วงล้อการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบการศึกษาไทย กำลังเริ่มต้นหมุนไปข้างหน้า และมีระยะไมล์ในการวิ่งให้เห็นอย่างต่อเนื่อง และเริ่มเห็นเส้นทางสู่เป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งไม่เพียงผลักดันเพื่อการขับเคลื่อนของบุคลากรภายในกระทรวงศึกษาธิการแล้ว การประสานพลังกับภาคเอกชน และการผนึกกำลังกับนานาชาติ ล้วนเป็นการเชื่อมต่อ เพื่อสร้าง “การศึกษายกกำลังสอง” ให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง
หลังจาก นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ในฐานะ “ซีอีโอ” ได้มอบนโยบายให้กับข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในการมุ่งเน้นให้เกิดการ “ปลดล็อก ปรับเปลี่ยน เปิดกว้าง” เพื่อทำให้ระบบการศึกษาไทย มุ่งเข็มไปสู่การพัฒนาและสร้างทุนมนุษย์ของประเทศ ให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยไม่ใช่แค่เพียงตลาดในประเทศ แต่ยังมองไปถึงตลาดโลก ซึ่งเกิดขึ้นจากผลของความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในโลกศตวรรษที่ 21
“ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ความชัดเจนที่ปรากฏคือ รูปแบบการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการ จะเกิดความเชื่อมโยงในการร่วมมือกับภาคเอกชนต่างๆ เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น กระทรวงศึกษาธิการและภาคเอกชนช่วยกันผลักดันเรื่องของหลักสูตร การส่งเสริมด้านข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน และการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีต่างๆ” นายณัฏฐพล กล่าว
ประการต่อมา “ต่างชาติร่วมยกระดับการศึกษาไทย” ในเวทีระดับนานาชาติ เป็นอีกหนึ่งความสำคัญ ที่เห็นภาพชัดเจนในการบริหารงานของนายณัฏฐพล วันนี้คือ การได้รับความร่วมมือจากนานาประเทศ 40 ชาติ ที่พร้อมเพรียงกันเข้ามาหารือและให้การสนับสนุนด้านการศึกษาไทยในหลากหลายรูปแบบทั้งที่เป็นตัวแทนของประเทศ และตัวแทนในภาคเอกชน
นายณัฏฐพลเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้หารือและเข้าพบปะท่านทูต 20 ประเทศ และบริษัทต่างชาติยักษ์ใหญ่ รวมกันแล้วมากถึง 40 ประเทศ โดยท่านทูตหลายชาติ และภาคเอกชนยักษ์ใหญ่เหล่านั้น ได้เข้ามาให้การสนับสนุนเบื้องต้นแล้วก็มี ขณะที่บางประเทศมีการลงนามในบันทึกความร่วมมือ (MOU) ระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม “ต้องมีแรงงานทักษะ-เตรียมพร้อมด้านภาษา” ซึ่งเมื่อมองมาที่อีกหนึ่งนโยบายหลักของ ศธ. ปัจจุบันที่ต้องการ “พัฒนาการเรียนการสอนของอาชีวศึกษา” ให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของศตวรรษที่ 21
และส่งเสริมให้อาชีวะเป็นเสมือนแกนหลัก ที่จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจของประเทศให้สอดคล้องไปกับนโยบายหลักของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 รวมไปถึงโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมหลัก 12 กลุ่ม จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีแรงงานที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญ รวมไปถึงความพร้อมด้านภาษาด้วย
รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า จากนโยบายดังกล่าว ยังได้รับความตอบรับจากนานาชาติเป็นอย่างดี เริ่มต้นจากประเทศในทวีปเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น ที่มีการส่งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เดินทางมาปฏิบัติงานที่ประเทศไทย การจัดตั้งสถาบันไทยโคเซ็น (KOSEN) ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ผลิตและพัฒนาวิศวกรนักปฏิบัติและนักเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีทักษะความเชี่ยวชาญสูงตามมาตรฐานของโคเซ็นประเทศญี่ปุ่น และยังสนับสนุนทุนการศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์ด้วย
ขณะเดียวกันประเทศไทยพร้อมที่จะรับครูผู้สอนจาก อินเดีย ที่มีความรู้ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เข้ามาร่วมถ่ายทอดความรู้และปฏิบัติงานร่วมกันกับครูผู้สอนชาวไทย รวมถึง จีน ที่กำลังพัฒนาเรื่องของการเรียนการสอนอาชีวะเช่นเดียวกับไทย โดยจีนพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทั้งด้านการเรียนการสอน ทุนการศึกษา ไปจนถึงการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี และทักษะด้านภาษาเพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่เกิดจากการเชื่อมต่อของการคมนาคมแบบไร้รอยต่อ(Seamless Operation) ที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
ด้านประเทศในฝั่งทวีปยุโรป ได้ส่งสัญญาณความร่วมมือในการยกระดับการศึกษาไทยเช่นกัน อาทิ นายเกออร์ก ชมิดท์(H.E.Mr.Georg Schmidt) เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย ระบุว่า เยอรมนี ยินดีให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีด้านการจัดการเรียนการสอนของอาชีวศึกษา รวมทั้งการร่วมพัฒนาหลักสูตร เพื่อผลิตบุคลากรให้ตรงตามความต้องการของสถานประกอบการและตลาดแรงงาน และยินดีให้การสนับสนุนการส่งผู้เรียนไปฝึกปฏิบัติงานยังประเทศเยอรมนีในอนาคต
ซึ่งที่ผ่านมา ไทยกับเยอรมนีมีความร่วมมือกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยสภาหอการค้าเยอรมันประจำประเทศไทย ได้รับนักเรียนนักศึกษาเข้าฝึกประสบการณ์ในสถานประกอบการของเยอรมนีในประเทศไทย รวมไปถึงความร่วมมือกับค่ายรถยนต์ระดับโลกสัญชาติเยอรมัน อย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) ยินดีรับนักศึกษาเข้าฝึกประสบการณ์ในสถานประกอบการของเยอรมนีในไทย เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนให้เด็กอาชีวะได้เรียนรู้จากประสบการณ์การทำงานอย่างจริงจัง
ไอร์แลนด์ มีความร่วมมือในภาคอุตสาหกรรมการบินที่เป็นมาตรฐานระดับโลก และสาขาอื่นๆ ที่เชื่อมต่อได้ โรมาเนีย มีความร่วมมือกับไทยในโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาอาชีวะ ในสาขาที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) และเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology)คณิตศาสตร์ (Mathematics) เป็นต้นสวิตเซอร์แลนด์ มีความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาในหลายสาขา โดยเฉพาะสาขาธุรกิจการบริการ (Hospitality) คือการโรงแรม และสาขาเมคาทรอนิกส์ (Mechatronics)
เช่น การผลิตชิ้นส่วนนาฬิกา ซึ่งมีการสร้างแบรนด์ภายใต้สัญลักษณ์ Swiss Made โดยจัดการเรียนการสอนร่วมกับภาคเอกชน และฝึกอบรมผู้เรียนให้มีประสบการณ์การทำงานในสถานที่จริง(Apprenticeship Training) โดย สวิตเซอร์แลนด์ มีปัจจัยหลักของความสำเร็จในการจัดการเรียนการสอนด้านอาชีวศึกษา คือ ความยืดหยุ่นและหลักสูตรที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้เรียน ซึ่งทาง ศธ. ก็มีความสนใจริเริ่มความร่วมมือในการพัฒนาทักษะฝีมืออาชีวศึกษา (Hand-SkillCollaboration) เป็นอย่างมาก
ทั้งหมดนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือที่นานาชาติทำงานร่วมกับ ศธ. ซึ่งยังไม่นับรวมถึงความร่วมมือในการพัฒนาด้านอื่นๆ ที่มีอีกมากมายกับหลากหลายประเทศ ที่ทาง ศธ. ได้ดำเนินงานขับเคลื่อนบางส่วนไปแล้ว และหากได้รับการขับเคลื่อนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “ปลดล็อก ปรับเปลี่ยน เปิดกว้าง” เชื่อว่าศักยภาพของระบบการศึกษาไทยและศักยภาพของนักเรียน-นักศึกษา ที่จะเติบโตเป็นทุนมนุษย์ที่มีความเข้มแข็ง
และส่งผลดีต่อการพัฒนาของประเทศได้ต่อไปในช่วงหลังวิกฤตการณ์โควิด-19 อย่างแน่นอน!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี