ชาวบ้านไพบูลย์ จังหวัดบุรีรัมย์โวย อบต.ถมดินทำถนนปิดทางสัญจรเข้า-ออกทำชาวบ้านเดือดร้อนขนปุ๋ยไปใส่นาข้าวไม่ได้ ซ้ำดินยังไหลทับต้นข้าวที่กำลังเติบโตเสียหาย วอนเร่งขนดินออกเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เพราะเป็นช่วงที่จะต้องใส่ปุ๋ยบำรุงต้นข้าว
วันที่ 4 มิ.ย.63 ชาวบ้านบ้านไพบูลย์ ต.บ้านไทร อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ กว่า 20 ครัวเรือนได้รวมตัวกันออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังได้รับความเดือดร้อนจากกรณีที่ทางองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านไทร นำดินไปเททับถนนทางเข้า-ออกที่ชาวบ้านใช้ในการสัญจรไปทำนาและไร่สวน เป็นระยะทางยาวกว่า 130 เมตร ทำให้ชาวบ้านเกษตรกรที่มีพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวที่จำเป็นจะต้องผ่านเส้นทางดังกล่าว ไม่สามารถใช้ทั้งรถยนต์ รถไถนาเดินตาม หรือแม้แต่รถจักรยานยนต์ผ่านเส้นทางดังกล่าวได้ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านและเกษตรกรเป็นอย่างมากโดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงที่เกษตรกรหลายคนจะต้องขนปุ๋ยไปใส่บำรุงต้นข้าวก็ไม่สามารถไปได้อีกทั้งดินที่ทาง อบต.นำไปเทถมถนนยังไหลทับต้นข้าวของเกษตรกรได้รับความเสียหายด้วย
ทั้งนี้ ชาวบ้าน ยังบอกด้วยว่า นอกจากจะสร้างความเดือดร้อนไม่สามารถสัญจรผ่านได้แล้ว ยังเป็นการถมดินผิดเส้นทางอีกด้วย เพราะจากการตรวจสอบทราบว่า โครงการถมดินทำถนนเป็นของอีกเส้นทางที่อยู่ใกล้กันจึงอยากร้องขอให้ทาง อบต.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ และเร่งขนดินที่เทปิดทับถนนออก เพื่อให้สามารถสัญจรได้ตามปกติ และขนปุ๋ยไปใส่นาข้าวได้โดยเร็วด้วย
นายสมัย นามวิชัย อายุ 64 ปี ตัวแทนชาวบ้าน ตั้งข้อสังเกตว่า การเทดินผิดเส้นทางของทาง อบต.ในครั้งนี้ เชื่อว่าอาจเป็นการลักไก่หรือโครงการทับซ้อนหรือไม่ เพราะจากการตรวจสอบแล้วพบว่า น่าจะเป็นโครงการของปี 2562 แต่ที่สำคัญคือการเทดินผิดเส้นทางยังสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน เพราะไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ซึ่งหลังจากเทดินทับถนน ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านก็เคยไปแจ้งทาง อบต.ทราบเพื่อแก้ไขแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีดำเนินการใดๆ จึงอยากฝากถึงท่านนายกฯ ให้มาตรวจสอบและเร่งเอาดินออกโดยเร็วด้วย เพื่อให้ชาวบ้าน เกษตรกรสามารถสัญจรได้ตามปกติ
นายเอกลักษณ์ ภูอินทร์ อายุ 85 ปีบอกว่า หลังจาก อบต.เทดินทับถนนก็เดือดร้อนมากไม่สามารถขนปุ๋ยไปใส่นาข้าวได้ ทั้งที่ช่วงนี้เกษตรกรจะต้องใส่ปุ๋ยเพื่อบำรุงต้นข้าวที่ไถหว่านไว้และกำลังเจริญเติบโต ก็อยากวิงวอนให้ทาง อบต.เร่งเอาดินออกจากถนนเพื่อให้สัญจรได้ตามปกติด้วย
นายพร เอ็นดู อายุ 55 ปี และนางถาวร แสงสว่าง อายุ 50 ปีชาวบ้านก็บอกตรงกันว่า นอกจากการเทดินทับถนนปิดเส้นทางจะทำให้ชาวบ้านเกษตรกรเดือดร้อนไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้แล้ว ดินที่นำมาเทบนถนนยังไหลทับต้นข้าวที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายด้วย ก็อยากให้เร่งเข้ามาแก้ไขและรับผิดชอบกับต้นข้าวที่เสียหายด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี