"...พื้นถ้ำมีก้อนหินเป็นรูปกงจักรกับดอกบัว มีพญานาคเฝ้าอยู่ภายใต้แผ่นหินนี้ ไม่มีพระองค์ใดเข้าไปอยู่ในถ้ำนั้นได้นาน ยกเว้นหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต รูปเดียวเท่านั้น ที่เข้าไปอยู่ในถ้ำนั้นได้นานเป็นวัน ๆ หลวงปู่มั่นเทศน์สอนพญานาค แต่พญานาคไม่ยอมรับคำแนะนำ เพราะยังอาลัยอัตภาพปัจจุบันของตนอยู่
ในที่สุดท่านพระอาจารย์มั่นเห็นว่า เข้าไปทำความรำคาญให้แก่เธอ จึงไม่เข้าไปในถ้ำนั้นอีกเลย ที่ถ้ำพญานาคนี้หลวงปู่แหวนเข้าไปอยู่ ๑ วัน หลวงปู่ตื้อเข้าไปอยู่ ๓ วัน แต่ละองค์ที่เข้าไปอยู่ต่างถูกพญานาคตำหนิกล่าวโทษเอาทั้งสิ้น พระท่านอยู่ไม่ได้เพราะส่งจิตออกไปดูทีไรเห็นพญานาคคอยจ้องหาเรื่องตำหนิอยู่ตลอดเวลา
เมื่อออกพรรษาแล้ว ท่านพระอาจารย์มั่นท่านก็เข้าไปอยู่ภายในถ้ำนั้น ๙ วัน ๙ คืน โดยไม่ออกมาเลย ในวันที่ ๑๐ ท่านจึงออกมา หลังจากฉันจังหันเสร็จแล้วท่านได้เล่าให้คณะศิษย์ฟังว่า ท่านเข้าไปช่วยเจ้าของผู้สร้างเจดีย์ เขาห่วงเจดีย์ของเขา เขาไปไหนไม่ได้ท่านจึงไปช่วยแนะนำเขา เวลานี้เขาไปแล้ว
ในเรื่องนี้มีความว่า ที่นั้นมีวิญญาณหญิงสาวกับสามเณรที่เป็นน้องชายมาวนเวียนอยู่ ท่านจึงถามว่ามาเดินอยู่ทำไม วิญญาณก็เล่าให้ฟังว่าพวกเขาสร้างเจดีย์ไว้ยังไม่เสร็จ ก็ต้องมาตายเสียก่อน เขาจึงกังวลกับเรื่องนี้ ยังไปไหนไม่ได้ ท่านพระอาจารย์มั่นจึงเทศน์ให้สติแก่วิญญาณสองพี่น้อง มีใจความว่า:-
สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรไปทำความผูกพัน เพราะไม่สามารถเอากลับมาให้เป็นปัจจุบันได้ มีแต่จะทำให้กังวลและเป็นทุกข์ ส่วนอนาคตก็ไม่ควรไปห่วงไปเกี่ยวข้อง อดีตควรปล่อยไว้ตามอดีต อนาคตก็ควรปล่อยไว้ตามกาลของมัน ปัจจุบันเท่านั้นจึงจะทำให้สำเร็จประโยชน์ได้ เพราะอยู่ในฐานะที่สามารถทำได้
การสร้างพระเจดีย์เราสร้างด้วยหวังบุญหวังกุศล ไม่ได้สร้างเพื่อหวังเอาก้อนอิฐก้อนหินปูนทรายในองค์พระเจดีย์ติดตัวไปด้วย สิ่งที่เป็นสมบัติของเราในการสร้างพระเจดีย์ ก็คือ บุญ ที่เราจะเอาติดตัวไปได้ เราไม่ได้เอาสิ่งก่อสร้าง วัตถุทานต่าง ๆ ที่สละแล้วนั้นเอาติดตัวไปด้วย เราเอาไปได้เฉพาะส่วนนามธรรมที่เกิดจากการสละวัตถุทานเหล่านั้น นั่นคือตัวบุญกุศล
เจ้าของผู้คิดเป็นกุศลเจตนาขึ้นมา ให้สำเร็จเป็นวัตถุไทยทานต่าง ๆ นั้น คือ ใจ ใจที่แหละเป็นผู้ทรงบุญ ทรงกุศล ทรงมรรค ทรงผล ทรงสวรรค์ นิพพาน และใจนี่แหละเป็นผู้ไปสู่สวรรค์นิพพาน นอกจากใจไม่มีอะไรไป
“ถ้าคุณทั้งสอง ยินดีเฉพาะกุศลผลบุญ ที่ทำได้จากการสร้างพระเจดีย์ไปเท่านั้น ไม่มุ่งจะแบกหามพระเจดีย์ไปสวรรค์นิพพานด้วย คุณทั้งสองก็ไปอย่างสุคโต หายห่วงไปนานแล้ว เพราะบุญเป็นเครื่องสนับสนุน บุญจึงไม่เปลี่ยนแปลงเป็นบาปตลอดกาล
คุณทั้งสองสร้างบุญญาภิสมภารมา เพื่อยังตนไปสู่สุคติแต่กลับมาติดกังวลในอิฐในปูนเพียงเท่านี้ จนเป็นอุปสรรคต่อทางเดินของตนซึ่งทำให้เสียเวลาไปนาน ถ้าคุณทั้งสองพยายามตัดความขัดข้องห่วงใยที่กำลังเป็นอยู่ออกจากใจ ชั่วเวลาไม่นานเลย จะเป็นผู้หมดภาระผูกพัน คุณมีจิตมุ่งมั่นในภพใด จะสมหวังในภพนั้น เพราะแรงกุศลที่ได้พากันสร้างมาพร้อมอยู่แล้ว”
หลังจากนั้น หลวงปู่มั่น ก็สอนดวงวิญญาณให้รักษาศีลห้า สอนอานิสงส์ของทาน ศีล ภาวนา และหลักธรรมอื่น ๆ จนดวงวิญญาณคลายการติดยึด แล้วไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์พิภพในลำดับต่อมา
..........................................
เฟสบุ๊ก "ท่องถิ่นธรรม พระกัมมัฏฐาน"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี