"กล้วย" ผลไม้มากคุณค่าที่คุ้นเคยกันดี เพราะหารับประทานได้ง่ายและยังเชื่อว่าเปี่ยมคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยในกล้วยนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญต่อร่างกายหลากชนิด ได้แก่ วิตามินบี 6 วิตามินซี แมงกานีส โพแทสเซียม และเส้นใยอาหาร ประโยชน์ของกล้วยถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางว่าอาจช่วยในการย่อยอาหาร ให้พลังงาน ดีต่อลำไส้ เพิ่มการเผาผลาญ และอีกสารพัด

นอกจากนี้ ส่วนต่างๆ ของกล้วยยังนำมาทำอาหารได้หลายส่วน ทั้งหัวปลี หยวกกล้วย ผลทั้งสุกและดิบ ตัวอย่างเช่น กล้วยแขก กล้วยบวชชี กล้วยปิ้ง กล้วยตาก กล้วยเชื่อม ข้าวเม่าทอด กล้วยทอด กล้วยกวน

ส่วนใบกล้วยในภาษาไทยที่เรามักเรียกกันว่า "ตองกล้วย" นั้นสามารถใช้ห่ออาหารและทำงานฝีมือได้หลายชนิด "ลำต้น" ก็ใช้ทำเชือกกล้วย หรือกระทง นอกจากนี้กล้วยยังสามารถนำมาพอกหน้าได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ลดความหยาบกร้านบนผิว ด้วยการใช้กล้วยสุกหนึ่งผลนำมาบดให้ละเอียด แล้วเติมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นคลุกให้เข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก

แต่สำหรับวันนี้เราจะพูดถึงเรื่องการกินกล้วย ซึ่งมีเคล็ดลับที่น่ารู้เกี่ยวกับการกิน "กล้วย" ดังนี้

1. การกินกล้วยสุกควรเคี้ยวให้ละเอียด เพราะเนื้อกล้วยมีแป้งอยู่ถึง 20-25 % มิเช่นนั้นจะท้องอืดได้

2. เด็กเล็กควรเริ่มให้กินกล้วยสุกเมื่อเด็กอายุได้ 6 เดือนขึ้นไป โดยขูดเนื้อกล้วยสุก (ไม่เอาใส่กล้วยเพราะจะทำให้เด็กท้องผูก) ให้กินครั้งละน้อยๆ ไม่เกินครึ่งช้อนชา วันละครั้งเพราะเด็กยังมีน้ำย่อยแป้งไม่พอ อาจเกิดอาการท้องอืดได้ เด็กอายุครบขวบกินกล้วยครั้งละ 1 ลูก วันละครั้ง

3. ตุ่มคันจากยุงกัด มดกัด หรือผื่นคันเนื่องจากลมพิษ ใช้เปลือกกล้วยน้ำว้าสุกด้านในทาถูบริเวณนั้นประมาณครึ่งนาที

4. ผู้หญิงคลอดลูกใหม่ๆ ในสมัยก่อนจะเอาปลีกล้วยมาต้มให้กิน ช่วยทำให้มีน้ำนม

5. ยางกล้วยช่วยห้ามเลือดและฆ่าเชื้อ ทำให้ไม่เกิดแผลเป็น

6. กาบกล้วย สามารถมาทำเป็นเชือกกล้วยได้ โดยนำต้นกล้วยมาขูดเป็นเส้นๆ ตากแดดให้แห้ง หากต้องการใช้เป็นเส้นใหญ่ๆ ที่มีความคงทน ให้นำมาถักต่อกัน ม้วนเก็บไว้ใช้งาน

ขอบคุณข้อมูลจากมูลนิธิหมอชาวบ้าน