‘หมู่บ้านตุ๊กแก’ช็อก!! กองบุญสะสมเงินเจ๊ง สุดช้ำฝาก 12 ปีได้คืน 600 น้อยสุด 9 บาท
19 กรกฎาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านตาล หมู่ 9 ต.นาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม ว่า ต้องการร้องทุกข์กรณีองค์การบริหารส่วนตำบลนาหว้า (อบต.นาหว้า) แจ้งยุบกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนาหว้า อย่างกะทันหัน โดยอ้างว่าขาดทุนไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ทำให้ชาวบ้านที่ส่งเงินสะสมได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก เพราะได้เงินคืนเพียงไม่กี่ร้อยบาท
ชาวบ้านที่มารวมตัวกันกว่า 40 คน ที่บ้านของนางสวรรค์ สิงห์โคตร ข้างวัดศรีมงคล ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ ต่างถือสมุดประจำตัวสมาชิก “กองบุญเพื่อสวัสดิการองค์การบริหารส่วนตำบลนาหว้า” มาคนละเล่มสองเล่ม
น.ส.ลอน ตาลอุ่นศรี อายุ 60 ปี ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่าโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2551 ขณะนั้นมีนายสนั่น บุตรจันทร์ เป็นนายก อบต.นาหว้า ประกาศแจ้งกับประชาชนว่ารัฐได้ส่งเงินสนับสนุนมาให้จำนวนหนึ่ง เพื่อนำมาช่วยเหลือประชาชนในชุมชน จึงได้จัดตั้งกองทุนสวัสดิการฯ โดยชักชวนชาวบ้านร่วมกันสะสมเงินวันละ 1 บาท มีระเบียบ คือ หากสมาชิกเสียชีวิตจะได้รับเงินฌาปนกิจตามขั้นบันได เช่น เป็นสมาชิกน้อยกว่า 3 เดือน ได้รับเงินช่วยเหลือ 300 บาท หรือเป็นสมาชิกครบ 8 ปี ได้รับเงิน 20,000 บาท แต่ถ้าเป็นสมาชิกครบ 12 ปี จะได้รับเงินถึง 30,000 บาท เป็นต้น ถ้าเจ็บป่วยต้องนอนโรงพยาบาล จะได้เงินตอบแทนวันละ 100 บาท แต่ไม่เกิน 1,000 บาท จึงตั้งชื่อกองทุนนี้ว่า “กองบุญเพื่อสวัสดิการ อบต.นาหว้า” ด้วยเงื่อนไขที่ไม่ยุ่งยากครอบครัวหนึ่ง มีลูกหลานหลายคนก็สามารถส่งเงินสะสมได้มากกว่า 1 กองบุญ โดยจะมีเจ้าหน้าที่มาเก็บเงินถึงบ้านเป็นเดือน ซึ่งในหมู่บ้านตาลแห่งนี้มีคนเข้าเป็นสมาชิกมากถึง 900 คน จากจำนวนทั้งสิ้น 1,700 คน
หลังก่อตั้งมีสมาชิกเสียชีวิต หรือเจ็บป่วยก็ได้รับเงินตามเงื่อนไขจริง มาระยะหลังประมาณปี 2558 กองบุญฯเริ่มมีปัญหา และจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ไม่มีการเรียกสมาชิกเข้าประชุมแม้แต่ครั้งเดียว อีกอย่างทาง อบต.นาหว้า ก็ไม่เคยเปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการ เช่น มีใครเป็นเลขาฯ เหรัญญิก นายทะเบียน ฯลฯ รู้แค่เพียงมีนายสนั่น เป็นประธานเท่านั้น แต่มีคนมาเก็บเงินสะสมทุกเดือน
ต่อมาปี 2560 นายสนั่นมีปัญหาด้านการบริหาร จึงถูกให้ออกจากการเป็นนายก อบต.นาหว้า ความจริงจึงเปิดเผย เมื่อชาวบ้านทราบภายหลัง ว่า มีปัญหาที่เงินสะสมหายไปจากบัญชี เพราะคณะกรรมการนำเงินจำนวน 400,000 บาท ไปซื้อสลาก ธกส. โดยอ้างว่าการซื้อสลากจะได้ดอกเบี้ยมากกว่าฝากธนาคารทั่วไป และเงินจะไม่สูญหายไปไหน
อย่างไรก็ตาม ที่แย่ไปกว่านั้น คือ นายสนั่น ได้ถอนเงินออกจากบัญชีไปใช้ส่วนตัวถึง 1,060,000 บาท ได้ใช้คืนมาบางส่วน จึงเหลืออีก 400,000 บาท เมื่อมีการสอบถามการนำเงินออกไปใช้นายสนั่นก็ไม่ยอมให้รายละเอียด จะขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งต่อมานายสนั่นถูกศาลสั่งเป็นบุคคลล้มละลาย ชาวบ้านจึงเกรงว่าเงินที่เหลือจะสูญไปด้วย
ด้านนายหนูรักษ์ วาณะวงค์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลนาหว้า หมู่ 9 (ส.อบต.นาหว้า) ได้มาให้รายละเอียดเพิ่มเติมต่อหน้าประชาชน ว่า ปัญหาเงินสะสมกองบุญฯ มีมาตั้งแต่ปี 2557 แต่ไม่มีการเปิดเผยให้สมาชิกทราบ ทุกคนต่างปิดกันเป็นความลับหมด ตนในฐานะ ส.อบต.ฯ ซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะในที่ประชุมมักจะกล่าวหาว่าตนอยากเป็นนายก อบต.ฯ ส่วนที่ชาวบ้านสงสัยใครเป็นเลขาฯ เหรัญญิกนั้น ควรไปหานายสุขสันต์ บรรเทาทุกข์ ปลัด อบต.นาหว้า ที่เป็นรักษาการนายก อบต.นาหว้า จะได้รับความกระจ่างดีกว่า
นายหนูรักษ์ กล่าวอีกว่า ทาง อบต.นาหว้า พยายามจะพยุงกองทุนสวัสดิการฯให้อยู่ตลอดรอดฝั่ง จึงยื่นหนังสือของบสนับสนุนจากพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม(พมจ.) แต่มีหนังสือตอบกลับมาว่าไม่สามารถจะให้เงินสนับสนุนได้ เพราะบัญชีของกองทุนไม่ปกติ
ล่าสุดทาง อบต.นาหว้า จึงมีหนังสือถึงสมาชิกจำนวน 1,700 คน เข้าร่วมประชุมเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมสภา อบต.นาหว้า โดยแจ้งต่อสมาชิกให้เหตุผลจำเป็นต้องยุบกองบุญดังกล่าว เนื่องจากประสบปัญหาการเงินขาดสภาพคล่อง โดยอ้างว่ามีคนตายเยอะเกินไป พร้อมแจงตัวเลขมีเงินคงเหลือ 846,920 บาท นำมาถัวเฉลี่ยคืนสมาชิกได้ไม่มากนัก เช่น กรณีฝากสะสมเกิน 10 ปี จะได้คืนเพียง 600 บาท บางรายได้คืน 9 บาทก็มี
ส่วนนางพณารัตน์ ปาทา อายุ 46 ปี สมาชิกกองบุญฯ กล่าวว่า ตนฝากเงินสะสมวันละ 1 บาท มาเป็นเวลา 11 ปี คิดเป็นเงินสุทธิ 4,015 บาท ได้เงินคืนเพียง 500 กว่าบาท ส่วนคนที่ฝาก 12 ปี ได้คืน 600 บาท ยอมรับว่ารู้สึกช็อก และเสียความรู้สึก ที่ถูกหลอกให้สะสมเงิน ทั้งๆที่รู้ว่าโครงการนี้เจ๊งตั้งแต่ปี 2557 แต่ยังให้เจ้าหน้าที่มาเก็บเงินอีกจนถึงปัจจุบัน และตั้งแต่ก่อตั้งมาไม่เคยเรียกสมาชิกเข้าประชุมหารือแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นอยากจะวิงวอนผู้เกี่ยวข้องดำเนินการกับขบวนการนี้ ไม่ใช่อดีตนายก อบต.ฯ เป็นบุคคลล้มละลายแล้วหนี้สูญ เพราะการเบิกเงินจากธนาคารต้องเซ็นชื่อ 2 ใน 3 จึงต้องติดตามผู้ร่วมกระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย
สำหรับ “บ้านตาล” ต.นาหว้า มีชื่อเสียงโด่งดังเพราะเป็นหมู่บ้านแห่งเดียวของ จ.นครพนม ที่ได้รับการกล่าวขานเกี่ยวกับอาชีพสุดแปลก เนื่องจากชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ได้มีอาชีพที่ไม่มีใครเหมือน เพราะส่วนใหญ่จะมีรายได้หลักจากอาชีพนำไส้เดือน ปลิง จิ้งจก และตุ๊กแก มาตากแห้งส่งออกไปขายต่างประเทศ สร้างรายได้มายาวนานกว่า 20 ปี จนได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านอาชีพแปลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี