ทุกเช้า... ผู้ที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล และจังหวัดอื่นๆ คงจะต้องเจอกับสภาพอากาศขมุกขมัว และหายใจติดขัด กับอากาศที่มีฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ที่พุ่งพรวดเกินเกณฑ์มาตรฐานมาหลายวัน จนติดอันดับโลกเมืองที่มีสภาพอากาศแย่สุด สาเหตุจากสภาพอากาศนิ่งไม่มีลม

ปัญหาของเจ้าฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 จึงกลายเป็นที่ถกเถียงในแวดวงวิชาการ และระดับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าหากจะแก้ปัญหามลพิษทางอากาศควรเริ่มที่ตรงไหน การปรับค่าเกณฑ์มาตรฐาน จะเป็นตัวกระตุ้นสำหรับการออกนโยบายด้านต่างๆ ให้สอดรับกับการแก้ปัญหาฝุ่นละอองอย่างจริงจังได้หรือไม่ 

“ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์” ได้ลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของเด็กรุ่นใหม่เกี่ยวกับมุมมองการแก้ไขปัญหาค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะมีผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์เป็นอย่างมาก

“นางสาวเพ็ญพิชชา นาคแดง” หรือ “น้องแมงปอ” อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ภาควิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ดาวมหาลัย ปี 2017 และมิสแกรนด์พะเยา 2019 ให้เหตุผลเกี่ยวกับค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในการใช้ชีวิตแต่ละวัน ว่า ตอนออกจากบ้านเราจะรู้สึกอึดอัด และหายใจไม่ค่อยสะดวก ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้นานๆ โดยที่ไม่มีใครจัดการอะไรก็จะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวัน  ส่วนสาเหตุของการเกิดฝุ่นละออง PM2.5 นั้น ตนคิดว่ามากจากพฤติกรรมของมนุษย์ส่วนหนึ่ง และท่อไอเสียของรถยนต์ การเผาไม้ทำลายป่า เผาขยะ และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ทำให้เกิดควัน ซึ่งนำมาสู่มลภาวะทางอากาศ

“อยากให้ทุกคนสร้างจิตสำนึกแก้ไขพฤติกรรมส่วนตัวของตัวเอง ลดความสะดวกสบายลง หันมาใช้รถธารณะกันแทนรถยนต์ส่าวนตัวในช่วงที่มีค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ถ้าเป็นที่ใกล้ๆ อาจจะเดินไปหรือปั่นจักรยานไปแทน ซึ่งปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรจะมองข้ามโดยไม่ช่วยเหลือกัน ตนเชื่อว่าถ้าร่วมมือกันจะทำให้มลภาวะทางอากาศลดน้อยลงได้” นางสาวเพ็ญพิชชา กล่าว

นางสาวเพ็ญพิชชา กล่าวต่ออีกว่า หากไม่มีการแก้ไขปัญหาค่าฝุ่นละออง PM 2.5 สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ ระบบทางเดินหายใจแล้วนำมาสู่โรคภูมิแพ้ ยิ่งถ้าคนที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้วจะทำให้ระบบทางเดินหายใจติดขัดนำไปสู้โรคหลอดลมอักเสบได้ และหากได้รับฝุ่นเข้าไปในปริมาณที่มากสะสมกันกันนานๆ จะนำไปสู่โรคมะเร็งได้

นอกจากนี้ น้องแมงปอ ยังฝากถึงคนที่จำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งว่า ให้ใส่หน้ากากอนามัย N 95 เพราะหน้ากาก N95 ผลิตจากเส้นใยพิเศษที่สามารถกรองฝุ่นละอองหรือเชื้อโรคที่มีขนาดใหญ่กว่า 0.3 ไมครอนได้ ทำให้ป้องกันฝุ่นละอองขนาด PM 2.5 ได้มีประสิทธิภาพมากกว่า โดยป้องกันได้อย่างน้อย 95 % หน้ากากธรรมดา ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายละอองจาก “ตัวผู้ใส่” เช่น ไอ จาม เชื้อโรค ไม่ให้กระจายสู่ภายนอก ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อป้องกันการสูดหายใจเข้า จึงไม่ได้ออกแบบให้ปกคลุมมิดชิด แต่หากหาหน้ากาก N 95 ไม่ได้ก็ให้ใส่หน้ากากอนามัยซ้อนกัน 2-3 ชั้น ก็จะช่วยได้  

“รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศ หรือ PM 2.5 เช่น ปีที่แล้วมีการทำฝนเทียม และปล่อยละอองน้ำ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 แต่อย่างไรก็ตามอยากให้ทุกคนเริ่มจากที่ตัวเราก่อน ร่วมมือกันช่วยแก้ไขปัญหาจากตัวเราก่อน ลดความสะดวกสบาย และสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ถ้าเราทุกคนช่วยกันก็จะช่วยรักษาโลกไว้ได้” น้องแมงปอ กล่าวทิ้งท้าย