โครงการ “วัด ประชา รัฐ สร้างสุข” ด้วยวิถี 5ส เป็นหนึ่งใน 14 โครงการของมหาเถรสมาคมที่ได้พัฒนาโครงการขึ้น โดยนำหลักการสัปปายะและแนวคิด 5ส ลงสู่บริบทของวัดเพื่อส่งเสริมให้วัดเป็นพื้นที่ต้นแบบทางกายภาพและด้านจิตใจ ที่มุ่งเน้นความร่วมมือ การมีจิตอาสาของภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เพื่อให้วัดเป็นอารามที่รื่นรมย์ เจริญตาเจริญใจ เป็นรมณียสถาน เหมาะสมกับการเรียนรู้และเป็นศูนย์กลางของชุมชนเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเร็วๆ นี้ มีการจัดพิธีมอบรางวัล “สัปปายะอวอร์ด” รวมถึงมีการจัดเสวนา “ถอดบทเรียนโครงการวัด ประชา รัฐ ก้าวที่มุ่งมั่นสู่การจัดการสิ่งแวดล้อมของวัดและชุมชนอย่างยั่งยืน” ณ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ย่านแจ้งวัฒนะ-หลักสี่ กรุงเทพฯ โดย ประกาศิต กายะสิทธิ์ รองผู้จัดการกองทุน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่า สสส. ได้ให้ความสำคัญเดินหน้าขยายผลสร้างวินัยวัดกว่า 40,100 แห่งทั่วประเทศในการสร้างเสริมสุขภาวะในกลุ่มองค์กรพระพุทธศาสนา
“พระสงฆ์และวัดเป็นสถาบันทางสังคม นอกจากนี้ยังเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอีกด้วย จึงทำให้สามารถสร้างเสริมสุขภาพองค์รวมให้กับคนในสังคมไทยได้ โดยเมื่อปี 2554 ได้ร่วมมือกับสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) นำหลัก 5ส เข้าไปปรับใช้ในวัดนำร่อง 4 วัด ได้แก่ วัดสุทธิวราราม วัดด่านพระราม 3 วัดคลองเตยในและวัดจำปา ต่อมาในปี 2556 ได้ขยายผลในลักษณะการจับคู่ระหว่างวัดและองค์กรเอกชน 100 วัด 100 องค์กร
เพื่อให้ภาคเอกชนที่มีความประสงค์พัฒนาวัดเป็นแกนนำเชิญชวนบุคลากรและเครือข่ายชุมชนหน่วยงานรัฐ เข้าไปปรับปรุงภายในวัด กระทั่งปัจจุบันเป็น1 ใน 14 โครงการของมหาเถรสมาคม ได้รับความร่วมมือจากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน ในการขยายผลการดำเนินงานไปทุกจังหวัด ตลอดจนได้รับความร่วมมือจากสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย” รองผู้จัดการกองทุน สสส. ระบุ
ประกาศิต อธิบายเพิ่มเติมว่า สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) ได้นำ 5ส มาเผยแพร่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2527 ซึ่งด้วยประสบการณ์ที่ยาวนาน พบความแตกต่างระหว่างคนไทยและคนญี่ปุ่นว่าแนวทางการทำ 5ส ของไทยนั้นต้องใช้ “อัตตา” เป็นหลักในการทำ ซึ่งไม่เหมือนคนญี่ปุ่นเพราะมีการอบรมอยู่ในสายเลือด ดังนั้นสำหรับสังคมไทยถ้าจะให้ยั่งยืนและเป็นวัฒนธรรมอย่างแท้จริง จะต้องใช้หลักการ “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นตัวรองรับ จึงจะทำให้ 5ส อยู่ได้อย่ายั่งยืน
ขณะที่ พระธรรมรัตนาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และประธานคณะอนุกรรมการโครงการ “วัด ประชา รัฐ สร้างสุข” ฝ่ายสาธารณูปการมหาเถรสมาคม กล่าวว่า โครงการนี้เป็นหนึ่งในการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ด้านสาธารณูปการ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้วัดเป็นสถานที่สงบร่มเย็น เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของชุมชน ซึ่งนับได้ว่าเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้ประชาชนหันมาเข้าวัดกันมากขึ้น
โดยได้ดำเนินการมาแล้ว 2 ระยะ ในชื่อโครงการ “วัดสร้างสุข” และในปี 2561 เป็นการดำเนินการระยะที่ 3 ในชื่อโครงการ “วัด ประชา รัฐ สร้างสุข” ที่ขยายผลโครงการไปสู่ 1,500 วัดทั่วประเทศ และภายในปี 2565 มีเป้าหมายขยายผลไปสู่การพัฒนาพื้นที่ทางกายภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างระบบ 5ส ให้เกิดขึ้นภายในวัด เพื่อให้วัดสะอาด เรียบร้อย สวยงาม ด้วยการพัฒนาและสร้างระเบียบวินัย สามารถต่อยอดสร้างพื้นที่การเรียนรู้ของวัดให้เป็นสถานที่สัปปายะอันหมายถึง สิ่งที่สบาย สภาพที่เอื้อ สิ่งที่เกื้อกูล สิ่งที่เอื้อต่อการอยู่ดีและการที่จะพัฒนาชีวิต
ซึ่งจะเอื้อต่อการพัฒนาบุคคลและสังคมด้วยวิถีวัฒนธรรมเชิงพุทธ ยกระดับสู่การสร้างพื้นที่จิตใจและปัญญาของวัด รวมทั้งชุมชนตามแนวพระพุทธศาสนา โดยสร้างกลไกความร่วมมือขององค์กรภาคีเครือข่ายฯ ในการขับเคลื่อนดำเนินงาน ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการใช้แนวทาง 5ส เพื่อจัดการสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ และดำเนินการกิจกรรมเชิงพุทธ ซึ่งก่อให้เกิดความเชื่อมโยงสัมพันธภาพที่ดีให้เกิดขึ้นระหว่างวัด ชุมชน และชาวบ้าน มุ่งสู่สัมฤทธิ์วัดที่มีความมั่นคงและชุมชนมีความเข้มแข็ง
สำหรับขั้นตอนการดำเนินงาน วัด ประชา รัฐ สร้างสุข สู่สัปปายะสถานมีแนวทางการดำเนินงาน ได้แก่ ประกาศนโยบาย อบรมให้ความรู้ สำรวจพื้นที่ด้วยคณะทำงาน จัดทำแผนปรับปรุง กำหนดพิธีเปิดเพื่อทำความสะอาดครั้งใหญ่ และตรวจประเมินพื้นที่สรุปผลการปฏิบัติงาน ส่วนพื้นที่ต่างๆ ภายในวัดที่ควรได้รับการพัฒนา ได้แก่ ป้ายชื่อวัดผังวัด การจัดการจราจร การจัดระบบคลังวัสดุสงฆ์ห้องน้ำ การจัดการขยะ สภาพแวดล้อมทั่วไป ระบบไฟฟ้าและการป้องกันอัคคีภัย โรงครัว ตลอดจนอาคารเสนาสนะต่างๆ
“วัดที่นำระบบ 5ส มาใช้จริง เช่น 1.วัดมิ่งเมืองมูล จ.ลำปาง เป็นวัดที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท ควอลิตี้เซรามิก ทั้งนี้ยังมีมหาวิทยาลัยเนชั่นเข้ามาร่วมพัฒนาสื่อภายในวัด ส่วนชุมชนโดยรอบวัดได้ร่วมพัฒนาชมรมผู้สูงอายุให้เข้มแข็งมากขึ้น และ2.วัดหัวคู้ จ.สมุทรปราการ แต่เดิมเป็นวัดที่มีชื่อเสียงด้านสถานปฏิบัติธรรม ได้รับการพัฒนาวัดโดยมหาวิทยาลัยหัวเฉียว สมาคมสตรี โรงงานอุตสาหกรรม โรงเรียน และชุมชน” พระธรรมรัตนาภรณ์ ยกตัวอย่าง
สำหรับหลัก “5ส” หรือ “5S” นั้นมีที่มาจาก ประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย 1.สะสาง (Seiri) แยกสิ่งที่จำเป็น-ไม่จำเป็นต่อการทำงาน เพื่อนำสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปและหาสิ่งที่จำเป็นมาเติมให้ครบถ้วน 2.สะดวก (Seiton) จัดวางสิ่งของ วัสดุอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ให้เป็นระเบียบ เพื่อประหยัดเวลาการค้นหา 3.สะอาด (Seiso) ทำความสะอาดหรือตรวจสอบเครื่องมือทำงานหากพบการชำรุดจะได้ซ่อมแซม 4.สุขลักษณะ-สร้างมาตรฐาน (Seiketsu) วางแนวปฏิบัติเพื่อให้ทุกคนทำได้อย่างต่อเนื่อง และ 5.สร้างนิสัย (Shitsuke) หรือการสร้างวินัยในตัวบุคคล
เมื่อนำมาประยุกต์กับ “วัด” ศาสนสถานที่ผูกพันกับสังคมและวัฒนธรรมไทย เนื่องด้วยศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่คนไทยส่วนใหญ่นับถือ โดยมุ่งหวังให้วัดเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับการขัดเกลาจิตใจผู้คนโดยเฉพาะกับชุมชนรอบวัด ก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี