พระภัทรสีลคุณ หรือ หลวงปู่เจริญ ราหุโล วัดพระธาตุเขาน้อย จังหวัดราชบุรี เมตตาเทศนาธรรมในงานบำเพ็ญกุศลหลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต ในโอกาส 107 ปีชาตกาล ที่สวนทิพย์ จังหวัดนนทบุรี โดยเทศนาธรรมในหัวข้อ “ศีล สมาธิ ปัญญา” และ ความสามัคคีในพุทธศาสนิกชน “แนวหน้าออนไลน์” นำมาเสนอเป็นตอนที่ 1 (EP.1)
ยัง พุทโธ ปะติวาจัง แปลว่า พระพุทธเจ้าเปล่งพระวาจาใด พูดเรื่องอะไร ให้ความเห็นที่แจ้งข่าวเล่าลือว่าพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนั้นอย่างนี้ พระพุทธเจ้าตรัสวาจาใด จะหมื่นแสนล้านโกศ คำพูดก็ดีหมด เพราะพระพุทธเจ้าเป็นผู้สูงส่งในคุณธรรม เปล่งพระวาจาใดในโลกนี้ เปล่งไว้ 84,000 พระธรรมขันธ์ และ ย่อสั้นๆว่า กล่าวไว้เรื่องมรรคมีองค์ 8 กล่าวไว้ เรื่อง ไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา ว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ ทุกอย่างที่ตรัสดีหมด ประหนึ่ง ศีล ดี ที่สุด อันว่าศีลนี้มีบาลีว่า สีละ เมวะ อิธะ อิกัง ศีลเป็นเลิศในโลก คนไม่มีศีลนั้นก็เป็นคนเลว ศีลนั้นเป็นของเลิศ คนไม่มีศีลก็เป็นคนเลว เลวตรงไหน เสียหายตรงไหน ให้ไปดูคดีของบ้านเมือง ที่จดบันทึกว่า คนทำผิดพลาดทำผิดศีล ต้องถูกเข้าตาราง เข้าคุก ต้องถูกจองจำ เพราะเป็นคนไร้ศีล คนมีศีลไม่เคยเข้าตาราง นอกจากไปเยี่ยมคนในตาราง
การสร้างชีวิตต้องสร้างด้วยศีล เพราะศีล เป็นของเลิศ ที่ว่า เลิศ ศีลมันเลิศกว่ากิเลส กิเลสทุกๆตัวที่มันก่อกวนทำความยุ่งยากให้ตัวเรา ก็มาจากความเลวทรามของผู้มีกิเลส เช่น กิเลส ความกำหนัดยินดี ผิดศีล ผิดธรรม ความโกรธ ความพยาบาท ความหลงงมงาย ทั้ง 3 ประการนี้ เป็นตัวบ่อนทำลายโลกมนุษย์เรา แต่มนุษย์ที่มีศีลพวกนี้ก็ทำลายไม่ได้ คนมีศีลสมบูรณ์ทุกอย่าง สมบูรณ์ด้วยน้ำใจที่เมตตาปราณี ไม่ฆ่าสัตว์ สมบูรณ์ด้วยความเป็นคน ไม่โลภมากอยากได้ จึงไม่ล้วงล้ำกรรมสิทธิ์ เงินทอง ข้าวของผู้อื่น คนมีศีลย่อมยินดี คนที่เรารักหนึ่งคน ทั้งฝ่ายหญิง ฝ่ายชาย และไม่จืดจางกันไป จะไม่เอาใจใส่ในเรื่องอื่น จะไม่รักชายอื่น ไม่รักหญิงอื่น เพราะว่าเขาเป็นคนดีมีสัจจะ ต้องมีสามีคนเดียว ต้องมีภรรยาคนเดียว ถึงว่าอยู่ในศีลที่ดี ในการครองรัก ครองเรือน วาจาที่กล่าวนั้น ก็ตามที ย่อมไม่พลาดไปจากความจริง ถ้าพลาดจากความจริงเป็นวาจาเสีย เสียสัจจะ
แต่คนมีศีล มีสัจจะ สัจจะอยู่ที่ไหน ธรรมะรวมตัวกันอยู่ที่นั่น เพราะสัจจะเป็นเรื่องใหญ่ นอกจากสัจจะนี้แล้ว ก็ยังมีสัจจะของอริยะมรรค เช่นว่า อริยะสัจจะ สัจจะของความรู้จริง ในเรื่องประพฤติ ปฏิบัติ
ส่วนศีล ๕ นี้ เป็นเรื่องสัจจะความเป็นอยู่ จะไม่พูดเท็จ จะไม่พูดหลอกลวง จะไม่พูดคำหยาบ ทำตัวได้อย่างนี้ เลิศที่สุด เพราะสัจจะเป็นสิ่งสำคัญมาก ถึงแม้ตัวจะตายก็ไม่ทิ้งสัจจะ ถึงใครจะมาจ้างให้พูดเท็จ จะมาให้เงินเป็นร้อยล้านพันล้านก็จะไม่กล่าว เพราะเราไม่เห็นเรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่ เราเห็นสัจจะยิ่งกว่าใดๆทั้งสิ้น เพราะสัจจะเป็นเอกธรรมันดับหนึ่งของโลก ถือสัจจะให้ได้ จะมีฤทธิ์ อภินิหารในตัวเอง จะสำเร็จงานที่อยู่ในวิสัยพอจะทำได้
ส่วนเรื่องสุราเมรัย คนมีศีล ไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยว เหล้าหยดเดียวก็ไม่ให้เข้าปาก ทำได้จริงๆ ก็จะกลายเป็นคนเลิศในสังคม คนที่เลวก็ไปจากสุรานี้เอง เพราะสุรายาเมามันทำลายศีลหมดทั้ง ๕ ข้อ เพราะสุราดื่มเข้าไปแล้ว ก็จะฆ่าคนได้ สุราดื่มเข้าแล้ว ลักของเขาได้ สุราดื่มแล้วก็จะผิดลูกเมียเขาได้ สุราทำพิษอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาก็จะพูดเท็จได้ ก็จะหลอกลวงได้ อย่างนี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้น เราทุกคนเป็นคนเลิศเป็นคนดี มา “อตีตารมณ์” มาระลึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ จึงมาร่วมทำบุญ การร่วมทำบุญเป็นเรื่องใหญ่ เป็นสามัคคีธรรมที่เลอเลิศ ดังคำที่ว่า วิวาทัง ภะยะโต ทิสสะวา อะวิวาทัง จะเสวะโต สมัคคา สะขิลาโหถะ เอสาพุทธานุสาสนี แปลใจความว่า ความวิวาทเป็นภัยที่สุด แต่ความสัมมัคคี ปลอดจากภัย ทำอะไรเป็นความดี มีที่ไหน คนที่เราจะไปร่วงวงศ์ไพบูลย์กับเขาได้ เราก็ไป เพราะความดี สามัคคีนี้เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ เกิดขึ้นกับสังคม สังคมไหนแตกร้าว ก้าวร้าว หรือแตกร้าวด้วยกัน สังคมนั้นเหลวแหลก หาความสุขสวัสดีไม่ได้
เพราะฉะนั้น เราไม่มีความวิวาทกันที่จะถกถียงกัน เราสามัคคีกันเป็นการเทิดทูนบูชา ปฏิบัติบูชากับพระพุทธเจ้าโดยตรง ถึงสามัคคีทางโลก ให้ดีกัน อย่ารังเกียจกัน เห็นอกเห็นใจกัน มีอะไรเป็นความดี ก็ไปช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นไวยาวัจมัย คือ ช่วยเหลือ ขวนขวายงานคนอื่น ทำงานการ เช่น งานนี้เป็นงานใหญ่ จะต้องมาช่วยกัน จัดนั่น จัดนี้ ปูลาดอาสนะ ที่นั่ง ต้อนรับแขก นั่นใครเป็นคนทำ ก็กลุ่มคนดี ที่มีสามัคคีกันนั่นแหละ จึงจะเป็นความเจริญอย่างยิ่งใหญ่ สามัคคีกันอยู่ที่ไหน ในการที่ดี ที่นั่นเป็นหัวใจศาสนา
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า วิวาทัง นิยะโต ทิสสะวา วิวาทัง จะเสวะโต สมัคคคา สะขิลาโหถะ เอสาพุทธานุสาสนี ท่านทั้งหลายจงเห็นความวิวาท เป็นความเป็นภัย คำว่า วิวาทนั้น คือ ถกเถียงกัน ขัดใจกัน จะเอาชนะคะคานกัน ตั้งตัวเป็นศัตรูกันขึ้น ก็จะเป็นบ่อนทำลายตัวเองด้วย กับสังคมด้วยฉันใด ส่วนสามัคคีธรรมนั้น เป็นธรรมอันเกษม เป็นธรรมอันดี พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พอพระทัยในสามัคคีของผู้คน แต่สามัคคีกันทำชั่วนั่นไม่ใช่ สามัคคีทำดีนี้เป็นของดี เป็นการถึงจุดแห่งคนดีอีกจุดหนึ่ง จุดหนึ่งคือ สามัคคี จุดหนึ่งคือมีศีล สองอย่างแล้ว ให้เห็นว่า การมาทำอย่างนี้ เป็นหัวใจของบัณฑิต รู้คิด รู้ทำ รู้พูด บัณฑิต เรียกว่า ใจที่คิด จิตที่ถ่ายทำ คำที่ประพูด ย่อมทำถูกต้องหมด จะพูดก็พูดดี จะทำก็ทำดี จะคิดก็คิดดี การเป็นคนดีครบบริบูรณ์ ๓ อย่าง คือ กาย วาจา ใจ นี่เป็นหัวใจศาสนา ถึงแม้หลวงปู่ที่สอนผู้สอนคน ก็ใช้บทนี้ แต่ท่านทำความดีไว้กับโลก ยังเหลืออยู่ ลูกศิษย์ ลูกหา ครูบาอาจารย์ ผู้มีใจดี มีใจสูง จึงมาร่วมวงไพบูลย์ ในการจัดเลี้ยงพระ จัดฟังพระสวดมนต์ หรือมาพบหน้าพบตากัน
คนดีกับคนดีจะยิ้มใส่เข้ากัน คนที่จะพบเราก็ต้องยิ้มให้ เราก็ต้อนรับความยิ้มของเขา ยิ้มอยู่ที่ไหน สุขใจอยู่ที่นั่น ถ้าหน้าบูด หน้าบึ่ง หรือว่า หน้าดำ คร่ำเครียด นั่น ไม่ใช่ความสุขของคน คนเราถ้าคบกับจริง รักกันจริง เห็นแล้วต้องยิ้มหากัน ต้องดีใจ ตาใส ตาหวาน ปากดี เพราะเราคบด้วยกัน เรามาคบคนดีกันเถิด จะเป็นบ่อเกิดของความดีในปรโลก ทั้งวันนี้ วันหน้า เดือนนี้ เดือนหน้า ชาตินี้ ชาติหน้า ถ้าทำอยู่อย่างนี้ ชีวิตไม่ตกต่ำ ชีวิตจะรุ่งเรือง ชีวิตจะได้ดิบได้ดี จนกระทั่งทุกภพทุกชาติไป
ทำวันนี้ไม่ใช่ว่าได้วันนิ้อย่างเดียว การทำความดี และทั้งวันนี้ วันหน้า เดือนนี้ เดือนหน้า ปีนี้ ปีหน้า ชาตินี้ ชาติหน้า เพราะความดีมันผูกพันกัน มันแก้ไม่ออก ความดีที่เราเกิด ก็ยังเกิดกันดาร เราตายไปแล้วยังไม่สิ้นกิเลส กลับมาเกิดอีก คนที่เคยร่วมทำความดีกันมา ก็มาพบกันอีกแหละ มาพบกันกี่ครั้งกี่คราแล้ว ที่เกิดกันมา ที่พระพุทธเจ้าว่า โลกนี้ อันกว้างใหญ่ไพศาล วัฏฏะสงสารนี้ก็เวียนกันไป เวียนกันมา เราเองเวียนมากับพระอานนท์นานแสนนานหลายชาติ เราเวียนไปเวียนมากับพระสารีบุตรก็นานแสนนาน เราเวียนไปเวียนมากับพระโมคคัลลานะ นานแสนนานเราไปเวียนมากับพระมหาปุณณะ กับ พระมหากัจจยนะ กับภพทั้งหมด และ เวียนไปเวียนมากับอุบาสกอุบาสิกเป็นมาหลายภพชาติแล้ว
เมื่อเรารักกันมาก่อน ทำความดี จึงมาทำความดีร่วมกันอีก ทำความดีนี้เป็นบ่อเกิดของพระนิพพาน นิพพานไม่ถึงจริง แต่เราตั้งท้องพระนิพพานแล้ว คำว่า ตั้งท้อง เหมือนผู้หญิงตั้งเป็นยังไง ผู้หญิงตั้งท้องก็เป็นน้ำเหลวๆแล้วก็เคี่ยวข้นเข้ามา
(ติดตามตอนที่ 2 วันต่อไป)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี