ชาวบ้านอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งอพยพหนีภัยจากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดน ต้องตกใจหลังกลับเข้าบ้านและได้รับบิลค่าไฟฟ้าสูงถึงกว่า 2,000 บาท ทำให้เกิดความกังวลว่าจะต้องจ่ายค่าไฟที่สูงลิ่ว ทั้งที่รัฐบาลเคยประกาศว่าจะงดเว้นค่าสาธารณูปโภคเป็นเวลา 2 เดือน

วันที่ 20 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในเขตอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ชาวบ้านหลายครัวเรือนที่กลับจากศูนย์พักพิงชั่วคราวต้องพบกับบิลค่าไฟฟ้าที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1,000 - 2,000 บาท ทำให้เกิดคำถามและข้อสงสัยถึงมาตรการเยียวยาของรัฐบาลที่ประกาศไว้ว่าจะงดเว้นการเก็บค่าน้ำและค่าไฟฟ้าให้กับผู้ได้รับผลกระทบเป็นเวลา 2 เดือน

นายวิทยา ส่วงเมา อายุ 38 ปี ชาวบ้านจากตำบลจันทบเพชร เล่าว่า ในช่วงที่ต้องอพยพไปอยู่ที่ศูนย์พักพิง ถึงแม้จะได้รับการดูแลอย่างดี แต่ก็ยังมีความกังวลเรื่องบ้านและทรัพย์สินที่ต้องทิ้งไว้ เมื่อทราบข่าวว่ารัฐบาลจะงดเก็บค่าน้ำค่าไฟเป็นเวลา 2 เดือนก็รู้สึกดีใจ แต่พอมาเห็นบิลค่าไฟวันนี้ก็ตกใจมาก เพราะไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่าย

นายวิทยา กล่าวว่า ตอนนี้คงต้องรอเงินเยียวยาครอบครัวละ 3,000 บาท เพื่อนำมาใช้จ่ายค่าไฟ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้รับเงินเมื่อใด จึงอยากให้รัฐบาลชี้แจงเรื่องมาตรการงดเก็บค่าน้ำค่าไฟที่ได้ประกาศไว้ว่าจะช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี

สำหรับมาตรการเยียวยาที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ ประกอบด้วย 1.งดเว้นค่าสาธารณูปโภค ประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) งดเว้นการเก็บค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาเป็นเวลา 2 เดือน (กรกฎาคม-สิงหาคม) ในพื้นที่ประสบภัย 2.เพิ่มเงินเยียวยาผู้สูญเสีย เจ้าหน้าที่รัฐได้รับ 10 ล้านบาทต่อราย และประชาชนได้รับ 8 ล้านบาทต่อราย ผู้บาดเจ็บสาหัสเจ้าหน้าที่รัฐได้รับ 5 แสนบาท และประชาชนได้รับ 4 แสนบาท และ 3.ขยายงบฉุกเฉิน เพิ่มวงเงินทดรองราชการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดชายแดนเป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาท (จากเดิม 20 ล้านบาท) รวมถึงเตรียมอนุมัติเบี้ยเลี้ยงสำหรับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) รวม 32,740 นาย