เปิดปฏิทินท่องเที่ยวเทศกาลออกพรรษา เยือนถิ่นละเบ๋อสกลนคร ชมขบวนแห่ปราสาทผึ้ง

เปิดปฏิทินท่องเที่ยวเทศกาลออกพรรษา เยือนถิ่นละเบ๋อสกลนคร ชมขบวนแห่ปราสาทผึ้ง

วันเสาร์ ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2563, 11.31 น.

ททท.นครพนมเปิดปฏิทินท่องเที่ยวเทศกาลออกพรรษา เยือนถิ่นละเบ๋อสกลนคร ชมความวิจิตรขบวนแห่ปราสาทผึ้ง และประเพณีไหลเรือไฟนครพนม งดงามตระการตากลางสายน้ำโขง

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม มีพื้นที่รับผิดชอบคือ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ได้เปิดกิจกรรมท่องเที่ยวภาคอีสาน ในเทศกาลออกพรรษา 2563 ประเดิมการสืบสานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง สัมผัสดินแดน 3 ธรรม ธรรมะ ธรรมชาติ และวัฒนธรรมจังหวัดสกนคร ซึ่งเป็นประเพณียิ่งใหญ่ประจำปีของชาวสกลนคร ที่เกิดจากความเชื่อ ความศรัทธา ผสานภูมิปัญญาของชาวบ้านที่สรรค์สร้างงาน ประติมากรรมออกมาได้อย่างงดงาม โดยนายเฉลิมชัย รุจิวรารัตน์ ผอ.ททท.นครพนม มอบหมายให้นายสุริยัน โสรินทร์ รอง ผอ.ททท.นครพนม นำคณะสื่อมวลชนจากจังหวัดนครพนม สมทบกับสื่อมวลชนประจำจังหวัดสกลนคร ร่วมกันเผยแพร่งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้งสู่สาธารณชน


โดยการทำปราสาทผึ้ง มีความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในวันปวารณาออกพรรษา พระพุทธเจ้าตรัสอำลาพระอินทร์ เพื่อเสด็จลงสู่เมืองมนุษย์ พระอินทร์จึงเนรมิตบันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้วมณีให้พระองค์เสด็จลง เทวดา มนุษย์ ครุฑ นาค สัตว์นคร ต่างชื่นชมในพระบารมีของพระพุทธเจ้า และเกิดความเลื่อมใสในบุญกุศลอย่างยิ่ง เกิดจินตนาการการมองเห็นปราสาทวิมานสวยงาม ใคร่อยากไปอยู่ แล้วจึงรู้ชัดว่า การที่จะไปอยู่ในปราสาทสวยงามได้นั้น จะต้องสร้างบุญสร้างกุศล ประพฤติปฏิบัติอยู่ในหลักธรรม จากนั้นจึงพากันคิด สร้างสรรค์ ทำปราสาทให้มีลักษณะคล้ายปราสาทราชมณเฑียรบนสวรรค์ชั้นวิมาน ลวดลายวิจิตรสวยงาม นอกจากนั้น การทำปราสาทผึ้งยังมีความเชื่อว่า เป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่อร่วมกันทำบุญสร้างกุศลร่วมกัน ในช่วงเทศกาลออกพรรษา

 

 

ปีนี้จังหวัดสกลนครกำหนดจัดงานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง ประจำปี พ.ศ.2563 ระหว่างวันที่ 26 กันยายน -2 ตุลาคม 2563 ณ บริเวณ สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร โดยมีกำหนดเปิดงาน ในวันเสาร์ที่ 26 กันยายน 2563 มีขบวนแห่ประกวดปราสาทผึ้งประยุกต์ และปราสาทผึ้งโบราณ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ด้านนายปัญญารัตน์ พันธุ์โส หนึ่งในศิลปินผู้รังสรรค์ปราสาทผึ้งอันวิจิตรงดงาม ชุมชนหนองแดง วัดกกส้มโฮง หรือวัดสุวรรณนิลจินดา เปิดเผยว่าปราสาทผึ้งวัดกกส้มโฮงครองแชมป์ถ้วยพระราชทาน 3 ปีซ้อน(2560-2562) ปีนี้ก็จะมาป้องกันแชมป์ด้วยการเนรมิตปราสาทผึ้งขนาดความกว้าง 5 เมตร ยาว 11 เมตร สูง 6 เมตร ฐานเป็นลายเรื่องพระมหาชนก ใช้ขี้ผึ้งรวมทั้งหมด 1,200 กิโลกรัม

ที่ผ่านมาการแห่ปราสาทผึ้งมีทั้งหมด 13 ชุมชน เนื่องจากเกิดวิกฤตโควิด-19 จังหวัดสกลนคร จึงกำหนดจัดงานแบบ New Normal โดยจะไม่มีการแห่ปราสาทผึ้งในระยะทางที่ยาวแบบทุกปีที่ผ่านมา  แต่จะจัดแสดงปราสาทผึ้งประยุกต์และปราสาทผึ้งโบราณ ให้ประชาชนได้เข้าชมความวิจิตรสวยงามแทน ที่บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ริมฝั่งหนองหาร ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร โดยมีปราสาทผึ้งเข้าร่วมประกวดลดลงเหลือ จำนวน 6 หลัง 6 ชุมชนเท่านั้น จากนั้นวันที่ 1 ตุลาคม จะแห่ปราสาทผึ้ง ระยะทางที่สั้นลง ไปตามถนนสายวัฒนธรรมจากสวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาไปยังวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหารเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

 

 

ขณะที่ทางด้านจังหวัดนครพนม นายเฉลิมชัย รุจิวรารัตน์ ผอ..ททท.นครพนม มอบหมายให้ น.ส.กนกวรรณ ดุงศรีแก้ว รอง ผอ.ททท.นครพนม เป็นผู้แทนเข้าร่วม เปิดงานประเพณีไหลเรือไฟ และงานกาชาด ประจำปี 2563 ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม เมื่อค่ำคืนวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา ถือเป็นประเพณีของชาวอีสานที่สืบสานมานานหลายศตวรรษ เรือไฟหรือภาษาท้องถิ่นเรียกว่าเฮือไฟ จัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษาของทุกปี

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทของพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที โดยมีประวัติความเป็นมาดังนี้ กล่าวคือ พระพุทธเจ้าเสด็จไปฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพญานาค พระพุทธองค์ได้แสดงธรรมเทศนาโปรดพญานาคที่เมืองบาดาล และพญานาคได้ทูลขอพระพุทธองค์ประทับรอยพระบาทไว้ ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที ต่อมาบรรดาเทวดา มนุษย์ ตลาดจนสัตว์ทั้งหลายได้มาสักการบูชา รอยพระพุทธบาท

 

 

นอกจากนี้ประเพณีไหลเรือไฟ ยังจัดขึ้นเพื่อขอขมาลาโทษแม่น้ำที่ได้ทิ้งสิ่งปฏิกูล และเป็นการเอาไฟเผาความทุกข์ให้ลอยไปกับสายน้ำ นิยมปฏิบัติกันในเทศกาลออกพรรษา ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ประเพณีไหลเรือไฟ มีความเชื่อเกี่ยวโยงสัมพันธ์กับข้อมูลความเป็นมาหลายประการ เช่น เนื่องจากการบูชารอยพระพุทธบาท การสักการะพกาพรหม การบวงสรวงพระธาตุจุฬามณี การระลึกถึงพระคุณของพระแม่คงคา เป็นต้น

ดังนั้น ททท.นครพนม จึงร่วมสืบสานประเพณีออกพรรษาพร้อมกัน 2 จังหวัดเปิดปฏิทินให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงามชนิดไม่พลาดทั้งสองงาน กล่าวคือในคืนวันที่ 1 ตุลาคม ชมความวิจิตรงดงามขบวนแห่ปราสาทผึ้งจังหวัดสกลนคร รุ่งเช้าวันที่ 2 ตุลาคม ก็เดินทางไปบนถนนทางหลวงแผ่นดินสาย 22(สกลนคร-นครพนม) ต่อยังจังหวัดนครพนม มีระยะทางห่างกัน 90 กม.เพื่อชมความตระการกลางสายน้ำโขงของเรือไฟจำนวน 7 ลำและเช้าวันที่ 3 ตุลาคม ร่วมทำบุญตักบาตรเทโว เพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งชีวิต ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม 

ภาพจากแฟ้ม

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top