27 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถบรรทุกข้าวจากชุมชนกะเหรี่ยงภาคเหนือ ที่บรรทุกข้าวสารกว่า 7 ตันจาก จ.เชียงใหม่ และออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา ได้มาถึงชุมชนชาวเลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เพื่อนำข้าวสารของชาวดอยแลกปลาของชาวเล โดยมีชาวเลกว่า 100 คน ออกมาให้การต้อนรับและร่วมแบ่งปันข้าวสารครอบครัวละ 10 กิโลกรัม
นายสนิท แซ่ชั่ว ชาวเลชุมชนราไวย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รวบรวมปลาตากแห้งไว้แล้ว คาดว่าจะได้ประมาณ 1,000 กิโลกรัม เพื่อส่งไปตอบแทนน้ำใจพี่น้องชาวเหนือ อย่างไรก็ตามข้าวสารที่ได้รับนี้ นอกจากแบ่งปันให้กับชาวบ้านในชุมชนราไวย์แล้ว จะนำไปมอบให้ชาวเลในพื้นที่อื่นๆด้วย เช่น เกาะหลีเป๊ะ เกาะอาดัง จ.สตูล เกาะพีพี เกาะจำ เกาะลันตา จ.กระบี่ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเกาะในจังหวัดพังงและระนอง ขณะเดียวกันชาวเลในหลายพื้นที่ก็กำลังออกหาปลาและทำปลาตากแห้งส่งมาร่วมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้
“ผมคิดว่าการนำข้าวมาแลกปลาครั้งนี้เป็นเรื่องสุดยอด มันเหมือนกับวิถีชีวิตดั้งเดิมของพวกเราสมัยก่อนที่พ่อแม่ปู่ย่านำปลาไปแลกข้าว ผัก ผลไม้ โดยไม่ต้องใช้เงินตรา ที่ผมดีใจมากคือความสัมพันธ์ของคนในชุมชนดีขึ้นมาก จากวันแรกที่มีเรือของผมออกไปหาปลามาแลกข้าวเพียงลำเดียว เพราะคนอื่นเขาไม่เชื่อว่าจะเอาปลาไปแลกข้าวได้อย่างไร แต่เมื่อเขาเห็นว่ามีช่องทางเป็นไปได้และเราเอาจริง เขาก็เลยเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ จนเรือทั้งหมด 43 ลำของชาวเลราไวย์ต่างออกไปหาปลามาแลกข้าวกันหมด ผมไม่เคยเห็นบรรยากาศเช่นนี้มาร่วมม 30-40 ปีแล้ว” นายสนิท กล่าว
นายสนิท กล่าวอีกว่า ผลที่ได้รับอีกประการหนึ่งคือ การที่เราใช้พื้นที่หน้าหาดในการทำกิจกรรมทำและตากปลา เมื่อข้าราชการหลายหน่วยงานมาร่วมสังเกตการณ์ ทำให้เขาเห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ชุมชนใช้ร่วมกันจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้เราเคยขอให้หน่วยงานราชการมารังวัดเพื่อกันให้เป็นที่ดินสาธารณะ แต่ไม่มีหน่วยงานใดกล้ามายืนยัน ดังนั้นการที่เขาได้มาเห็นข้อเท็จจริง ทำให้เราหวังว่าการกันพื้นที่นี้ให้เป็นสาธารณะจะง่ายขึ้น
“ผมเสียดายที่ชาวเลหมู่เกาะสุรินทร์ ไม่สามารถหาปลามาร่วมกับพวกเราได้ เพราะถูกห้าม ทั้งๆที่ขีวิตของพวกเขาอยู่ติดกับทะเลเหมือนพวกเรา เขาต้องการหาปลามาแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้พี่น้องทั่วประเทศได้มีอาหารการกิน” นายสนิท กล่าว
ด้านนายสุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์ ศิลปินชาวปกาเกอะญอ และนักวิชาการศูนย์การจัดการภูมิวัฒนธรรม วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ข้าวไปถึงพี่น้องชาวเลแล้ว ถือว่าเป็นการส่งต่อความอร่อยให้พี่น้องทั่วทะเลอันดามัน สิ่งที่อยากชี้ให้เห็นคือ การที่พวกเราเข้าถึงทรัพยากรในพื้นที่ได้ ก็สามารถนำมาแบ่งปันจากประชาชนสู่ประชาชนได้ นอกจากพวกเรามีทรัพยกรฐานการผลิตแล้ว เรายังมีทักษะทางวัฒนธรรมในการสร้างอาหารที่เพียงพอในการแลกเปลี่ยนกันได้
“เราไม่รู้เว่าอนาคตเป็นอย่างไร หากคนบนดอยไม่สามารถปลูกข้าวในที่ดินของตัวเอง ไม่สามารถทำไร่หมุนเวียนของเราได้ เช่นเดียวกับพี่น้องชาวเล หากไม่มีสิทธิจับปลาในทะเลที่พวกเขาอยู่มาเนิ่นนานได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นต่อไปเราก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนกันได้ ดังนั้นจะต้องทำอย่างไรที่จะสนับสนุนให้มีการเผลิตเช่นนี้ มันไม่ใช่ความั่นคงทางอาหารเฉพาะพวกเราอย่างเดียว แต่เป็นความมั่นของการเผื่อแผ่ไปถึงพี่น้องของเราด้วย” นายสุวิชาน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี