะเริ่มสังเกตตั้งแต่การพูดคุย การให้งาน คือถ้าทำงานจริงๆ เค้าจะมานัดคิวงานเรา ตกลงกันเสร็จและจะมาเตือนอีกครั้งเมื่อใกล้ถึงวันงานจริง 

แต่คนที่เรารู้สึกว่าเป็นภัยนั้น หลังจากที่ตกลงงานกันเสร็จเค้าจะไม่จบแค่เรื่องนั้นๆ แต่จะทักมาชวนคุยนี่นั่นตลอด เพราะการพูดคุยของเค้ามันต่างออกไป อย่างเช่น มาถามเราว่าทำอะไรอยู่  ไปงานที่ไหน ไปกับใคร ซึ่งมันไม่ควรจะถามออกมาทั้งที่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่มันคือการล้ำเส้นการทำงานของกันและกัน

“หากเราติดตามข่าวตามหน้าสื่อต่างๆ จะเห็นว่าภัยผู้หญิงเกิดขึ้นมากมายทั้งฆ่า ข่มขืน ฉุดกระชาก ซึ่งร้อยทั้งร้อยผู้หญิงมักตกเป็นผู้ถูกกระทำซะส่วนใหญ่ ดังนั้นการที่อยู่ในวงการนี้ก็ใช่ว่าปลอดภัย เพราะบางทีก็แฝงมาในรูปแบบ “โมเดลลิ่ง” เพราะผู้หญิงเราเมื่อได้ยินคำนี้เป็นต้องหูผึ่ง เพราะมันเป็นบันไดขั้นแรกที่จะนำไปสู่วงการบันเทิงได้  หลายๆครั้งนางแบบ-นายแบบมักตกเป็นเหยื่อของ “มิจฉาชีพ” ที่แฝงมาในคราบ “โมเดลลิ่ง”

ล่าสุดกรณีของ น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือ “ลัลลาเบล” พริตตี้สาวที่เสียชีวิตบนโซฟาในล็อบบี้ชั้นล่างคอนโดมิเนียมย่านรัชดา-ราชพฤกษ์ แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กทม. จนกลายเป็นข่าวดัง ซึ่ง “พิมดาว” ก็ได้ติดตามข่าวที่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องตกใจ เมื่อมีโมเดลลิ่งไม่ทราบสังกัดมาชวนเธอเข้ากลุ่มพริตตี้สายเอนเตอร์เทน  โชคดีที่เธอติดตามข่าวทำให้รู้เรื่องงานดังกล่าวว่าเป็นงานแบบไหน  เธอจึงปฏิเสธไปอย่างไม่ลังเล เพราะงานพวกนี้ไม่เคยมีอยู่ในความคิดของเธอ

“หลังจากได้ยินข่าวเรื่องของพริตตี้รุ่นพี่ลัลลาเบลประมาณ 2 วัน ก็มีโมเดลลิ่งสายเอนเตอร์เทนติดต่อมาชวนไปทำ โดยเอาค่าตอบแทนมาเป็นแรงจูงใจเรา บอกว่าทำแค่ 3 ชั่วโมง 3,000 บาท หนูก็คิดแล้วว่ามันเป็นงานแบบไหน บวกกับตอนนั้นมีข่าวของพริตตี้ลัลลาเบลล์พอดี จึงเห็นว่าเป็นงานที่เสี่ยงอันตรายมากงานนึง จึงตอบปฏิเสธไปแบบไม่คิดเลย เพราะงานอื่นๆมีให้ทำอีกตั้งเยอะ”

นอกจากนี้ น.ส.วิภาวินี ใจบุญ  หรือ “พิมดาว” ยังฝากเตือนผู้หญิงด้วยกันว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไรอยู่ก็ตามควรรู้จักสังเกตสิ่งรอบตัวอยู่ตลอดเวลา และควรจะเรียนวิธีการป้องกันตัวเองด้วย  เพราะหากเกิดเหตุร้ายขึ้นมาจริงๆเราก็จะรู้วิธีป้องกันเบื้องต้นซึ่งก็มีที่ฝึกสอนอยู่มากมาย แต่ที่สำคัญเมื่อเกิดเหตุเราควรมี “สติ” เพื่อรับมือกับปัญหาตรงหน้า แต่เหนือสิ่งอื่นใดเพื่อความปลอดภัยคือ “ไม่ควรเอาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง”