วันอังคาร ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
สุดปลื้มใจ!  22ผู้เฒ่าไร้สัญชาติอาข่าได้รับเห็นชอบพิจารณาแปลงสัญชาติแล้ว

สุดปลื้มใจ! 22ผู้เฒ่าไร้สัญชาติอาข่าได้รับเห็นชอบพิจารณาแปลงสัญชาติแล้ว

วันพฤหัสบดี ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2563, 19.24 น.
Tag : แปลงสัญชาติ ผู้เฒ่าไร้สัญชาติอาข่า อยากเป็นคนไทยโดยสมบูรณ์
  •  

วันที่ 22 ตุลาคม 2563 ที่ห้องประชุมพระยาพิทักษ์ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ได้มีการประชุมคณะทำงานสัมภาษณ์ สังเกตพฤติการณ์ และทดสอบความรู้ภาษาไทย แก่ผู้ยื่นคำร้องขอถือสัญชาติไทยตามสามีของหญิงต่างด้าว ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีนายชูสวัสดิ์ สวัสดี จ่าจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน ซึ่งมีการพิจารณาคำร้องทั้งสิ้น 32 ราย โดย 22 รายเป็นผู้เฒ่าไร้สัญชาติอาข่า จากบ้านป่าคาสุขใจ ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง ที่ได้ยื่นคำร้องขอแปลงสัญชาติไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2560 ถือว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผู้เฒ่าไร้สัญชาติกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ได้รับการพิจารณาในระดับจังหวัด

ทั้งนี้ผู้เฒ่าชาวอาข่าทั้ง 22 ได้เดินทางออกจากบ้านป่าคาสุขใจ ต.แม่สลองนอก  อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ตั้งแต่เวลา 09.00 น.โดยเดินทางมาถึงศาลากลางเชียงรายราว 11.00 น.ซึ่งทั้งหมดได้แต่งชุดประจำเผ่า ระหว่างเดินขึ้นห้องประชุมได้สร้างความในใจให้กับข้าราชการเป็นอย่างมาก บางคนขอถ่ายภาพด้วย ขณะที่ผู้เฒ่าบางรายมีท่าทางตื่นเต้นเนื่องจากเป็นการเดินทางมายังศาลากลางเชียงรายเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตามในจำนวน 22 ราย มีผู้เฒ่าบางรายที่มีโรคชรา และปัญหาด้านสุขภาพ ไม่สามารถเดินทางมาสอบสัมภาษณ์ที่จังหวัดด้วยตนเองได้ และเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2563 นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่ฟ้าหลวง และนายทะเบียนอำเภอ ได้เดินทางไปยังหมู่บ้านป่าคาสุขใจ เพื่อสัมภาษณ์ผู้เฒ่า คือนายอาชอง หมอโปกู่ อายุ 72 ปี


 

 

นายชูสวัสดิ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามคำร้องในการพิจารณาแปลงสัญชาติให้กับผู้เฒ่าทั้ง 22 รายโดยหลังจากนี้จะสรุปเรื่องส่งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อส่งต่อไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเชื่อว่าขั้นตอนไม่น่าจะยืดยาวนัก หลังจากนั้นจะต้องมีการส่งเรื่องมายังสำนักงานทะเบียนราษฎรเพื่อขอเลขทำบัตรประชาชน

“ผู้เฒ่ากลุ่มนี้ควรได้รับการทำบัตรประชาชนเร่งด่วนเพื่อให้เป็นคนไทยสมบูรณ์ เพราะทุกคนต่างสูงวัย และการได้บัตรประชาชนมีผลต่อการดำรงชีวิตของพวกท่าน ทั้งในเรื่องสวัสดิการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยยังชีพ หรือเรื่องรักษาพยาบาล แถมยังส่งผลไปยังลูกหลานของพวกท่านที่ยังไม่ได้รับสัญชาติ”นายชูสวัสดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ภายหลังจากทราบว่าคณะทำงานฯเห็นชอบ บรรดาผู้เฒ่าที่เดินทางมาแสดงตัวและสัมภาษณ์ครั้งนี้ต่างแสดงความดีใจ และร่วมถ่ายรูปกับคณะทำงานฯท่ามกลางบรรยากาศอันชื่นมื่น

 

 

แม่เฒ่าบูซือ เยชอกู่  อายุ 76 ปี กล่าวว่าเดินทางมาจากดอยแม่สลองตั้งแต่เช้าและรู้สึกตื่นเต้นเพราะไม่เคยเข้าเมืองเชียงรายมาก่อนโดยอยู่แต่ในหมู่บ้าน ตนอยากได้บัตรประชาชนเพราะลูกๆหลานๆต่างมีบัตรประชาชนหมดแล้ว แต่ตนซึ่งอยู่ประเทศไทยมาอย่างน้อย 45 ปียังไม่ได้บัตรทั้งๆที่อยากเป็นคนไทยโดยสมบูรณ์เพราะเวลาตายก็จะได้รู้สึกภูมิใจ

ขณะที่พ่อเฒ่าอาทู่ เบียงแลกู่ อายุ 72 ปีและแม่เฒ่าพิซุง เบียงแลกู่ อายุ 73 ปีคู่สามีภรรยา กล่าวว่าพวกตนอยู่ประเทศไทยมา 45 ปี แต่ยังไม่มีบัตรประชาชน ที่อยากได้เพราะต้องการสิทธิในการรักษาพยาบาล เพราะหากไม่มีบัตรต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง

“แม่ไม่รู้หรอกว่าหากได้บัตรประชาชนแล้วจะได้สวัสดิการอะไรบ้าง ไม่รู้ด้วยว่าจะได้รับการรักษาพยาบาลฟรีเพราะไม่เคยป่วย แต่อยากได้บัตรเพราะเป็นความภูมิใจในชีวิตจะได้นอนตายตาหลับ”แม่เฒ่าบูซือ กล่าว

 

 

นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการผู้ก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ) กล่าวว่าผู้เฒ่าชาวอาข่ากลุ่มนี้ ได้ยื่นคำร้องขอแปลงสัญชาติ ที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง 27 ราย ตั้งแต่ พ.ศ. 2560 อำเภอ ส่งคำร้องให้จังหวัดเชียงราย และจังหวัดส่งให้หน่วยงานตรวจสอบประวัติด้าน ยาเสพติด อาชญากรรม ด้านความมั่นคงของชาติ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4 แห่ง ต่อมามูลนิธิ พชภ. ได้ทำหนังสือไปขอทราบความคืบหน้า ได้รับคำตอบว่าอยู่ในช่วงรอผลการตรวจสอบประวัติ  ระหว่างนั้น ผู้เฒ่าเสียชีวิตแล้ว 2 ราย และขอถอนคำร้อง 2 ราย จึงเหลือเพียง 23 ราย

นางเตือนใจกล่าวว่า ต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  เห็นชอบให้ปรับเกณฑ์ในการอนุมัติแปลงสัญชาติของผู้สูงอายุ 4 ด้าน ตามหนังสือเวียนของปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อ ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 มีสาระสำคัญคือ 1. การตรวจสอบประวัติ ให้ใช้พยานบุคคล 3 ราย แทนการตรวจสอบโดยหน่วยงาน 2 การมีภูมิลำเนาในประเทศไทยเกิน 5 ปี ให้ใช้หลักฐานหนังสือสำคัญถิ่นที่อยู่ถาวรและหนังสือประจำตัวคนต่างด้าว 3 ความรู้ภาษาไทย ให้ยกเว้นการร้องเพลงชาติไทย และใช้ภาษาท้องถิ่นได้  4 การมีอาชีพเป็นหลักฐาน ให้ยกเว้นเกณฑ์รายได้ และใบรับรองการประกอบอาชีพ โดยนายอำเภอเป็นผู้รับรอง เมื่อผ่านการพิจารณาระดับจังหวัดในวันนี้แล้ว อนุกรรมการของกรมการปกครอง จะตรวจสอบความถูกต้องของคำร้องและข้อมูลประกอบคำร้อง แล้วนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองสัญชาติตามมาตรา 25 ของพรบ.สัญชาติ จากนั้นจึงนำเสนอรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการแปลงสัญชาติ แล้วนำเสนอพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

 

 

“ความยากของกระบวนการแปลงสัญชาติคือคณะกรรมการระดับจังหวัดและระดับชาติ  ประกอบด้วยผู้แทนหลายหน่วยงานเช่นฝ่ายความมั่นคง อัยการ ซึ่งแต่ละฝ่ายมีภารกิจหลักประจำอยู่แล้ว การจัดประชุมบ่อยๆ จึงทำได้ยาก คณะเลขาผู้จัดเตรียมเอกสารคำร้อง มีกำลังคนและงบประมาณจำกัด การประชุมแต่ละครั้งพิจารณาได้ราว 50 คำร้อง เมื่อเทียบกับปริมาณผู้ที่เข้าเกณฑ์ขอแปลงสัญชาติได้ ไม่เห็นโอกาสที่จะสำเร็จได้ เช่น อำเภอแม่ฟ้าหลวงมีผู้อายุ 61 ปีขึ้นไป 3,080 คน ต้องประชุม 60 ครั้ง จึงจะเสร็จ แต่จำนวนผู้สูงอายุที่จะเข้าเกณฑ์ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จำเป็นอย่างยิ่ง ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน และกระทรวงมหาดไทย ต้องร่วมมือกันปฏิรูปกระบวนการแก้ไขปัญหาคนไร้สัญชาติให้มีประสิทธิภาพ จัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติ พร้อมทั้งเพิ่มกำลังบุคลากรและงบประมาณที่เพียงพอ แต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับชาติ เพื่อให้คำมั่นทั้ง 7 ข้อในการแก้ปัญหาคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ ที่ผู้แทนรัฐไทยได้แถลงในที่ประชุมผู้บริหารผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่ง หประชาชาติ (UNHCR)ณนครเจนีวา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม2562 ตามมติครม.1 ตุลาคม 2562 บรรลุเป้าหมายได้จริง โดยเฉพาะข้อ5 การแก้ปัญหาผู้สูงอายุไร้รัฐไร้สัญชาติซึ่งเป็นกลุ่มที่เปราะบางที่สุด” นางเตือนใจ กล่าว

นางเตือนใจกล่าวว่า 23 รายนี้เป็นกรณีศึกษา เพราะการแปลงสัญชาติมีข้อจำกัดและขั้นตอนที่ยาวนานมาก ซึ่งต้องมีการทบทวน ซึ่งตัวอย่างของผู้เฒ่าเหล่านี้ที่อยู่มา 45 ปีแต่กลับยังไม่ได้รับการรังรอง ทั้งๆที่มีลูกหลานเป็นคนไทยหมดแล้ว เราจะได้ร่วมกันแก้ไขข้อจำกัดนี้

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'เก่ง หฤษฎ์'ร่วมเปิดเวที Bangkok International Fashion Week 2025

‘ชวน หลีกภัย’ ต้อนรับเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย เยือนจังหวัดตรัง

ทองแรงได้อีก! อัปเดตล่าสุด14ต.ค. ปรับ 28 ครั้ง ทองรูปพรรณพุ่ง 65,000

Tuck Talk ไข้อสงสัย ฟื้นฟูไตได้จริง ไม่ต้องฟอก ไม่ต้องผ่าตัด!?

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved