การผลิตพืชอินทรีย์ด้วยเทคโนโนโลยี โดยกรมวิชาการเกษตรฯ ที่สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 ขอนแก่นเข้ามาส่งเสริมเกษตรกร ในพื้นที่กาฬสินธุ์ได้เรียนรู้และนำมาใช้จริงสามารถปลูกพืชอินทรีย์ได้ตลอดทั้งปีและมีรายได้เดือนละ 100,000 บาทจริง ด้วยพื้นที่เพียง 5 ไร่ เท่านั้น
ดร.นฤทัย วรสถิตย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการผลิตพืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำนักวิจัยและพัฒนาเกษตร เขตที่ 3 จังหวัดขอนแก่น พร้อมคณะนักวิชัยและนักวิชาการ ดูพื้นที่จริงสวนปันบุญ ต.ฆ้องชัยพัฒนา อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ของเกษตรกรนางสุจารี ธนสิริธนากร อายุ 53 ปี ซึ่งได้นำเอาเทคโนโลยีของกรมวิชาการเกษตรมาใช้ในพื้นที่ปลูกผักอินทรีย์ เนื้อที่ 5 ไร่ จนประสบความสำเร็จ ได้รับรางวัลมากมาย และสามารถสร้างรายได้ตลอดทั้งปี เป็นต้นแบบเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน
ดร.นฤทัย วรสถิตย์ กล่าวว่า มีพื้นที่รับผิดชอบอยู่ 11 จังหวัดของภาคอีสาน จากข้อมูลปี 2557 มีพื้นที่ทำการเกษตรของเกษตรกรได้รับมาตรฐานอินทรีย์เพียง 47 แปลง ในขณะที่ภาครัฐทั้งระดับประเทศและในจังหวัดหลายแห่งมีความต้องการให้เกิดการผลิตพืชเกษตรอินทรีย์มากขึ้นสอดคล้องกับภาวะความต้องการของตลาดซึ่งพืชอินทรีย์มีตลาดรองรับจำนวนมาก จึงได้ทำการวิจัยพร้อม ๆ กับลงพื้นที่ให้ความรู้จนได้พบว่าปัจจัยด้านสภาพพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะดินที่เป็นดินร่วนปนทรายเป็นอุปสรรคสำคัญของการทำเกษตรอินทรีย์ รวมถึงศัตรูพืช จึงจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยบำรุงดินที่มีความเหมาะสม
“การนำเอาเทคโนโลยีของกรมวิชาการเกษตรเข้ามาใช้ในดิน โดยเลือกเอาสวนปันบุญนำร่องโดยการทดสอบให้เป็นเกษตรกรต้นแบบ โดยชีวภัณฑ์ที่นำมาใช้ทั้งไส้เดือนฝอย ไตรโคเดอร์ม่า แหนแดง และการใช้ NPV ที่สามารถควบคุมศัตรูพืช และบำรุงดินได้ดี จนได้รับรางวัลเกษตรอินทรีย์มีฐานตรฐาน ออแกนิกส์ไทยแลนด์รับรอง สามารถผลิตปุ๋ยและชีวภัณฑ์ใช้เองได้ และได้รับการส่งเสริมให้เป็นหมู่บ้านออแกนิกส์วิลเลจ ของพาณิชย์จังหวัด และปัจจุบันได้ขยับจากการเป็นแปลงต้นแบบ สู่การเป็นศูนย์เรียนรู้ ที่เต็มไปด้วยความรู้ สิน้าเกษตรอินทรีย์คุณภาพ และสามารถแวะมาเที่ยวได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วเกษตรอินทรีย์ไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ตอบแทนคุ้มค่ามาก เพราะมีความปลอดภัยทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ซึ่งกรมวิชาการเกษตร สามารถให้คำปรึกษาได้ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ทั่วประเทศ เกษตรกรท่านใดสนใจสามารถสอบถามได้” ดร.นฤทัย กล่าว
นางสุจารี ธนสิริธนากร อายุ 53 ปี เกษตรกรเจ้าของสวนปันบุญ กล่าวว่า จากการปลูกผักอินทรีย์ มีลูกค้าเยอะมาก จากเดิมที่มีความกังวลว่าเมื่อปลูกผักแล้วจะไปขายที่ไหน จนกระทั่งได้มาตรฐานออแกนิกส์ไทยแลนด์ มีลูกค้าเข้ามาหาเยอะมาก จนผลิตป้อนตลาดแทบไม่ทันทั้งท๊อป ซุปเปอร์มาเก็ต แมคโคร โลตัส และโรงพยาบาล สำหรับรายได้ โรงเรือนขนาด 6x24 เมตร เดือนละ 30,000 บาท ปัจจุบันมี 4 โรงเรือน โดยผักที่ปลูกจะเป็นผักสลัด ที่มีราคาสูงและปลูกได้ตลอดทั้งปี
“สวนปันบุญเป็นพื้นที่งานวิจัยการใช้ไส้เดือนฝอยชนิดผง สารชีวภัณฑ์ BTไตรโคเดอร์ม่า และปุ๋ยหมักเติมอากาศ ทำให้สามารถปลูกผักได้จากที่แรก ๆ ไม่สามารถทำได้เลย มีปัญหาโรคและแมลงเยอะมาก ซึ่งเมื่อได้ใช้แล้วทำให้สวนปันบุญผลิตผักออกสู่ตลาดได้อย่างคุณภาพ สามารถรวมตัวกันในหมู่บ้านร่วมกันปลูกผักส่งตลาดและได้รับมาตรฐานออแกนิกส์ไทยแลนด์ สวพ.กาฬสินธุ์ลงมาช่วยสวนปันบุญมาโดยตลอด ซึ่งทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการทำเกษตรที่ไม่ใช้สารเคมี แบบ 100% ถ้าไม่มีกรมวิชาการเกษตรก็คงผลิตผักอินทรีย์ไม่ได้เลย จากการทำเกษตรอินทรีย์อินทรีย์ทำให้เกิดอาชีพใหม่ มีรายได้รายวัน รายเดือน และรายปี มีความมั่นคง แน่นอน และยั่งยืน อยากให้เกษตรกรท่านอื่น ๆ หันมาทำเกษตรอินทรีย์ โดยมีพี่เลี้ยงโดยกรมวิชาการเกษตร เกษตรอินทรีย์ไม่ใช่เรื่องยาก” นางสุจารี กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี