แม้ว่ารายงานข้อมูลการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนจากข้อมูล 3 ฐาน โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลที่ใกล้เคียงกับข้อมูลองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รายงานไว้ว่าต่างมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน คือ จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลดลงจาก 21,996 คนในปี 2554 คงเหลือเพียง 19,904 คน ในปี 2562 คิดเป็น 29.9 คนต่อแสนประชากร แต่พฤติกรรม “ดื่มแล้วขับ” ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสูญเสีย
ด้วยเหตุนี้ โรงพยาบาลน่าน จึงร่วมกับ สำนักงานคุมประพฤติ จ.น่าน และเครือข่ายเหยื่อเมาไม่ขับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดำเนินกระบวนการคุมประพฤติและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้กระทำความผิดจากการดื่มแล้วขับ ทั้งนี้ กระบวนการดังกล่าวใช้รูปแบบ “การเรียนรู้เชิงประสบการณ์” โดยให้ผู้ถูกคุมประพฤติได้เห็นและรับทราบประสบการณ์ตรงของเหยื่อเมาแล้วขับ ทั้งที่บ้านของเหยื่อและที่โรงพยาบาล
ผลของการดำเนินโครงการมากว่า 4 ปี มีผู้เข้าร่วมโครงการ 308 คน พบว่าโครงการนี้ได้ช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ถูกคุมประพฤติได้อย่างดี โดยตัดสินใจที่จะไม่ขับขี่ยานพาหนะอย่างเด็ดขาดหากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึงร้อยละ 89.7 และมีผู้ตัดสินใจเลิกดื่มอีกร้อยละ 10.3% นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2560 ถึงปัจจุบันยังไม่พบมีผู้ถูกคุมประพฤติซ้ำแม้แต่รายเดียว
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริการปฐมภูมิ โรงพยาบาลน่าน เล่าว่า จากการดำเนินงานที่ผ่านไม่พบการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักดื่มจากการห้ามหรือบอกให้หยุดดื่มเหล้า จึงเกิดแนวคิดสร้าง กระบวนการคุมประพฤติคนเมาแล้วขับ โดยให้ผู้ถูกคุมประพฤติได้เรียนรู้ประสบการณ์ตรงจากคำบอกเล่าของผู้ประสบเหตุ เพราะคนที่จะสะท้อนได้ดี คือ คนที่ผ่านความทุกข์ทรมานมาแล้ว โดยในแต่ละปีจะมีผู้ถูกคุมประพฤติที่เข้าร่วมโครงการ ปีละ 2 รุ่น จากช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ และหลังเทศกาลสงกรานต์
ซึ่งทางโรงพยาบาลจะนำมาเข้าร่วมกิจกรรมและอภิปรายกลุ่มในรูปแบบสัมภาษณ์กับผู้พิการและบรรยายความรู้เรื่องอันตรายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งกลุ่มเรียนรู้หมุนเวียนไปใน 4 จุด คือ 1.เยี่ยมบ้านและสัมภาษณ์ประวัติชีวิตของผู้พิการจากการดื่มแล้วขับ 2.ตึกผู้ป่วยในด้านศัลยกรรม ซึ่งมีผู้ป่วยที่พิการจากดื่มแล้วขับ 3.ตึกผู้ป่วยในด้านศัลยกรรมกระดูกและข้อ ซึ่งมีผู้ป่วยที่พิการจากดื่มแล้วขับ 4.ตึกผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน
“การที่ให้ผู้ถูกคุมประพฤติสัมภาษณ์ความรู้สึกของผู้ประสบเหตุ โดยเรามีผู้ป่วยติดเตียง พี่อังคาร จรเทศ ยินดีเป็นวิทยาทานบอกเล่าประสบการณ์ จะทำให้เขาได้เห็นว่า หากไม่ถูกจับก่อนแล้วเกิดอุบัติเหตุจนพิการจะทุกข์ทรมานเพียงใด และถ้าหากยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรม แล้วเขาจะต้องเจออะไรบ้าง เพราะการใช้กฎหมายไม่ได้ผล เขาไม่กลัวถูกลงโทษ จึงต้องให้ประสบการณ์ตรงสอน” นพ.พงศ์เทพ กล่าว
ด้าน นางกานต์สุดา สิงห์สาร เจ้าหน้าที่สำนักงานคุมประพฤติ จ.น่าน กล่าวว่า การริเริ่มโครงการนี้ วัตถุประสงค์ไม่เพียงแต่บังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวแต่เรายังต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ถูกคุมประพฤติด้วยขบวนการเรียนรู้ในเชิงประสบการณ์จะสร้างผลสะท้อนกลับได้ดี การบริการสังคมด้วยการเข้าไปช่วยงานที่โรงพยาบาล เขาจะได้เห็นผู้ประสบเหตุตามตึกต่างๆ ทั้งตึกอุบัติเหตุ ตึกศัลยกรรมกระดูก จะทำให้เกิดความกลัวและไม่อยากเป็นเช่นนั้น
“ผลลัพธ์ที่ได้กลับมานั้นนับว่าดีมากโดยผู้ที่เข้ากระบวนการเหล่านี้ราว 10% เลือกที่จะเลิกดื่มเหล้าถาวร ส่วนที่เหลือก็ล้วนให้คำมั่นสัญญาที่จะลดการดื่มและหากดื่มแล้วจะไม่ขับอีกต่อไป อย่างไรก็ดี การที่จะให้เกิดขบวนการเรียนรู้และขยายผลการดำเนินงานออกไปจะอาศัยเพียงการทำงานร่วมกับโรงพยาบาลอย่างเดียวไม่เพียงพอ จึงมีการร่วมมือกับเทศบาลเมืองน่านเพื่อสร้างให้เมืองน่านเป็นชุมชนปลอดภัยด้วย” นางกานต์สุดา ระบุ
ขณะที่ นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน กล่าวเสริมว่า ความปลอดภัยเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของการสร้างเมืองน่านอยู่สำหรับประชาชนและผู้ที่เดินทางเข้ามา โดยการทำงานของเทศบาลเมืองน่าน เริ่มจากการวิเคราะห์เหตุแห่งความไม่ปลอดภัยทั้งในเมืองและชุมชน จนเกิดเป็นตัวชี้วัดใน 13 เรื่อง หากดำเนินการบรรลุผลก็จะนำมาสู่การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยอย่างเป็นรูปธรรม
“จากความพยายามรณรงค์ด้านความปลอดภัย ทั้งความปลอดภัยบนท้องถนน พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะสร้างจิตสำนึกให้กับผู้ใหญ่หรือผู้ที่โตแล้ว ซึ่งแตกต่างกับการปลูกฝังในเด็กที่มักจะง่ายกว่า เช่น ตัวอย่างจากการสร้างเสริมพฤติกรรมการใช้หมวกนิรภัย พบว่าจากเดิมที่มีการสวมใส่ราว 43% แต่เมื่อทำงานรณรงค์ในกลุ่มเด็ก บางแห่งกลับมีสถิติเพิ่มขึ้นเป็น 100% เป็นผลพวงจากการดำเนินโครงการศูนย์เด็กเล็กปลอดภัย” นายกเทศมนตรีเมืองน่าน กล่าว
น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า เทศบาลเมืองน่านเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจจากการสร้างส่วนร่วมของชุมชนเพื่อเข้ามาร่วมกันทำให้เกิดชุมชนปลอดภัย ซึ่งนอกจากการปรับปรุงพฤติกรรมคนดื่มไม่ขับ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยลดปัจจัยเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนงานบุญหรืองานประเพณีปลอดเหล้า อาทิ แข่งเรือ ยี่เป็ง ฯลฯ
ทั้งนี้ ประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างการแก้กฎหมายเชื่อมฐานข้อมูล ที่จะดูแลผู้กระทำผิดไม่ให้กลับมากระทำผิดซ้ำหรือใครทำผิดซ้ำก็จะได้รับโทษเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการป้องปราม ซึ่งในระหว่างที่กระบวนการกำลังดำเนินอยู่ สสส. ก็ได้พยายามหาตัวอย่างรูปธรรมของการป้องกันไม่ให้คนกระทำผิดซ้ำ พบที่รพ.น่าน และสำนักงานคุมประพฤติฯ จับมือและประสานเชื่อมการทำงานร่วมกัน นับเป็นตัวอย่างที่ดี
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี