จ.พิษณุโลก ปรากฏการณ์ไส้เดือนดินหลายร้อยตัวอพยพหนีน้ำฝน
ไส้เดือนดินหลายร้อยตัว อพยพออกจากรู หลังจากได้รับอิทธิพลของพายุโซนร้อน 'ซินลากู' ส่งผลให้บนโครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก มีฝนตกทั้งวันทั้งคืน สภาพอากาศยามค่ำคืนหนาวเหน็บอุณหภูมิลดลงเหลือเพียง 11-12 องศา หมอกขาวโพลนปกคลุมไปทั่วบริเวณตลอดทั้งวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โครงการพัฒนาป่าตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก มีฝนตกตลอดทั้งคืน ทั้งวัน หนักบ้างเบาบ้างสลับกันไป ส่งผลให้มีสภาพอากาศที่หนาวเย็นกลางวันอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 17-18 องศา ช่วงเวลากลางดึก อุณหภูมิลดลงเหลือเพียง 11-12 องศา โดยจะมีหมอกหนาตา สีขาวโพลนปกคลุมไปทั่วบริเวณตลอดทั้งวัน
แต่ที่น่าสนใจคือฝูงไส้เดือนดิน ลำตัวขนาดใหญ่ ความยาวตั้งแต่ 30 เซนติเมตร ไปจนถึง 1 เมตร จำนวนหลายร้อยตัวพากันอพยพออกจากรัง หรือ ขุยไส้เดือน บริเวณหน้าผาชมวิว ทั้งผาพบรัก ผาสลัดรัก ผารักยืนยงและผาคู่รัก เพื่อไปหาแหล่งที่อยู่อาศัยใหม่ เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกลงมาจำนวนมากนั้น ทำให้เกิดน้ำท่วมขังรัง หรือ ขุยไส้เดือน จนไส้เดือนต้องออกมาหาอากาศหายใจและหาแหล่งที่อยู่ใหม่ที่ไม่มีน้ำขัง แต่ขณะที่กำลังอพยพเพื่อหาถิ่นที่อยู่ใหม่นั้น ไส้เดือนดินจำนวนมากก็ต้องตายลง เนื่องจากทนสภาพอากาศที่หนาวเย็นภายนอกรัง หรือ ขุย ไม่ไหว
นายศุภกุล จันทร์ลา หัวหน้าโครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า ได้บอกว่า ไส้เดือนดินเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติบนโครงการฯ เพราะพื้นที่บนนี้เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ ไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง-ฆ่าหญ้า หรือ สารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมโครงการฯ มักจะเห็นขุย หรือรัง ของไส้เดือนดิน มีลักษณะเก่าและใหม่ปะปนกันไป แต่ละขุยมีความสูงจากพื้นดินแตกต่างกันไป ตั้งแต่ระดับความสูง 1-4 นิ้ว อยู่ทั่วบริเวณ
ดินขุยไส้เดือนหรือมูลของไส้เดือนเป็นดินที่ไส้เดือนขึ้นมาขับถ่ายออก กองไว้รอบๆ รู ตั้งเป็นแท่งทรงกลม ซึ่งจากการศึกษาเพิ่มเติมพบว่า ดินขุยไส้เดือนอุดมไปด้วยจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิต รวมทั้งสารชีวะเคมีที่มีประสิทธิภาพช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี นอกจากนี้ยังมีสารฮอร์โมนสำคัญเพื่อการเจริญเติบโตของพืชในมูลไส้เดือนดินเพิ่มขึ้นจากเดิม ทำให้มูลไส้เดือนดินมีสารต่างๆ ที่เป็นตัวควบคุมการเจริญเติบโตของพืช เช่น กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์พืช ควบคุมความยาวของเซลล์ หรือแม้กระทั่งทำหน้าที่เป็นสารต้านการแก่ตัวของพืชไม่ให้เน่าเปื่อยเร็ว และมูลไส้เดือนดินยังมีฤทธิ์ในการขับไล่แมลงได้อีกด้วย
โดยปกติแล้วธรรมชาติของไส้เดือนนั้น จะมีการอพยพย้ายถิ่นฐาน เคลื่อนที่ออกจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมไปสู่สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะเป็นช่วงที่ไส้เดือนอพยพมาก เนื่องจากไส้เดือนเป็นสัตว์เลือดเย็น ไม่มีตา หู จมูก และฟัน จะใช้ต่อมรับรู้ใต้ผิวหนังในการดูด หายใจ ฟังเสียงและสัมผัสทั้งหมด จึงต้องการแหล่งที่อยู่ที่มีความชื้นและไม่แฉะ แต่เมื่ออากาศหนาว อย่างบนดอยก็จะอพยพลงมาบนพื้นราบ หากถูกน้ำท่วมขังจะอพยพขึ้นมาบนพื้นดินเพื่อหน้าถิ่นที่อยู่ใหม่ เหมือนในช่วงนี้ที่เกิดฝนตกชุก น้ำสภาพอากาศชื้นเฉอะแฉะ มีน้ำขัง และไหลลงไปในรัง หรือ ขุย ของไส้เดือน ทำให้ไส้เดือนต้องพยายามออกมาภายนอกเพื่อหนีน้ำ แต่ไส้เดือนดินส่วนใหญ่ก็ต้องตายลงก่อนที่จะได้ที่อยู่ใหม่เนื่องจากทนสภาพอากาศความหนาวเย็นภายนอกรังหรือขุยไม่ไหว แต่ก็เป็นวัฏจักรของชีวิตไส้เดือน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี