เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่ง ได้แชร์เตือนเรื่องราวที่เศร้าใจเกี่ยวกับความรัก เนื่องจากชายคนดังกล่าวได้ผูกข้อมืออยู่กินกับสาวรายหนึ่ง ทั้งๆที่รู้ว่าติดชื้อเอชไอวี และอยากให้ผู้หญิงหยุดทำร้ายคนอื่น แต่ในทางกลับกันหญิงสาวคนดังกล่าวกลับไม่หยุด และทิ้งเขาไป จึงนำเรื่องราวทั้งหมดมาโพสต์เตือนให้ชาวโซเชียลได้รับรู้ถึงพฤติกรรมของผู้หญิงรายนี้

โดยข้อความระบุว่า “#ระวังควรอ่านสักนิดชีวิตจะได้ไม่พังเหมือนผม 1.ที่ไปผูกข้อมือเพราะว่ารัก 2.คุณเอาโรคมาติดผมอีกต่างหากผมถึงไปผูกข้อมือคุณเพราะยากให้หยุดทำร้ายคนอื่นมันบาป 3.อยากดูแลคุณมีกันและกันตลอดไปเพราะรักด้วยความจริงใจ 4.อยากให้คุณหยุดเที่ยวดูแลตัวเองรู้จักผิดชอบกับการที่คุณมาทำลายทั้งชีวิตผม

5.ผมรู้ด้วยตัวผมเองว่าเขาเป็นโรคเขาไม่ยอมบอกต้องหาหลักฐานซึ่งพอถามเขาบอกว่าพึ่งรู้หลังจากมีอะไรกันนั่นหมายความว่าไงคิดดูกลายเป็นผมเอาไปติดเขาหรอถึงต้องไปผูกข้อมือและเขาไม่บอกผมสักคำต้องแอบค้นหาหลักฐานจนเจอด้วยตัวเองถึงยอมรับว่าผมติดเขามาและผมยังรักและรับได้อยากให้หยุดทำร้ายคนอื่นและเขาก็ยังแอบหนีตามใครไปก็ไม่รู้ขนาดเป็นแบบนี้ยังกล้าทิ้งผมไปอีก

จะให้ผมตายอย่างทรมานเลยหรอถ้าผมไม่รู้คงตายไปแล้วใช่ไหมผมอยากจะถามเอาความจริงมาพูดกันเหอะนะอย่าไปทำร้ายใครเขาอีกเพราะเขาฆ่าคุณแน่เพราะนี่คือชีวิตของคนนะ ดูได้เลยความจริงคือความจริงทำร้ายผมทำไมผมผิดอะไรผมเคยทำอะไรให้หรอที่รู้จักเพราะว่าช่วยเขาไว้จากการที่เขาจะถูกรุมโทรมด้วยซ้ำยังมาทำร้ายผมอีกหรอถามจริงๆจิตใจทำด้วยอะไรแล้วจะไม่ให้ผมแค้นได้ไงผมยอมเขามาตลอดแล้วยังจะหนีไปอีกผมไม่เคยเสียดายเงินแต่เสียดายที่ชีวิตผมไม่เหลืออะไรเลยเพราะติดโรคจากเขามาแค้นสุดๆ #ผมไม่ยอมทุกข์คนเดียวแน่นอนคุณอย่าหวังที่จะมีความสุขเลยอับอายแต่ร้ายใครยอม”

ล่าสุด ฝ่ายหญิงออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ระบุว่า ได้คบกับฝ่ายชายตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 และได้ผูกข้อมืออยู่กินกันจนฝ่ายชายมาทราบเรื่อง ตนไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นอย่างนี้ และไม่ได้อยากผูกข้อมืออยู่กินด้วยซ้ำ แต่นานๆเข้าตนก็ทนกับพฤติกรรมของเขาไม่ไหว เพราะเขาไม่ได้ทำงาน ติดยา และขู่ว่าจะฆ่าตน

“อยากให้จบทุกอย่าง แต่เขามาโพสต์ทำให้ตนเสียหาย หากไปสมัครงานที่ไหนใครจะรับตนทำงาน หากเขาไม่ลบโพตส์ดังกล่าวทิ้งจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด”