บทความเรื่อง Thailand’s self dependence หรือ “ประเทศไทย ต้องยืนอยู่บนขาของตนเองให้ได้” หลังภัยพิบัติ COVID-19 ก็น่าจะใกล้จบแล้ว
จุดอ่อนของประเทศไทย
1.ความยากจนของคนไทย
ในบรรดาคนไทยเกือบ 70 ล้านคน หากมีผู้สูงอายุ 20% หรือ 14 ล้านคน ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นักสถิติได้วิเคราะห์
ไว้ว่า จะมีชีวิตอย่างไรหลังจากกลายเป็นผู้สูงอายุ
1% เท่านั้น หรือประมาณ 140,000 คน ที่จะใช้ชีวิตได้อย่างเศรษฐี ก็เพราะเขาเป็นเศรษฐี และครอบครัวของเศรษฐีอยู่แล้ว
4% เท่านั้น หรือประมาณ 560,000 คน จะใช้ชีวิตได้ค่อนข้างสบาย เพราะเป็นผู้พอมีอันจะกิน ออมและสะสมไว้จนมี passive income พออยู่ได้อย่างสบายหลังเลิกทำงาน
7% เท่านั้นอีกเหมือนกัน หรือประมาณ 980,000 คน ที่พอจะช่วยตัวเองได้ โดยไม่ต้องไปรบกวนลูกหลาน หรือผู้อื่น (ดูบทความเรื่อง “ผู้สูงวัยต้องเตรียมอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี”ในแนวหน้า วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563)
88% หรือประมาณ 12 ล้านคน ยังจะต้องเป็นภาระของลูกหลาน และสถานสงเคราะห์ของรัฐ ซึ่งในจำนวนนี้ ประมาณครึ่งหนึ่งยังจะต้องดิ้นรนหางานทำ เพื่อความอยู่รอด ไม่ว่าจะแก่ขนาดไหนก็ตาม (70-90 ปี)
คนที่เหลืออีกประมาณ 55 ล้านคน ก็จะเป็นวัยนักเรียน นักศึกษา เสีย 20 ล้านคน
คนทำงานเลี้ยงผู้สูงวัยจริงก็เหลืออีกเพียง 25 ล้านคน
ใน 25 ล้านคน 20 ล้านคน น่าจะเป็นผู้ที่ชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว (ดูได้จากตอน COVID-19)
จึงมีคนทำงานอีกประมาณเพียง 5 ล้านคน ที่จะต้องรับภาระผู้สูงวัยที่ช่วยตนเองไม่ได้อีก 12 ล้านคน
2.ธุรกิจในประเทศไทยเอง
ขณะนี้ธุรกิจการท่องเที่ยวของเราพังไปแล้วกี่ล้านล้านบาท
โรงแรม สายการบิน ร้านอาหาร รถทัวร์ รถตู้เช่า เสียหายไปแล้วกี่พัน กี่หมื่นแห่ง คนทำงานตกงานกันไปกี่ล้านคน
ธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมปิดตัวเองไปกี่พันแห่ง
อุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องอะไหล่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ ทยอยปลดคนงานไปแล้วกี่แสนคน และย้ายไปอยู่ประเทศอื่น
Panasonic ปิดตัวเอง และเลิกจ้างคนงานไทย 800 คน ย้ายไปเปิดใหม่ที่เวียดนาม ขยายงานออกไปจนจ้างคนงานถึง 8,000 คน
3.ธุรกิจทั่วโลก
เราคงได้เคยเห็นข่าวจากสื่อต่างๆ มาบ้างแล้วว่าไม่ว่าจะยักษ์ใหม่ หรือยักษ์เก่า จากทั่วโลก ได้ล้มละลาย หรือพับฐานไปแล้วมากมาย
ในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น K.Mart, Sears, Macy’s Nordstrom, Victoria’s Secret, Air Band B, Thrifty, Dollar, J.C.Penny Starbucks ก็ล้วนแต่ต้องปิดสาขาไปคนละจำนวนร้อยๆ ร้าน ต้องปลดคนทำงานออกหลายหมื่นคน ต้องยื่นขอความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลาย เป็นต้น
ในยุโรปเอง ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตชั้นแพงสุด และมีชื่อเสียงที่สุด อย่าง Hermes, Rolex, Patek Philippe, Zara และผู้ผลิตรายรองๆ ลงมาอีกมากมาย ที่กำลังจะล้มละลาย หรือปิดกิจการไป
นี่คือภัยเศรษฐกิจที่ระบาดไปทั่วโลก สืบเนื่องมาจากการโจมตีของ COVID-19 ซึ่งย่อมมีผลกระทบถึงไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
4.การล่าอาณานิคมแบบใหม่
ผลิตภัณฑ์ภาคเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม เมื่อประเทศยักษ์ใหญ่ผลิตได้มาก ก็นำมาทุ่มในประเทศเล็กกว่ารอบบ้านเขา ทำเอาเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมของเรา ต้องชะงัก หรือล้มเลิกไป
นักธุรกิจของเขา โดยการสนับสนุนจากรัฐบาลของเขาเอง ก็เข้ามาซื้อกิจการเป็นของเขาไปมากมาย ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ และนอกตลาด ซึ่งเขาก็จะกลายเป็นเจ้าของกิจการไปหมด กำไรก็ส่งกลับประเทศ คนไทยได้ค่าจ้างแรงงานเล็กน้อย
การล่าอาณานิคมแบบใหม่ จึงเป็นภยันตราย หรือตัวถ่วงอีกประการหนึ่ง ต่อความอยู่รอดของชาติไทย
5.การเมืองแบบ “วงจรอุบาทว์” ที่มีอายุยาว 88 ปีแล้ว โดยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เป็นการเมืองแบบต้องมีการซื้อเสียงประชาชนในการเลือกตั้งผู้เข้ามาใช้อำนาจนิติบัญญัติ
ซื้อเสียง ผู้ได้รับการเลือกตั้งให้อยู่ในมุ้ง หรือในอาณัติของตนเอง เพื่อตนเองใช้เป็นอำนาจต่อรองในการเข้าสู่อำนาจบริหาร (เป็นรัฐมนตรี และตำแหน่งต่างๆ ในฝ่ายบริหาร)
เมื่อได้ตำแหน่งแล้ว ก็ต้องคอร์รัปชั่นหาเงิน มาดูแลมุ้งของตน หรือดูดคนจากมุ้งอื่น
การคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นที่มาของความเห็นแก่ตัว โดยไม่เห็นแก่ส่วนรวม หรือประเทศชาติ จึงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ศีลธรรม และจริยธรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งส่วนกลาง และส่วนท้องถิ่น ตกต่ำไปด้วย มีการเรียกร้อง “เงินทอน”, “เปอร์เซ็นต์”, กันเป็นประจำ หาคนดีที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว ได้ยากขึ้น
การเมืองแบบนี้ เป็นแบบที่ทำให้ประเทศไทยคนไทยแตกแยกความสามัคคี แบ่งออกเป็นพรรค เป็นพวก ทุกอย่างทำเพื่อพรรคและพวกของตน ต้องหาทางทำลายล้างและโค่นล้ม คนที่มิใช่พรรค มิใช่พวก รัฐบาลจึงขาดเสถียรภาพ (Stability) ขาดเอกภาพ (Unity) การทำโครงการใหญ่ๆ เพื่อปรับปรุงประเทศ จึงล้มลุกคลุกคลาน ไม่ประสบความสำเร็จ และเป็นการเมืองที่ทำให้ประเทศไทยตกต่ำลง ประชากรยากจน คนรวยมีน้อยมาก และคนจนมีมากมาย
ถ้าถามหัวหน้ารัฐบาลว่า ทำไมเอาคนนั้นเป็นรัฐมนตรี เขามีความเก่งกล้าสามารถในกิจการนั้นหรือ คำตอบก็คือว่า เพราะพรรคเขาส่งมา ผมก็เลยต้องแต่งตั้งเขา
--------------
แล้วผู้บริหารประเทศที่ดี และคนไทยที่รักชาติทั้งหลายจะทำอย่างไร เพื่อมิให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ล้มเหลว (failed state) หรือเพื่อมิให้ชาติไทย ต้องสิ้นชาติ
นี่คือความมุ่งหมายของบทความในชุด Thailand’s Self dependence ซึ่งเป็นความคิดเห็นบางส่วน อาจจะมีอีกมากมายหลายส่วน ที่ท่านผู้มีสติปัญญาจะต้องช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพราะชาติไทยจะล่มสลายหรือไม่ ก็อยู่ที่คนไทยเอง ต้องช่วยกันคิด หาทางแก้ไขจุดอ่อน และทำจุดแข็งให้เป็นฐานรากที่มั่นคงขึ้น
--------------
เราต้องเอาสิ่งที่มีความดีงาม หรือจุดแข็ง ออกมาใช้ให้มาก เพื่อขจัดสิ่งที่ชั่วร้ายออกไป สิ่งเหล่านั้นก็ได้แก่
1.เอกลักษณ์ของไทย (Thai Identity)
ในด้านสิ่งที่มองไม่เห็นได้ด้วยตา หรือในด้านนามธรรม
คนไทยเป็นคนรักสงบ เคารพอาวุโส โอบอ้อมอารีโอนอ่อนผ่อนตาม (compromising) มีความเกรงใจ ให้อภัยเสมอ อ่อนน้อมถ่อมตน กตัญญูกตเวที ช่วยเหลือกันเต็มที่ยามมีภัยพิบัติ
มีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งมีความอ่อนโยน อยู่ได้กับศาสนาอื่นสบายมาก ไม่ว่าจะมีกลุ่มน้อยที่นับถือศาสนาอื่นอยู่ในประเทศไทย ก็สามารถอยู่กับไทยพุทธได้อย่างมีความสุข เพราะชาวพุทธไม่รุกราน เป็นมิตร และให้อภัยเสมอ
ประเทศไทย มีมรดกทางภูมิปัญญา และทางศิลปวัฒนธรรมที่สืบทอดมาจาก ความมั่นคงของระบอบพระมหากษัตริย์ และระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอันต่อเนื่อง และยาวนานหลายร้อยปี
นี่เป็นจุดแข็งของคนไทย ที่หน่วยราชการแห่งหนึ่งได้ทำการสำรวจ และประมวลผลไว้
เอกลักษณ์ดังกล่าว ทำให้เราเป็นประเทศอันดับหนึ่งที่เหมาะแก่การมาลงทุน เป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวมาเยือนประเทศไทย และมิใช่มาครั้งเดียว มาแทบทุกปีก็มาก และอยากมาพำนักประจำ และใช้ชีวิตหลังเกษียณก็มาก
ในด้านสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตน หรือในด้านรูปธรรม
ไทยเราตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์ที่ดีที่สุด อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหาร เป็นประเทศที่มีมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิกขนาบ จึงเป็นแห่งอาหารธรรมชาติที่ใหญ่โต และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงาม เป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ประเทศไทยมีแร่ธาตุ และทรัพยากรนานาชนิด รวมทั้งพืชพรรณที่เป็นสมุนไพร และอาหารอันมีคุณค่า มีภูมิปัญญาที่สืบทอดมาจากความมั่นคงของระบอบราชาธิปไตยเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน
ประเทศไทยอยู่ห่างไกลจากภัยธรรมชาติที่รุนแรง เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด วาตภัยที่มีค่อนข้างน้อย
เอกลักษณ์ของไทย จึงเป็นสิ่งที่คนไทยต้องรักษา และเชิดชูไว้ และนำมาใช้เป็นเกราะกำบังภัยพิบัติ และความชั่วร้ายต่างๆ ที่กำลังถาโถมเข้ามาหลังภัย COVID-19 นี้
ศิริภูมิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี