เจ้าอาวาสวัดโคศุภราช เมืออ่างทอง ขังตัวเองและฉันท์อาหารอยู่ในกรงสุนัข เรียกร้องขอความเป็นธรรมหลังถูกบุคคลไม่เผยชื่อร้องเรียนเรื่องเปิดเครื่องขยายเสียง "เพลงธรรมมะและเรื่องราวคำสอนต่างๆ" เสียงดัง จนถูกพระสังฆาธิการลงโทษด้วยการตำหนิโทษ 3 ปี ทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานและสอบสวนข้อเท้จจริงจากชาวบ้าน
วันที่ 13 ส.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณวัดโคศุภราช หมู่ 3 ต.คลองวัว อ.เมือง จ.อ่างทอง พบพระครูปลัดวิชาญ คมภีรปญโญ เจ้าอาวาสวัดโคศุภราช ได้ขังตัวเองอยู่ในกรงสุนัขเพื่อขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยอ้างว่าถูกกลั่นแกล้ง เนื่องจากมีคนแอบอ้างว่าเป็นชาวบ้านไปร้องเรียนเรื่องเปิดเครื่องขยายเสียง เสียงดังสร้างความเดือดร้อนชาวบ้าน โดยนั่งฉันท์ข้าวพร้อมกับสุนัข 1 ตัวอยู่ภายในกรงสุนัข และมีชาวบ้านกว่า 100 คนมาขอร้องให้ออกจากรงแต่ไม่เป็นผล
พระครูปลัดวิชาญ เล่าให้ฟังว่า ตนอยากขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากมีคนแอบอ้างว่าเป็นประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนนำเรื่องเข้าร้องเรียนโดยกล่าวหาว่า ตนเปิดเครื่องเสียงรบกวนชาวบ้านทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน มีการร้องเรียนถึง 4 วาระ และทางคณะสงฆ์ได้มีการตั้งคณะกรรมการตัดสินโดยได้ลงมติว่า ตนกระทำความผิดมาหลายครั้งแล้วโดยไม่มีพยานและไม่มีหลักฐาน จึงมีความเห็นสรุปว่า ตนละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ โดยมีการลงโทษตำหนิโทษ 3 ปี
ถ้าภายในระยะเวลา 3 ปีมีอธิกรณ์เกิดขึ้นจะต้องโทษปลดจากเจ้าอาวาส โดยใช้กฎหมายสาธารณสุข พ.ศ.2535 หมวด 5 เหตุรำคาญ มาตราที่ 25 (4) การกระทำใดๆ เป็นเหตุให้เกิดกลิ่น แสง รังสี เสียง ความร้อน สิ่งมีพิษ ความสั่นสะเทือน ฝุ่นละออง เขม่า เถ้าหรือกรณีอื่นใด จนเป็นเหตุให้เสื่อมหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งในการประชุมไม่มีการไต่สวนว่าชาวบ้านคนใดได้รับความเดือดร้อน เอกสารที่อ้างอิงในการร้องเรียนมีข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ โดยในวันตัดสินได้มีชาวบ้านประมาณ 50 คน ซึ่งเป็นชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่บริเวณโดยรอบของวัดเดินทางไปร่วมรับฟังด้วย แต่ไม่มีการซักถามชาวบ้านและอ้างว่ามีการลงรายชื่อของชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน จึงอยากทราบที่มาที่ไปและแสดงตัวตนของผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน
"อาตมาอยากขอความเป็นธรรมให้มีการไต่สวนให้รอบคอบ โดยผู้ร้องเรียน ได้มีการระบุในคำร้องขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปิดบังชื่อไม่ให้เปิดเผยว่าใครเป็นผู้ร้องเรียน โดยที่ผ่านมา อาตมาไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน อาตมาบวชเรียน 28 พรรษา เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดโคศุภราช 16 พรรษา ปฎิบัติตนตามหน้าที่ของเจ้าอาวาสมาโดยตลอด อาตมาจะอยู่แบบนี้ ฉันท์ข้าวและจำวัดในนี้ โดยช่วงเช้าจะออกบิณฑบาตปกติเหมือนเดิม ส่วนในเรื่องที่เปิดเครื่องเสียง อาตมาเปิดเกี่ยวกับเรื่องธรรมะ และไม่เคยเปิดเสียงดังรบกวนใคร จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ช่วยเหลือ ทบทวนการตัดสิน มีการไต่สวนให้รอบคอบ และหาความกระจ่างความชัดเจน ความถูกต้องในเรื่องนี้"
ด้านนางนพรัตน์ ทองย้อย อายุ 61 ปี และชาวบ้านกว่า 100 คนได้เดินทางมาที่วัดพร้อมขอร้องให้ทางเจ้าอาวาสออกมาจากกรงแต่ไม่เป็นผล ทางเจ้าอาวาสแจ้งว่า จะทำการอยู่ในกรงและจำวัดอยู่ภายในกรงต่อไปและจะออกในตอนเช้าเพื่อเดินไปรับบาตรจากญาติโยมเท่านั้น และจะกลับเข้ามาอยู่ในกรงเพื่อเป็นการขังตัวเอง ซึ่งชาวบ้านต่างแสดงความคิดเห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการกลั่นแกล้ง ท่านเจ้าอาวาส เพราะที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสได้พัฒนาวัดมาโดยตลอด สร้างรายได้ มอบอาชีพให้กับชาวบ้าน เป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน
"กรณีเรื่องราวที่กล่าวหาว่าเปิดเครื่องเสียงดัง ไม่เป็นความจริง ท่านเปิดแต่เพลงธรรมมะและเรื่องราวคำสอนต่างๆ และยืนยันว่าไม่มีชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ชาวบ้านอยากให้มีผู้ที่มีอำนาจหรือมีหน้าที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบ รายละเอียดและข้อเท็จจริง" นางนพรัตน์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี