"มิงกะลาบาร์" อาหารมื้อแรกที่มัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา... อย่าเพิ่งจินตนาการไปนะว่าอาหารพม่าจะไม่อร่อย ลองมาชิมที่ร้าน Mingalabarก่อน รับรองว่าทั้งราคา รสชาติ และการบริการ น่าประทับใจสุดๆ ซึ่งร้านอาหารแห่งนี้พนักงานโฮสเทลที่เราพักเขาแนะนำมา บอกว่าเป็นร้านขึ้นชื่อของที่นี่ และเป็นร้านอาหารต้นตำรับพม่า และตั้งอยู่ใจกลางเมือง เพียงเสิร์จกูเกิ้ลแล้วขับรถตามแผนที่มา ก็หาเจอแล้ว สะดวกมากๆ ส่วนการเที่ยวมัณฑะเลย์นั้น แนะนำว่าควรจะรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของที่นี่ให้มากพอ ถึงจะเที่ยวได้สนุก
ตอนบ่ายหลังกินอาหารกลางวันเสร็จ เรามุ่งหน้าไปต่อที่ มัณฑะเลย์ฮิลล์ หรือภูเขามัณฑะเลย์ ซึ่งสามารถมองเห็นวิวเมืองมัณฑะเลย์ได้ทั่วถึง พร้อมกับแดดสีส้มอุ่นๆที่ทอดมาในเวลาประมาณห้าโมงกว่า เชื่อกันว่าที่นี่เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพราะพระพุทธเจ้าเองก็เคยเสด็จมาที่นี่ พระเจ้ามินดงที่มีความศรัทธาแรงกล้าในพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว จึงทำการย้ายเมืองใหม่มาที่นี่ พร้อมกับตั้งชื่อเมืองตามภูเขาว่า "มัณฑะเลย์"
หลายคนที่ติดตามอ่านประวัติศาสตร์คงรู้ว่า เมืองมัณฑะเลย์ถูกทิ้งบอมบ์ราบคาบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผลกรรมมาจากตอนย้ายเมืองมาใหม่ เพราะพระเจ้ามินดงเชื่อในพิธีโบราณจึงต้องนำคนเป็นๆมาฝังตามมุมเมือง ประตูเมือง กำแพงเมืองเป็นต้น ภายในพระราชวังมัณฑะเลย์เองก็ถูกระเบิดทิ้งราบคาบเหมือนกัน ตำหนักต่างๆที่เห็นในพระราชวังมัณฑะเลย์นั้น เป็นการสร้างขึ้นมาใหม่ ให้ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด
วิหารเก่าแก่ที่เหลือในเมืองมัณฑะเลย์นั้นมีเพียงหนึ่งเดียวและไม่ถูกเผา คือ วิหารชเวนันดอร์ ซึ่งเดิมที่นี่สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง ประดับตกแต่งด้วยรูปเทวดาวิจิตรงดงาม พระเจ้ามินดง มักจะมาปฎิบัติธรรม บำเพ็ญสมาธิที่นี่ และสุดท้ายก็สิ้นพระชนม์ในตำหนักแห่งนี้เช่นเดียวกัน
พม่าได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธ จากภาพที่เราได้เห็น ในประเพณีล้างหน้าที่วัดมหามัยมุนี พร้อมกับชาวบ้านที่ตั้งใจพนมมือสวดมนต์ ผู้คนที่หลั่งใหลเข้ามาแห่ชมความศรัทธา ทำให้เราเชื่อแล้วว่าพม่าเป็นเมืองพุทธที่สุดแสนจะพุทธ และในเช้านี้เอง เราก็ได้พบกับเณรน้อยออกบิณฑบาตร พร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มอิ่มเอมใจของชาวบ้าน ความจริงมัณฑะเลย์มีความเป็นเมืองมากกว่าพุกาม แต่ก็มียังธรรมชาติให้ได้มานั่งพักใจ สถานที่แห่งนั้นคือ สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในโลก ชื่อว่า สะพานไม้อูเบ็ง ซึ่งที่นี่เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมักมาชื่นชมความงามของพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า และพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น
หลังจากเราชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สะพานไม้อูเบ็งแล้ว เรานั่งเรือในตอนสายของวันเพื่อมุ่งหน้าไปยังอีกฝั่งของมัณฑะเลย์ ซึ่งเรือจะมีเพียงรอบเดียว คือ 10.00 น. และกลับในเวลา 12.30 น. เราคิดว่าเกือบทุกคนตั้งใจนั่งเรือข้ามฝั่งมาที่นี่เพื่อชมความงามของเจดีย์ชินพิวเม ที่เป็นเจดีย์สีขาวที่คล้ายเกลียวคลื่น มองมุมไหนก็สวยและถ่ายรูปมุมไหนก็สวย เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว รวมถึงตัวเราเองด้วย
ส่วนอีกที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาเช่นกัน คือ เจดีย์มิงกุน ที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เจอซากหิน และสร้างเสร็จเพียงแค่ฐาน กับความงามที่จินตนาการไม่ออก ทำให้ย้อนกลับมามองตัวเองได้ว่า ตอนนี้เรายังมีอะไรที่พยายามอยู่แล้วไม่สำเร็จหรือเปล่า
วันสุดท้ายก่อนที่จะจากมัณฑะเลย์ไป เรารู้สึกขอบคุณการตัดสินใจมาเที่ยวครั้งนี้มากๆ เพราะทำให้เรามองพม่าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ผู้คนที่นี่น่ารักมาก น่ารักจนทำให้เราอยากกลับไปพม่าอีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี