วันพฤหัสบดี ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
'อานาปานสติกรรมฐาน' เป็นกรรมฐานระงับอาการฟุ้งซ่านของจิต : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

'อานาปานสติกรรมฐาน' เป็นกรรมฐานระงับอาการฟุ้งซ่านของจิต : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

วันพุธ ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2563, 19.34 น.
Tag : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ของจิต อาการฟุ้งซ่าน ระงับ กรรมฐาน อานาปานสติ วัดท่าซุง
  •  

การเจริญพระกรรมฐาน เราควรจับจุดเอาอานาปานสติกรรมฐานเป็นสำคัญ เพราะว่าอานาปานุสสติกรรมฐานนี้ จะเป็นคนประเภทไหนก็ตาม มีความจำเป็นทั้งหมด เพราะว่าอานาปานสติกรรมฐานเป็นกรรมฐานระงับอาการฟุ้งซ่านของจิต เราจะเจริญอะไรก็ตาม ถ้าเราไม่สามารถระงับความฟุ้งซ่านของจิตได้ สมาธิมันก็ไม่เกิด แล้วใครที่ไหนเล่า มีบ้างไหม ที่มีอารมณ์ไม่ฟุ้งซ่าน มีบ้างหรือเปล่า หาไม่ได้ คนที่มีอารมณ์ไม่ฟุ้งซ่านจริงๆ ก็มีพระอรหันต์เท่านั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์ คือพระพุทธเจ้าท่านเป็นสัพพัญญูรู้ความจริง

ฉะนั้น ในมหาสติปัฏฐานสูตร ท่านจึงขึ้นอานาปานสติก่อน นี่เป็นแบบฉบับของการสอน ที่เราสอนกันก็สอนตามแบบของพระพุทธเจ้า เรื่องแบบของชาวบ้านชาวเมืองที่เขาสร้างขึ้นมาใหม่นี่ไม่เอาด้วย เพราะอะไร เพราะว่าคนสร้างไม่ใช่พระพุทธเจ้า ดีไม่ดีคนสร้างก็ไม่ใช่พระอรหันต์ ในเมื่อคนสร้างแบบไม่ได้อะไรแล้วคนปฏิบัตตามแบบมันจะได้อะไร


ในเมื่อพระพุทธเจ้าเห็นว่าอานาปานสติเป็นของสำคัญ ถึงได้ขึ้นต้นไว้ในมหาสติปัฏฐานสูตร เมื่อทรงอานาปานสติถึงอารมณ์ฌาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอานาปานสตินี้ทรงอารมณ์ได้ถึงฌานสี่ สำหรับผู้มีอุปนิสัยเป็นสาวกภูมิ ถ้าผู้มีอุปนิสัยเป็นพุทธภูมิก็ทรงได้ถึงฌานห้า จัดว่าเป็นกรรมฐานที่มีความสำคัญมาก แล้วก็เป็นกรรมฐานระงับกายสังขาร ในเมื่อร่างกายของเราป่วยไข้ไม่สบายมีทุกขเวทนา เราใช้อานาปานสติกรรมฐานทรงฌานเข้าไว้ ทุกขเวทนามันจะคลายลงไป ดีไม่ดีก็ไม่รู้สึกในทุกขเวทนานั้นถ้าได้ถึงฌานสี่

อีกประการ หนึ่งท่านที่คล่องในอานาปานสติกรรมฐาน รู้เวลาตายของตัว ว่าเราจะตายเวลาไหนแน่ ตายด้วยอาการแบบไหน ตายเมื่อไร นี่เรารู้ ก็กลายเป็นคนไม่มีความหวาดหวั่นในความตาย แล้วยิ่งไปกว่านั้นอานาปานสติกรรมฐานยังเป็นกรรมฐานมีความสำคัญใหญ่ เราจะทำกรรมฐานกองอื่นๆในสมถภาวนา หรือว่าวิปัสสนาภาวนาก็ตาม ต้องใช้อานาปานสติกรรมฐานเอาเป็นพื้นฐานให้จิตสงบเสียก่อน ถ้ามิฉะนั้นการเจริญกรรมฐานในกองอื่นๆในด้านสมถภาวนาหรือวิปัสสนาภาวนา จะไม่มีอะไรเป็นผล องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นคุณของของอานาปานสติ กรรมฐานแบบนี้ ฉะนั้นองค์สมเด็จพระมหามุนีจึงให้ขึ้นต้นอานาปานสติกรรมฐานก่อนในมหาสติ ปัฏฐานสูตร

การเจริญอานาปานสติกรรมฐานตามแบบปฏิบัติที่นิยมกัน ก็ให้ใช้พุทธานุสสติกรรมฐานควบคุมไปด้วย ช่วยให้กำลังใจเกิดขึ้น การทำความดีในพระพุทธศาสนา ถ้าขาดกำลังใจเสียอย่างเดียวไม่มีอะไรเป็นผล เพราะการฝึกนี่เราฝึกใจ เราไม่ได้ฝึกกาย ถ้ามีแต่การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก เราก็คิดว่าจิตมันว่างไป นึกถึงความดีขององค์สมเด็จพระจอมไตรใช้คำ "พุทโธ" รู้สึกว่าจิตใจมันมั่นคง อันนี้อาตมาก็ไม่ปฏิเสธว่าเป็นความดีเพิ่มขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง คือ หนึ่งเราได้อานาปานสติกรรมฐาน สองเราได้พุทธานุสสติกรรมฐาน ได้เป็นกรรมฐานสองอย่างร่วมกัน คือไม่สร้างความเหน็ดเหนื่อยเพราะใช้คำเพียงสองคำ หายใจเข้านึกว่า "พุท" หายใจออกนึกว่า "โธ" อย่างนี้ไม่ขัดกับอานาปานสติกรรมฐาน

ในเมื่อรู้คุณสมบัติของอานาปานสติกรรมฐานแล้ว สำหรับคุณสมบัติของพุทธานุสสติกรรมฐาน กรรมฐานกองนี้เป็นกำลังใหญ่มาก มีอานิสงส์สูงมาก ถ้าตายเป็นเทวดาก็มีรัศมีกายผ่องใสยิ่งกว่าเทวดาที่บำเพ็ญกุศลอย่างอื่น เทวดาเขาถือว่าใครมีรัศมีกายผ่องใสมาก เทวดาองค์นั้นมีบุญญาธิการมาก แล้วการเจริญพุทธานุสสติกรรมฐานเป็นเหตุดึงใจให้บรรดาท่านพุทธบริษัทเข้าถึง พระนิพพานได้รวดเร็ว นี่จำไว้ด้วย นี่เป็นอานิสงส์หรือเป็นผล

 

 

คราวนี้เรามาว่ากันในตอนต้น การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก เรียกว่า อานาปานุสสติกรรมฐาน พระพุทธเจ้าทรงแนะนำว่าให้เรากำหนดรู้ว่า นี่เราหายใจเข้า นี่เราหายใจออก เราหายใจเข้ายาวหรือสั้น หายใจออกยาวหรือสั้น ก็ให้รู้ด้วย เป็นการทำจิตให้สะดวก ทำจิตให้มีความละเอียดลออ ทำสติสัมปชัญญะให้ทรงตัว ท่านมีอุปมาไว้ว่าคล้ายๆกับนายช่างกลึงชักเชือกกลึง เวลาที่ชักเชือกกลึงยาวหรือสั้น ก็รู้อาการชักเชือกกลึงนั้นยาวหรือสั้น นี่ทำจิตให้รู้อยู่

ถ้าจะถามว่าจิตรู้อยู่นี่ใช้กันกี่เวลา ก็จะต้องขอตอบว่า ให้รู้อยู่ทุกลมหายใจเข้าออกตั้งแต่ตื่นจนกว่าจะหลับนั่นแหละเป็นการดี การเจริญพระกรรมฐานแบนี้ ก็รู้สึกว่าหนักอยู่สำหรับคนใหม่หรือยังไม่ได้ฌาน อานาปานสติกรรมฐานไม่ใช่ของกล้วยๆ มีกำลังมากอยู่ แต่ว่าถ้ามากไปจนแบกไม่ไหว ก็ไม่มีใครเขาได้กัน เมื่อมีคนเขาได้นับไม่ถ้วนก็แสดงว่าไม่หนักเกินไป พอกำลังของท่านพุทธบริษัทที่มีศรัทธาจริงจะพึงทำได้

แล้วเรามาเจริญกันแบบไหน จึงจะมีคุณ นี่เราควบพุทธานุสสติ เวลาหายใจเข้ารู้อยู่ว่าหายใจเข้าพร้อมกับนึกว่า "พุท" เวลาหายใจออกนึกว่า "โธ" อย่างนี้ไม่เหนื่อยเพราะไม่ต้องเร่งการหายใจ นี่ก็ต้องปล่อยการหายใจให้เป็นไปตามปกติ อย่าเร่งรัดให้เร็วหรือว่าอย่าผ่อนให้ช้า อย่ากลั้นลมหายใจ ปล่อยไปตามสบาย บางทีสติสัมปชัญญะของเราไม่ดีพอ การหายใจธรรมดาไม่รู้สึก ก็เร่งหายใจให้หนักๆ อันนี้ใช้ไม่ได้ ต้องปล่อยลมหายใจไปตามธรรมดา แล้วเอาจิตของเรานี้เข้าไปวัด จับมันเข้าไว้ นี่หายใจเข้า นี่หายใจออก ถ้าอารมณ์ธรรมดามันเผลอ ก็แสดงว่าสติสัปชัญญะของเรามันเฟือนไป จิตใจไม่ทรงอยู่ในสมาธิ นี่เป็นเครื่องสังเกต นี่เป็นคำแนะนำขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์

การเจริญสมาธิจิต ในด้านอานาปานสติเป็นศัตรูกับอารมณ์ที่ฟุ้งซ่าน และรำคาญในเสียงภายนอก ตามธรรมดาของจิตเรานี่มันท่องเที่ยวมาหลายแสนกัป ไม่มีใครบังคับมันหรือว่าเรามีเกณฑ์บังคับอยู่บ้างในชาติก่อนก็อาจเป็นได้ แต่ทว่าในชาตินี้เราเพิ่งมาใช้ เพิ่งบังคับ มันก็ลืมท่าลืมทางเหมือนกัน ในระยะต้นๆเราจะมาตั้งเวลาครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง บังคับจิตให้อยู่ตามใจชอบนั้นมันเป็นไปไม่ได้ ต้องดูแบบฉบับที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอธิบายไว้ ในวิสุทธิมรรค เพราะว่าในวิสุทธิมรรคท่านอธิบายถึงวิธีบังคับจิตไว้ละเอียดดี ว่าให้สังเกตการพิจารณาจิต 

ถ้าเรากำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกพร้อมด้วยคำภาวนา หรือไม่ภาวนาก็ตาม ถ้าใช้ระยะเวลาที่ไม่จำกัด จิตมันฟุ้งซ่านไม่ทรงตัว ไม่สามารถจะควบคุมอารมณ์จิตให้มันทรงตัวอยู่ได้ องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาให้ปฏิบัติแบบนี้ คือให้นับลมหายใจเข้าออก นับไปด้วย หายใจเข้าหายใจออกนับเป็นหนึ่ง นี่เป็นจังหวะที่หนึ่ง แล้วก็หายใจเข้าหายใจออกหนึ่ง หายใจเข้าหายใจออกสอง นับไปถึงสอง แล้วก็มาขึ้นต้นใหม่นับไปถึงสาม ขึ้นต้นใหม่นับไปถึงสี่ ขึ้นต้นใหม่นับไปถึงห้า แล้วขึ้นต้นใหม่นับไปถึงหก เจ็ด แปด แล้วก็ถึงสิบ พอถึงสิบแล้วก็ย้อนมาขึ้นต้นใหม่นับหนึ่ง แล้วขึ้นต้นใหม่นับหนึ่งถึงสองไปตามลำดับ ท่านให้ทำอย่างนี้ จะได้เป็นการควบคุมกำลังจิตคือนับไปด้วยจะได้ห่วงนับ อารมณ์แห่งการรู้ของจิตมันจะหยาบไปหน่อยก็ช่างมัน เราเอาผลกัน เราไม่ใช่ปฏิบัติเอาปริมาณของเวลา เราต้องการอารมณ์จิตเป็นสมาธิจริงๆ

.................................

จากหนังสือ "กรรมฐาน ๔๐" โดย..พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • การสวดมนต์ด้วยความเคารพจริงถึงสวดน้อยก็มีอานิสงส์ใหญ่ ถ้าทำได้ทุกวันเวลาจะตายมันลงนรกกันไม่ได้แน่ การสวดมนต์ด้วยความเคารพจริงถึงสวดน้อยก็มีอานิสงส์ใหญ่ ถ้าทำได้ทุกวันเวลาจะตายมันลงนรกกันไม่ได้แน่
  • \'ลูกเอ๋ย ตราบใดมานั่งต่อหน้าพ่อ ลูกพ่อดีทุกคน\' 'ลูกเอ๋ย ตราบใดมานั่งต่อหน้าพ่อ ลูกพ่อดีทุกคน'
  •  

Breaking News

จับตาเคาะ 15,000 ล้าน! 'คลัง'จ่อชง ครม.ออกซอฟท์โลน 3 จว.ชายแดนใต้

ผิดสัญญา! 'ปูติน-ทรัมป์'เบี้ยวโต๊ะเจรจาสงครามยูเครน ทั้งที่เสนอเอง

ด่วน!เกิดเหตุ‘ชายคลั่ง’จับตัวประกันย่าน‘ถ.อิสรภาพ’ ยิงสวนตำรวจ

'นายกฯ'มั่นใจ'ทีมไทยแลนด์'พร้อม 'สหรัฐฯ'ชื่นชมริเริ่มข้อเสนอน่าประทับใจ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved