วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ผ่ากลยุทธ์‘ค่ายสีน้ำเงิน’
ไม่เร้าอารมณ์! เน้นทำได้ทำจริง
บรรยากาศการเมืองก่อนเลือกตั้ง 8 กุมภาพันธ์ 2569 เริ่มเห็นเค้าโครงชัดขึ้นว่า การแข่งขันครั้งนี้ ไม่ได้อยู่ที่การขายภาพฝันหรือถ้อยคำเร้าอารมณ์ แต่อยู่ที่คำถามว่า พรรคใด “พร้อม” สำหรับการบริหารประเทศมากกว่า
ในบริบทนี้ พรรคภูมิใจไทยถูกจับตาเป็นพิเศษ เพราะเลือกวางเกมหาเสียงบนฐานประสบการณ์ มากกว่าการสร้างประเด็นใหม่เพื่อเรียกความสนใจระยะสั้น
ศูนย์กลางของภาพดังกล่าวคือ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคที่เลือกยืนอยู่บนเวทีเลือกตั้ง ด้วยการขอความไว้วางใจจากประชาชน เพื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง
สารที่อนุทินต้องการสื่อ ไม่ใช่การอ้างสถานะหรืออำนาจใดในปัจจุบัน แต่เป็นการขออำนาจจากประชาชนอย่างเป็นทางการ บนเหตุผลว่าเขาและพรรคผ่านงานรัฐจริงมาแล้ว และเข้าใจข้อจำกัดของการบริหารประเทศในทางปฏิบัติ
ความแตกต่างของการหาเสียงภูมิใจไทยอยู่ที่การหยิบ “ประสบการณ์” มาเป็นแกนของนโยบาย ทั้งการรับมือวิกฤต การทำงานร่วมกับระบบราชการ รวมถึงการตัดสินใจเชิงนโยบายภายใต้เงื่อนไขจริง สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำมาเล่าเพื่ออวดผลงาน แต่ถูกใช้เป็นฐานในการออกแบบ นโยบายหาเสียง ซึ่งตั้งต้นจากสิ่งที่เคยทำ ไม่ใช่จากสมมุติฐานในเชิงอุดมคติ
แนวคิด “ทำให้ดีกว่าและยิ่งใหญ่กว่า 3 เดือนที่ผ่านมา” จึงไม่ได้ถูกวางเป็นถ้อยคำเชิงอารมณ์ แต่เป็นการชวนประชาชนพิจารณาว่า หากพรรคได้รับอำนาจเต็มหลังการเลือกตั้ง งานที่เคยทำในกรอบจำกัด จะถูกขยายให้ครอบคลุมทั้งระบบรัฐบาลได้อย่างไร
นี่คือเหตุผลที่ภูมิใจไทยอธิบายการเลือกตั้งครั้งนี้ ในฐานะการ “ขยายงาน”
ไม่ใช่การขอเวลาเพื่อเริ่มต้นใหม่
ในบริบทนี้เอง ที่พรรคเลือกใช้สโลแกน “ภูมิใจไทยพูดแล้วทำพลัส” เป็นแกนของการสื่อสาร
คำว่า “พูดแล้วทำ” สะท้อนวิธีคิดทางการเมืองที่พรรคใช้มาโดยตลอด
ขณะที่คำว่า “พลัส” คือการยอมรับโดยตรงว่า ความคาดหวังของประชาชนสูงขึ้น และมาตรฐานการทำงานต้องยกระดับตาม
สโลแกนนี้จึงไม่ได้เป็นคำขวัญลอยๆ
แต่เป็นการสรุปแนวทางหาเสียงของพรรคว่า จากสิ่งที่เคยทำ จะต้องทำได้มากกว่า เร็วกว่า และครอบคลุมกว่า หากได้รับอำนาจเต็มหลังการเลือกตั้ง
อีกองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์หาเสียง คือความชัดเจนด้านตัวบุคคล
ภูมิใจไทยประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 2 คน คือ อนุทิน ชาญวีรกูลและ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว
สิ่งที่พรรคเลือกสื่อสารควบคู่กัน ไม่ใช่เพียงรายชื่อแคนดิเดต แต่คือภาพบทบาทการทำงานของรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
ในกรณีของสีหศักดิ์ พรรคสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทด้านการต่างประเทศ และการประสานงานกับกลไกความมั่นคงของรัฐซึ่งสอดรับกับโจทย์เวทีระหว่างประเทศที่ไทยต้องเผชิญในระยะต่อไป
ขณะเดียวกัน พรรคภูมิใจไทยยังสื่อสารให้เห็นว่า ความพร้อมของพรรคไม่ได้หยุดอยู่ที่ตัวผู้นำ แต่หมายถึงความพร้อมของโครงสร้างการทำงานทั้งพรรค
การจัดวางทีมเศรษฐกิจและทีมขับเคลื่อนนโยบาย ซึ่งมีชื่อของ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ และ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ถูกกล่าวถึงในฐานะส่วนหนึ่งของภาพความพร้อมดังกล่าว เพื่อสะท้อนว่าพรรคมีทีมงานรองรับการขับเคลื่อนนโยบาย หากได้รับความไว้วางใจจากประชาชน
ภาพนี้ช่วยตอกย้ำว่า กลยุทธ์หาเสียงของภูมิใจไทย วางอยู่บนการเสนอผู้นำเป็นศูนย์กลาง ควบคู่ไปกับความพร้อมของพรรคทั้งระบบในเชิงนโยบาย พรรคเลือกจับโจทย์ที่ประชาชนเผชิญอยู่จริงในชีวิตประจำวัน ทั้งเศรษฐกิจระดับครัวเรือน ความมั่นคง อาชญากรรมข้ามชาติ ภัยจากเทคโนโลยี และปัญหาชายแดน
แนวคิด “รั้วของชาติ” ถูกนำเสนอในฐานะกรอบการจัดการปัญหาเชิงระบบตั้งแต่การทหาร ไปจนถึงการจัดการสแกมเมอร์ การพนัน ยาเสพติด และการลักลอบผิดกฎหมายรูปแบบต่างๆ
เป้าหมายไม่ใช่การขยายบทบาทรัฐ
แต่คือการปิดช่องโหว่ ที่กระทบต่อความปลอดภัยและเศรษฐกิจของประชาชนโดยตรง
นโยบายทหารอาสา เปิดรับ 100,000 คน รับราชการ 4 ปี เงินเดือน 12,000 บาท ถูกยกเป็นตัวอย่างของการแก้ปัญหาความมั่นคง ที่ผูกโยงกับโอกาสทางอาชีพของคนรุ่นใหม่
เป็นการพูดเรื่องกองทัพ ในภาษาที่ประชาชนเข้าถึงได้ ไม่ใช่ภาษายุทธศาสตร์ที่ห่างจากชีวิตจริง
ด้านเศรษฐกิจ ภูมิใจไทยเลือกใช้ผลงานที่ผ่านมาเป็นฐานอธิบายนโยบายหาเสียง
ทั้งแนวคิดควิกบิ๊กวิน การต่อยอดคนละครึ่งพลัส และการผลักดันสินค้าเมดอินไทยแลนด์
สารสำคัญคือ หากได้รับอำนาจเต็มหลังการเลือกตั้ง กระบวนการตัดสินใจจะเดินได้เร็วกว่า และการขับเคลื่อนนโยบายจะเป็นระบบมากขึ้น
ภาพรวมของการหาเสียงภูมิใจไทยในรอบนี้ จึงไม่เน้นการเร้าอารมณ์ แต่เป็นการวางเหตุผลให้ประชาชนชั่งน้ำหนักว่า ประเทศควรเดินต่อในทิศทางใด
ท่ามกลางความเสี่ยงหลายด้านที่เกิดขึ้นพร้อมกัน พรรคเสนอทางเลือกของตนเอง ผ่านผู้นำ
กลยุทธ์พรรคและนโยบายที่สังเคราะห์จากประสบการณ์จริง
ผลลัพธ์สุดท้าย ยังคงอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569
แต่สิ่งที่ชัดเจนแล้วคือ ภูมิใจไทย กำลังก้าวเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ด้วย ความมั่นใจในสิ่งที่พรรคมีอยู่ในมือ และความเชื่อว่า “พูดแล้วทำ” ต้อง “ทำได้มากกว่าเดิม”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี