‘บ้านเทอดชาติ’ จากพื้นที่ราบสูงกลายเป็นแหล่งปลูก ‘ผักอินทรีย์’ ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ สร้างรายได้ให้กับชุมชน
“บ้านเทอดชาติ” ตั้งอยู่ที่ ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก เป็นหมู่บ้านแหล่งปลูกผักอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือตอนล่าง ฝ่าวิกฤตโควิด-19 สร้างรายได้ให้กับชุมชน ได้ถึงปี ละ 8 ครั้ง สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.พิษณุโลก ส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านและธรรมชาติที่สมบูรณ์
“ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์” จึงได้พูดคุยกับ “ร.ท.พานทอง ทอนแสง” รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ ภูขัดภูเมี่ยงภูสอยดาว เกี่ยวกับที่มาของการปลูกผักที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่ใหญ่ที่สุด ว่ามีแนวทางนี้มาได้อย่างไร?
ร.ท.พานทอง เล่าให้ทีมข่าวฯ ฟังว่า พื้นที่ ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก มีพื้นที่ติดชายแดน สปป.ลาว มีน้ำตกภูสอบดาว ที่ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 20,000-30,000 คน โดยเฉพาะพื้นที่ บ้านเทิดชาติ หมู่ที่ 10 ต.บ่อภาค ซึ่งเป็นแหล่งปลูกผักอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือตอนล่าง ซึ่ง ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ เป็นพื้นที่ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จมา 9 ครั้ง ส่งเสริมโครงการพระราชดำริ มีสมาชิกกว่า 1,000 คน ที่นี่เจริญได้เพราะพระองค์ท่าน ชาวบ้านต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้
สำหรับ “บ้านเทอดชาติ” หมู่ 10 ต.บ่อภาค นับเป็นแหล่งผลิตผักอินทรีย์ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือตอนล่าง เป็นจุดมาดูงานสาธิตการปลูกผักอินทรีย์ของเกษตรกร ปัจจุบันมีโรงเรือนปลูกผัก 47 โรงเรียน คาดในปีหน้าจะขยายเพิ่มเป็น 67 โรงเรือน แต่ละโรงเรือนใช้เงินลงทุน 60,000-70,000 บาท ผลิตผักตามออร์เดอร์ มีการวางแผนให้ผลผลิตออกได้ทุกสัปดาห์ ในแต่ละปีปลูก 8-9 รอบต่อโรงเรือน โรงเรือนต่อรอบละ 5,000 -20,000 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดของผัก
ทั้งนี้ ผักที่ปลูกประกอบด้วย ครอสสลัด,เรดโอค,คะน้าฮ่องกง,เบบี้ครอส,กวางตุ้งฮ่องเต้,เครว ผักทั้งหมดใช้ระบบอินทรีย์ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ชีวพันธุ์โครงการหลวง โดยผักที่ปลูกนำส่งโรงงานที่ จ.สมุทรสาคร สิ่งที่ได้จากการปลูกผัก คือ ได้ป่าคืนปลอดโรคมะเร็ง ประชาชนปลอดภัยจากสารเคมี
นอกจากนี้ ทางทีมข่าวฯ ยังได้พูดคุยกับ “ร.ต.วันนา วรรณไสย” ประธานกลุ่มเกษตรอินทรีย์วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรอินทรีย์รักษ์น้ำลุ่มน้ำภาคตำบลบ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก เพื่อพูดคุยถึงแนวทางการเปลี่ยนพื้นที่สูงให้เป็นแหล่งปลูกผัก ว่า ในพื้นที่บ้านเทอดชาติ มีชาวบ้านพื้นที่สูง เคยทำไร่ข้าวโพด แต่หันมาปลูกผักปลอดสารพิษ ภายในโรงเรือนภายใต้มาตรฐานการรับรองของกรมวิชาการเกษตร สมาชิกปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 14 ครอบครัว มีโรงเรือนทั้งหมด 47 โรงเรือน ปัจจุบันทำการผลิตผักอินทรีย์ส่งให้กับบริษัทที่ จ.สมุทรสาคร บางส่วนก็ส่งขายท้องตลาดทั่วไป
“ผักที่ผลิตก็จะเป็นหลักๆ ก็จะเป็นพวกสลัด 3 ประเภท 3 ชนิด คือ คอสเขียว กรีนโอ๊ด เรดโอ๊ค จะตัดส่งให้กับบริษัท เพื่อนำไปแปรรูปส่งให้กับลูกค้าอีกครั้ง โดยเกษตรกร ที่ปลูกผัก สามารถส่งขายในปีหนึ่ง ตัดขายได้ประมาณ 8 ครั้ง ขายครั้งละ 30,000-40,000 บาท สามารถสร้างรายได้อย่างดีให้กับเกษตรกร ในช่วงโควิด-19 ชาวบ้านประสบปัญหาวิกฤต แต่ชาวบ้านที่นี้ก็จะตัดผักขายให้กับชุมชนด้วยกันเอง และกระจายให้กับทางจังหวัดพิษณุโลก ขายทางออนไลน์ ก็สามารถผ่านวิกฤติดังกล่าวไปได้บ้าง จนกระทั่งในช่วงนี้ทางบริษัทที่รับซื้อกลับมารับซื้อเหมือนเดิมแล้ว” ร.ต.วันนา กล่าว
ขณะที่ “นางศศิวัณย์ ศรีพรหม” นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ในพื้นที่บ้านเทอดชาติ ต.บ่อภาคแห่งนี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่จะปลูกผัก และผลไม้ โดยเฉพาะองุ่น ทางสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดพิษณุโลก ได้เข้ามาส่งเสริมการท่องเที่ยววีถีชุมชน ชมแหล่งปลูกผักอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือตอนล่าง นักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่หมู่บ้านแห่งนี้นอกจากจะได้ชมวิถีชาวไทยภูเขาเผ่าม้งแล้ว ยังสามารถสัมผัสอากาศที่เย็นต่อเนื่องตลอดทั้งปี เนื่องจากเป็นพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล กว่า 1,000 เมตร โดยมีโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวได้มาพักกันกว่า 10 หลัง มีแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเชื่อมโยงกับ สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า หรือจะเดินทางไปต่อที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวได้อีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี