เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2563 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงกรณีไข่เต่ามะเฟืองถูกขโมย ว่า เพื่อต้องการย้ำสถานการณ์ของเต่ามะเฟืองที่เป็นสัตว์สงวนหายาก ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 ที่ต้องได้รับการดูแลและมีโทษหนัก หากทำร้าย หรือ มีไว้ในครอบครอง มีตั้งแต่จำคุก 3-15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 3 แสนบาท โดยเชื่อว่าไข่เต่ามะเฟืองที่ถูกขโมยไปนี้ เป็นฝีมือของคนในพื้นที่ เพราะพื้นที่ที่เต่าไปวางไข่ค่อนข้างปิด  และมีการรณรงค์กันครึกโครม

"ที่ผ่านมาก็ทราบกันดีว่า เต่ามะเฟืองมักจะมาวางไข่ที่หาดนี้ ซึ่งมีระยะทาง 20 -40 กิโลเมตร คงไม่มีคนนอกพื้นที่มาเฝ้าดู และรู้ว่า เต่าจะมาวางไข่บริเวณนี้แล้วไปขุด ต้องเป็นคนที่รู้ และคาดว่าสาเหตุการขโมย ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของความเชื่อเปิบพิสดาร หรือการบริโภคของแปลกของหายาก  คงไม่มีใครขโมยไข่เต่ามะเฟืองไปฟักเพื่อขายแน่นอน เพราะทำได้ยากมาก" ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าว

ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวว่า ธรรมชาติของการฟักไข่เต่ามะเฟืองโอกาสรอด มีแค่ร้อยละ 60-70 การเคลื่อนย้ายเพื่อทำไปสงวน ที่เคยทำกัน ต้องถนอมและทำในเวลารวดเร็ว การขโมยไปเช่นนี้หมดหวังที่เต่าจะฟักตัวได้แน่นอน การขโมยไข่เต่ามะเฟืองไป นอกจากจะเป็นการทำลายสัตว์สงวนหายากแล้ว ยังถือเป็นการฆ่าสัตว์จำนวนมากในคราวเดียว เพราะปกติเต่ามะเฟืองจะออกไข่ 130-150 ฟอง แต่ฟักจริงได้แค่ 1 ใน 3 หรือประมาณ 50 ตัว

"ดังนั้นคนที่ขโมยเท่ากับได้ฆ่าสัตว์ในคราวเดียวมากถึง 50 ตัว รุนแรงยิ่งกว่าไฟป่าในออสเตเรีย อีกทั้งในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา เพิ่งจะมีเต่ามะเฟือง มาไข่บริเวณนี้ โดยสถานการณ์เต่ามะเฟืองในไทย เท่าที่ทราบและเคยเห็นตัวเต่ามาวางไข่ ก็มีแค่ 2 ตัว มีในคลิปที่เห็นในทะเลอีก 1 ตัว ก็สรุปที่พอทราบว่ามีเต่ามะเฟืองมีชีวิตแค่ 3 ตัว ที่เหลือเป็นซากเต่าที่ได้รับผลกระทบจากขยะในทะเล เรื่องนี้ที่ส่งผลกระทบต่อประชากรเต่ามะเฟือง ที่ยิ่งมีน้อยหายากก็ยิ่งน้อยมากเข้าไปอีก"

และว่า ทราบว่าทางกระทรวงทรัพย์ฯ กำลังเร่งติดตามเพื่อเอาผิดหัวขโมยกลุ่มนี้ และอยากให้ทุกภาคส่วนจริงจังเรื่องนี้ เพราะเคยใช้เรื่องความสมบูรณ์ธรรมชาติและความเงียบสงบ  จนมีเต่ามะเฟืองมาวางไข่ เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยว