เมื่อวันนี้ 22 มิถุนายน 2563 ที่ร้านกาแฟเครื่องบิน COFFEEWAR ถนนสาย 331 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายอนุชา อินทศร นายอำเภอสัตหีบ พร้อมด้วย พันจ่าเอกวิษณุ โตสมบัติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพลูตาหลวง พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ สมใจ ผกก.สภ.พลูตาหลวง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสัตหีบ พลเรือตรีสุทธิพงส์ บุญลอย ผู้จัดการ้านร้านกาแฟเครื่องบิน COFFEEWAR ได้ร่วมกันตรวจสอบมาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) หลังมีประชาชนแห่มาท่องเที่ยว ถ่ายรูปและดื่มกาแฟ ต่อวันนับพันคน ทำให้ทางหน่วยราชการเป็นห่วงในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมจัดระเบียบแหล่งท่องเที่ยว เน้นไม่ให้เกิดความแออัด และต้องใช้มาตรการป้องกันโควิด-19
โดยในที่ประชุมมีมติร่วมกันระหว่างหน่วยงานราชการและผู้ประกอบการ ให้ ปิดปรับปรุงชั่วคราว เพื่อดำเนินการมาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด -19 พร้อมทั้งที่จอดรถและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆและพร้อมเปิดให้บริการอีกครั้ง วันที่ 29 มิถุนายนนี้ นี้โดยทุกหน่วยงานจะมีการลงตรวจสอบอีกครั้งก่อนวันเปิดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ที่จะมาท่องเที่ยวว่ามีความปลอดภัยทุกด้านตามที่ทางราชการและกระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้
นายอนุชา อินทศร นายอำเภอสัตหีบ กล่าวว่า วันนี้ทางอำเภอสัตหีบได้ร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ลงมาตรวจสอบสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อจัดระเบียบแหล่งท่องเที่ยว กำหนดการใช้พื้นที่ให้มีความชัดเจน มุ่งเน้นความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและประชาชน ไม่เกิดความแออัด รวมทั้งให้มีการดูแลรักษาความสะอาดของสถานที่ท่องเที่ยวและบริเวณโดยรอบแบ่งสัดส่วนการใช้พื้นที่สถานที่ท่องเที่ยวให้มีความชัดเจน เช่น พื้นที่ร้านค้า สถานประกอบการ พื้นที่สำหรับพักผ่อน พื้นที่จัดกิจกรรม พื้นที่จอดรถ หรือพื้นที่อื่นๆ ให้สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้อย่างเหมาะสม กำหนดมาตรการควบคุมจำนวนผู้เข้ามาท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้เกิดความแออัดและเป็นไปตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม
โดยถือหลักหลีกเลี่ยงติดต่อสัมผัสระหว่างกัน และการอำนวยความสะดวกและบริหารจัดการระบบการจราจร เพื่อลดความแออัดของพื้นที่ พร้อมกำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ทั้งการรักษาความสะอาดบริเวณแหล่งท่องเที่ยวโดยเฉพาะจุดที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ กำหนดและให้มีจุดล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค รวมทั้งกำจัดขยะในพื้นที่โดยรอบแหล่งท่องเที่ยวพร้อมรณรงค์ให้ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวใช้แอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" ให้เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตปกติ และสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ทุกภาคส่วน ให้ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของแอปพลิเคชันในการสอบสวนโรคย้อนหลังได้
พลเรือตรีสุทธิพงส์ บุญลอย ผู้จัดการ้านร้านกาแฟเครื่องบิน กล่าวว่าเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นเครื่องบินที่ทางการบินไทยได้จำหน่ายเป็นเวลานานแล้ว ลำนี้เป็นแอร์บัส เอ-300 ซึ่งเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่มากซึ่งใช้บินระหว่างประเทศ ซึ่งหมดวาระชองการใช้งานไป เราก็เลยซื้อตัวเครื่องบินมา ซึ่งสามารถมาทำเป็นโรงแรมก็ได้ ร้านอาหาร และร้านกาแฟก็ได้ ซึ่งปัจจุบันคนนิยมดื่มกาแฟกัน เราจึงทำให้เป็นโมเดลร้านกาแฟ เพราะเครื่องบินลำหนึ่งมูลค่า 10 กว่าล้านบาท ซึ่งผมทำร้านกาแฟไม่ได้หวังว่าจะคืนทุนเพราะมันยากมาก เพราะเราขายราคาแก้วหนึ่ง 60-80 บาท
ซึ่งไม่ได้ราคาแพงมากมาย ซึ่งเราอยากให้ชาวบ้านและประชาชนได้มาดื่มกาแฟในราคาที่ไม่แพง และอีกข้อคือบางคนยังไม่เคยมีโอกาสได้ขึ้นเครื่องบิน ซึ่งจะได้มีโอกาสขึ้นเครื่องบินและได้ดื่มกาแฟ ทำให้คนอยากมาและต่างคนต่างโพสต์ลงไปในโลกโซเชียลทำให้คนแห่กันมาจำนวนมาก ซึ่งเราตั้งไว้วันหนึ่งลูกค้าแค่ 200 คน แต่ทุกวันนี้วันหนึ่งเป็นพันคน จนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เราต้องมาแก้ไขกัน ซึ่งตอลดมาเราได้มีการคัดกรองทุกคนก่อนขึ้นเครื่องบิน ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยวัดอุณหภูมิ
และต้องล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ล้างมือทุกคน ทุกวันเราจะทำการฆ่าเชื้อในเครื่องบินในช่วงเย็นของทุกวัน ซึ่งปัจจุบันเราได้กำหนดคนขึ้นแค่ครั้งละ 60 คน ต่อครั้ง ครั้งละ 40 นาที ซึ่งเราได้มีมติร่วมกับหน่วยงานราชการ ให้ ปิดปรับปรุงชั่วคราว เพื่อดำเนินการมาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งที่จอดรถและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆและพร้อมเปิดให้บริการอีกครั้ง วันที่ 29 มิถุนายนนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี