ผลสำรวจเผย‘สูงวัย’กลุ่มเสี่ยง‘ไม่รู้เท่าทันสื่อ’ ห่วงเชื่อ‘ข่าวปลอม’เรื่องดูแลสุขภาพ
24 ก.พ. 2564 ผศ.ดร.สุภาภรณ์ เกียรติสิน หัวหน้ากลุ่มสาขาวิชาเทคโนโลยีการจัดการระบบสารสนเทศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ดำเนินการสำรวจสถานการณ์การรู้เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัลของประชาชนไทย พ.ศ. 2563-2564 ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมีผู้ร่วมตอบแบบสำรวจ 5,239 คน พบว่า ประชาชนไทยมีคะแนนการรู้เท่าทันสื่ออยู่ในระดับดี (70%)
โดยการสำรวจแบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ การเข้าถึงอยู่ในระดับดี (66%) การประเมินวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของข่าวสารอยู่ในระดับดี (74%) และการสร้างสื่อด้วยความตระหนักถึงผลที่จะตามมาอยู่ในระดับดี (71%) ซึ่งผลการสำรวจชี้ให้เห็นความสำคัญของการตระหนักรู้เท่าทันสื่อให้กับประชาชนทุกกลุ่มวัย และต่อไปอาจใช้วิธีให้ Influencer ที่มีอิทธิพลเป็นแบบอย่างที่ดีต่อประชาชนในการนำเสนอผ่านสื่อออนไลน์และสื่อดั้งเดิม (โทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์) การเปิดช่องโทรทัศน์ดาวเทียมเพื่อเป็นอีกช่องทางในการถ่ายทอดเนื้อหาการรู้เท่าทันสื่อ
การให้ข้อเท็จจริง และแนะนำการใช้อินเทอร์เน็ตแก่ประชาชน รวมถึงแผนในอนาคตจะมีการพัฒนาเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน “รู้เท่าทันสื่อ” (Media Information and Digital Literacy Assessment : MIDL-A) เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการรู้เท่าทันสื่อให้กับประชาชน มีการประเมินระดับการรู้เท่าทันสื่อด้วยตนเอง พร้อมรายงานผล และได้รับใบรับรอง (Certificate) เมื่อผ่านการประเมินตลอดจนการแนะนำสิ่งที่ควรเรียนรู้เพิ่มเติมจากผลการประเมิน
ขณะที่ นายธนากร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ระบุว่า จากผลสำรวจกลุ่มเด็กและเยาวชน มีคะแนนการรู้เท่าทันสื่อสูงที่สุดอยู่ในระดับดี (72%) และมีพฤติกรรมการใช้สื่อหลากหลายช่องทาง ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจที่พบว่าการใช้สื่อหลายช่องทาง มีแนวโน้มการรู้เท่าทันสื่อและสารสนเทศดีขึ้น ดังนั้นแนวทางการพัฒนาควรยกระดับส่งเสริมเด็กและเยาวชนให้มีการรู้เท่าทันสื่อเพิ่มขึ้นให้อยู่ในระดับดีมาก (80%) ขึ้นไป) โดยการเสริมเนื้อหาการรู้เท่าทันสื่อในหลักสูตรการจัดกิจกรรมส่งเสริม อาทิ กิจกรรมฝึกฝนทักษะการใช้สื่อ การประกวดผลิตสื่อ โดยการศึกษานี้ จะเน้นเรื่องภัยสื่อลามก การบูลลี่ การหลอกลวง และการละเมิดข้อมูลนำข้อมูลคนอื่นมาใช้ ซึ่งกลุ่มเด็กและเยาวชนจะต้องเข้าใจข้อมูลและใช้สติในการเสพข้อมูล ไม่หลงเชื่อเฟคนิวส์ ส่วนปัญหาของเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ที่พบ คือ ค่าใช้จ่ายในการใช้งานอินเทอร์เน็ต จึงควรให้การสนับสนุนบริการอินเทอร์เน็ตจากทั้งภาครัฐและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
ส่วนในกลุ่มคนวัยทำงาน มีคะแนนการรู้เท่าทันสื่ออยู่ในระดับดี (64 -70%) ส่วนใหญ่พบปัญหาการถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัว จึงควรส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อให้กับบุคลากรในหน่วยงาน ส่งเสริมให้เข้าใช้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันรู้เท่าทันสื่อ จัดการอบรมให้ความรู้โดยหน่วยงานภาครัฐ อาทิ การอบรมของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และภาครัฐให้การสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษี แก่นิติบุคคลหรือบริษัทที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อ ให้สามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปลดหย่อนภาษีได้
นายธนากร กล่าวต่อไปว่า แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มผู้สูงอายุ ที่มีคะแนนคะแนนการรู้เท่าทันสื่อต่ำที่สุด อยู่ในระดับพื้นฐาน (63%) มีพฤติกรรมใช้สื่อสังคมออนไลน์ Facebook และ Line ในการรับชมสื่อ ติดต่อสื่อสาร และค้นหาข้อมูลออนไลน์เป็นหลัก ช่องทางดังกล่าวเป็นแหล่งข้อมูลที่ยังขาดความน่าเชื่อถือ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิด หลงเชื่อ ไปจนถึงการถูกหลอกลวงได้ โดยเฉพาะประเด็นเนื้อหาด้านสุขภาพ เช่น กินยาหรือสมุนไพรนี้แล้วจะหายจากโรค ทั้งที่ไม่เป็นจริง หรือการถูกหลอกลวงขายสินค้า
ซึ่งกลุ่มผู้สูงอายุยังขาดประสบการณ์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงจำเป็นต้องพัฒนาส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเกิดการรู้เท่าทันสื่อ อย่างแท้จริง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญและภาคีที่เกี่ยวข้อง ได้เสนอแนะแนวทางในการส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อในผู้สูงอายุ เช่น เริ่มจากส่งเสริมภายในชุมชน โดยการสร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) เป็นตัวแทนถ่ายทอดความรู้ต่อให้ผู้สูงอายุในชุมชน และส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมร่วมกันระหว่างเด็กเยาวชนและผู้สูงอายุ เน้นให้ร่วมกันตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจ รวมถึงสร้างการตระหนักรู้ผ่านสื่อดั้งเดิมด้วยเนื้อหาที่ผู้สูงอายุสนใจ เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง หลงเชื่อจากสื่อออนไลน์
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แนวทางในการส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อข้างต้นเกิดประสิทธิภาพ ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ กิจกรรมส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อต่างๆ จนเกิดการพัฒนา พร้อมก้าวเข้าสู่เป้าหมาย “ความเป็นพลเมืองในยุคดิจิตอล” ได้อย่างภาคภูมิ ทั้งนี้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันสนับสนุนมาตรการส่งเสริมสนับสนุนการรู้เท่าทันสื่อดังกล่าว รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมกับภาคประชาชนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี