เปิดบันทึก 82 วัน‘โกงตาย’! ‘หมอศิริราช’เล่าละเอียดยิบ จากวันแรกถึงวัน‘คืนปูสู่สาคร’
20 มีนาคม 2564 รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการรักษาอาการของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งได้กลับออกจากโรงพยาบาลศิริราชแล้วเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา มีเนื้อหาดังนี้...
“ช่วงสิบกว่าวันที่ผ่านมา การให้การดูแลรักษาพยาบาลดูจะเป็นเรื่องรองของผมในช่วงของการเยี่ยมไข้ประจำวัน เพราะว่าไปแล้วสภาพร่างกายและสภาพจิตใจเขาพร้อมกลับคืนถิ่นอาศัยได้ เพียงแต่ยังไม่กล้าแกร่งพอจะกลับไปทุ่มเทให้กับงาน เวลาส่วนใหญ่ของเราสามคนรวมคู่ชีวิตท่านด้วย จึงมักหมดไปกับเรื่องพูดคุยสัพเพเหระที่ทำให้บันเทิงใจ (อาจมียกเว้นบ้างกับผลการแข่งขันของทีมฟุตบอลโปรด) พร้อมความสำราญสำเริงกับของคาวหวานสารพันที่ส่งกำลังบำรุงมาจากทางบ้าน
จนเจ้าตัวยังเผลอเปรยออกมาว่า สุขสบายจนเคยตัวทำให้ชักอยากเกษียณจากงานอันหนักหน่วงเร็วๆ เสียทีแล้ว ใจจริงอยากบอกไปดังๆ ว่า ป่วยหนักครั้งนี้ถือเป็นการพักเพื่อชาร์จแบตไปในตัวเท่านั้นนะ หาใช่การราไฟจนมอดเสียก่อนกำหนดไม่ ช่วงนี้การฝึกออกกำลังในทุกรูปแบบก้าวรุดหน้าไปจนแทบไม่ต้องใช้เครื่องมือหรือคนคอยช่วยบุคคลในเป้าหมายของเรากันเลย
จนเมื่อใกล้เวลาที่นัดหมายกันว่าจะต้องโบกมือลาโรงพยาบาลเสียที จึงได้ร่วมกันวางแผนและซักซ้อมความพร้อมในทุกด้านเพื่อให้กิจกรรมเป็นไปโดยราบรื่น สมความตั้งใจดีที่หลั่งไหลมาจากทุกฟากฝ่าย รวมถึงการทำให้ทุกภาคส่วนตระหนักในศักยภาพความพร้อมกลับไปรับหน้าที่
เริ่มตั้งแต่การฉีดวัคซีนโควิดเมื่อ 3 วันก่อนเพื่อเสริมสร้างเกราะกำบังที่แข็งแกร่งในภายภาคหน้า คงด้วยใจของเจ้าตัวที่มีเจตนาแน่วแน่ในประโยชน์ที่จะได้รับ ร่างกายจึงตอบสนองในทางเป็นคุณอย่างราบรื่น จนไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ให้เป็นที่หนักใจสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ตามมาด้วยการซ้อมใส่หน้ากากอนามัยทั้งตอนพักและตอนเดิน เพื่อให้แน่ใจว่าหายใจได้คล่อง และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการปกป้องการเจ็บป่วยในระบบการหายใจซ้ำเติมใหม่
เมื่อวานเรานัดกันตอน 6.30 น. จากนั้นจึงเคลื่อนขบวนค่อยๆ เดินกันมาเรื่อยโดยให้เจ้าตัวใส่หน้ากากอนามัย มีการหยุดพักเหนื่อยเป็นช่วงๆ พร้อมเอาหน้ากากออกชั่วคราวเพื่อให้หายใจแรงๆ ได้ทัน จุดหมายแรกเป็นการสักการะพระบรมรูปเจ้าฟ้ามหิดล ณ ลานใจกลางโรงพยาบาลของแผ่นดิน จากนั้นจึงเดินกันต่อไปยังศาลาท่าน้ำศิริราชริมฝั่งเจ้าพระยา โชคดีเช้านั้นอากาศไม่ร้อนแถมมีลมแม่น้ำเอื่อยๆ ให้ชื่นใจ และยังได้แวะนมัสการพระพุทธเมตตาคุณากรที่ประดิษฐานบริเวณทางขึ้นจากท่าเรือ รวมระยะทางไปกลับจากห้องพักราว 500 เมตร เล่นเอาเจ้าตัวเหงื่อชุ่ม
แต่การทำงานของปอดและหัวใจที่คอยติดตามดูใกล้ชิดเป็นไปด้วยดี แม้ต้องหยุดปั๊มลมหายใจให้เต็มปอดบ้างเมื่อคนติดตามเห็นดูเหนื่อยพอควร ส่วนเจ้าตัวนั่นหรือคงปากแข็งเช่นเดิมด้วยคำพูด ยังไหว ไปต่อได้ ทั้งที่แอบเห็นว่าขาเริ่มสั่นและหายใจซี่โครงเริ่มบานแล้ว
ผมเคยเสนอให้ท่านใช้รถเข็นสลับกับการเดินเองบ้างในตอนออกไปปรากฏตัว แน่นอนด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรีสิงห์ไม่สังกัดสี ท่านขอปฏิเสธความหวังดี เพียงแต่ให้ผมและภรรยาคอยระแวดระวังอยู่ใกล้ๆ
นับแต่ออกเดินทางมาจากสมุทรสาครก่อนย่างเข้าสู่ปีใหม่ รวมเวลาแล้ว 35 วันในหอผู้ป่วยโควิดวิกฤตของศิริราช กับการประคับคองอวัยวะสำคัญอื่นไม่ให้สูญเสียหน้าที่ไปตามปอดซึ่งเกิดการอักเสบรุนแรง
ต่อด้วยอีก 23 วันกับการฟูมฟักปอดต่อเนื่องในหออภิบาลการหายใจ จนสามารถกลับมาหายใจด้วยตัวเองทั้งหมดและเอาท่อเจาะคอออกได้ในที่สุด
ต่อด้วย 24 วันหลังสุดที่หอผู้ป่วยพิเศษเดี่ยว เพื่อการฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของร่างกายจนไม่ต้องพึ่งออกซิเจนเสริมจากภายนอก และสามารถเคลื่อนไหวทำกิจกรรมชีวิตได้ตามสมควร นำมาซึ่งภารกิจสุดท้ายในวันนี้ของทีมศิริราชเพื่อนำส่งบุคคลทรงคุณค่ากลับคืนถิ่น ขอรำลึกความทรงจำดีๆ ในเสี้ยวหนึ่งของชีวิตแต่ย่นย่อดังนี้
หลังจากมีวิกฤตการณ์โควิดระลอกสองเด่นชัดในสมุทรสาคร ช่วงนั้นผมเข้าไปช่วยทีมโควิดของท้องที่บริหารจัดการระบบรองรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลหลักของจังหวัดทั้ง 3 แห่ง เมื่อทราบว่าพ่อเมืองสาครป่วยเป็นโควิด-19 เสียเอง (ไม่รู้หวังดึงดูดความสนใจและใส่ใจร่วมกันแก้ปัญหาให้จริงจังกันหรือเปล่า) ทางหนึ่งก็ตกใจ เพราะจังหวัดคงต้องดร็อปมือปราบโควิดคนสำคัญจากงานที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มไปชั่วคราว
อีกด้านหนึ่งก็ไม่แปลกใจเพราะเห็นท่านทางทีวีหลายครา ทุ่มเททำงานหามรุ่งหามค่ำในพื้นที่เสี่ยงติดต่อกันกว่าสัปดาห์ ต่างกับถ้อยสำเนียงลีลาตอนสัมภาษณ์ข่าวทีวีที่ออกแนวไพเราะเสนาะโสต จนเคยกล่าวทีเล่นทีจริงกับลูกสาวว่า เดี๋ยวถ้าเจ้าตัวป่วยด้วยโรคที่ตัวเองกำลังจะไปสยบ เราคงอดฟังคารมคมคายสำเนียงเหน่อพองามต่อหน้าสื่อไปอีกนาน ตอนนั้นบังเกิดแรงปรารถนาส่วนตัวว่าหากมีโอกาส อยากเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมดูแลรักษาเพื่อให้เขาฟื้นตัวกลับมาสานต่องานสำคัญได้ไวๆ
เมื่อได้เข้าไปร่วมประเมินและให้ความเห็นในแผนการดูแลรักษากับแพทย์เจ้าของไข้ของโรงพยาบาลสมุทรสาคร แม้ว่าเจ้าตัวจะแจ้งกับทีมแพทย์ที่นั่นว่ารู้สึกแค่อ่อนเพลียเล็กน้อย แต่จากข้อมูลสัญญาณชีพและภาพถ่ายรังสีทรวงอก เริ่มจับเค้าลางบางอย่างของความยุ่งยากเกี่ยวกับโรคต่อไปค่อนข้างแน่ หลังจากสวมชุด PPE เต็มยศพร้อมกับผอ.รพ. จึงเคียงคู่กันเข้าไปเผชิญกับบุคคลในเป้าหมายถึงในห้องแยกโรคความดันลบ ได้พยายามอธิบายให้ฟังถึงโอกาสที่โรคลุกลามแม้จะไม่มากนักแต่ก็ไม่น่าไว้ใจ ทางที่ดีขอเสนอให้เข้าไปรับการรักษาต่อที่ศิริราชเพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนรุนแรงโดยใกล้ชิด อีกทั้งจะได้เป็นการลดภาระของทีมโควิดสมุทรสาครที่ต้องรับมือกับกองทัพผู้ป่วยจำนวนมากที่กำลังเริ่มหลั่งไหลเข้ามาแล้ว
ตามฟอร์มตามคาด คำตอบจึงเป็นว่าไม่อยากให้ต้องลำบากกันคงไม่น่าเป็นอะไรมาก พร้อมกับทำหน้าระรื่นส่งสายตาเชิงบ่ายเบี่ยง กลั้วไปกับรอยยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะตามสไตล์ที่ใครเห็นก็ประทับใจ ด้วยความเกรงใจและไม่คุ้นเคยกับผมหลุดปากมาว่า แล้วแต่หมอเห็นสมควรก็แล้วกัน ผมไม่รอช้ารีบรุกฆาตรวบรัดตัดความทันทีว่า ถ้าเช่นนั้นสรุปว่าขอรับตัวเข้าไปดูแลรักษาที่ศิริราชซักระยะหนึ่งแล้วกันนะครับ พอเห็นลู่ทางว่าปลอดภัยแล้วจะนำมาส่งคืนให้ทำงานต่อจนหนำใจ แล้วรีบประสานงานเตรียมความพร้อมกลัวเจ้าตัวเปลี่ยนใจ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นทีมศิริราชก็ส่งรถพยาบาลพร้อมทีมงานมืออาชีพไปรับท่านจนถึงที่
ช่วงแรกอาการปอดอักเสบดูลุกลามไปเร็ว ผ่านไปเพียงสองวันก็เกิดภาวะการหายใจล้มเหลวต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ทุกอย่างคล้ายดีขึ้นจนหวังว่าจะทุเลาดังเช่นประสบการณ์ที่เคยมีกับผู้ป่วยโควิดวิกฤตที่เจอมาในระลอกแรก แต่การณ์หาเป็นไปตามคาดไม่ ยิ่งนานวันพวกเราเริ่มกุมขมับกับแนวโน้มของความยืดเยื้อ จนเมื่อ 3 สัปดาห์ผ่านไป ผมเริ่มให้ข้อมูลกับครอบครัวเพื่อทำใจเผื่อว่าผลการรักษาออกมาในด้านที่อาจไม่สมปรารถนาของทุกฝ่าย แต่การตอบรับของครอบครัวและแรงเชียร์จากภายนอกทั่วสารทิศ ยังหวังว่าจะมีหนทางที่จะย้อนคืนชะตาชีวิตคนที่ทรงคุณค่าของสังคมกลับมาได้
ผมเองเริ่มรู้สึกถึงภาระหนักอึ้งสุดๆ ของการเป็นแพทย์ได้กลับมาเยือนอีกครั้งหนึ่ง เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการแพทย์ชุดใหญ่ของศิริราชมาร่วมกันหาหนทางก้าวเดินไปต่อ แม้ในตอนแรกจะยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ทุกคนในทีมก็ไม่ยอมย่อท้อพยายามมองหาตัวเลือกและตัวช่วยในทุกวิถีทาง จวบจนความหวังค่อยๆ ก่อรูปในไม่กี่วันถัดมา จากที่เกรงกันว่าปอดจะถูกทำลายถาวรหรือไม่ก็มีพังผืดเข้ามาแทรกเต็มไปหมด จนไม่อาจกลับมาหายใจเองได้และต้องผ่าตัดเปลี่ยนปอด แต่ด้วยการทุ่มเททำการตรวจพิเศษเพิ่มเติมและให้ยารักษาของพวกเราเริ่มเห็นผล
จนต่อมาจึงกล้าที่จะพูดได้เต็มปากว่าพ่อเมืองสาครพ้นภาวะวิกฤตแล้ว แต่คลื่นความกังวลลูกต่อไปก็เข้ามาแทนที่ เพราะแม้ว่าจะกลับหายใจด้วยตัวเองได้ ที่ยังห่วงคือร่างกายอันอ่อนล้าและสมองซึ่งถูกระงับการรับรู้ไปนานกว่าเดือน จะสามารถพลิกฟื้นกลับคืนมาได้เพียงไร เราคงไม่อยากเห็นท่านในสภาพผู้ป่วยติดเตียงเป็นแน่ ด้วยต้นทุนสุขภาพเดิมที่ดีสมวัย ด้วยการทุ่มเทใส่ใจในทุกรายละเอียดของทีมศิริราช ด้วยการหนุนช่วยอย่างเต็มกำลังของสมาชิกครอบครัว ด้วยแรงใจรอบด้านที่อยากเอาใจช่วยผู้ประกอบกรรมดี และท้ายสุด ด้วยความมุ่งมั่นเป็นพิเศษของเจ้าตัวที่ต้องการจะหยัดยืนกลับมาอย่างสง่า นำมาซึ่งผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจที่พวกเราได้ร่วมประจักษ์กันอย่างเด่นชัดในวันนี้
ผมตื่นนอนเช้านี้ด้วยความชื่นมื่นสองประการ แน่นอนหนึ่งในนั้นคือผู้ป่วยคนสำคัญในห้องหมายเลข 1 (สองคืนหลังย้ายมาห้อง 10) ของผมมีกำหนดกลับบ้านแล้ว ส่วนประการหลังผมได้แอบกระซิบเมื่อเจอหน้าบุคคลในประการแรกว่า เมื่อคืนแมนยูชนะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมยูโรป้าลีกแล้ว เมื่อถามไถ่กันก็พบว่า คืนก่อนออกเดินทางเจ้าตัวกุมสติได้มั่นจึงไม่มีผลรบกวนการนอนหลับ เช้ามาจึงปากแข็งบอกว่าแค่นี้ชิลๆ แต่สังเกตว่าชีพจรและความดันโลหิตขึ้นจากเดิมไปบ้างเล็กน้อย
เราวอร์มอัพด้วยการเดินจากห้องพักมาร่ำลาทีมพยาบาลและเจ้าหน้าที่ประจำหออภิบาลการหายใจ สถานที่ดูแลรักษาในช่วงเปลี่ยนผ่านกลับสู่การหายใจด้วยตัวเองได้ทั้งหมด บรรดาบุคลากรที่ไม่ได้ถูกนัดหมายกันไว้ก่อน ต่างมาร่วมยินดีกันอย่างออกนอกหน้าเห็นได้ชัดจากภาพถ่ายที่ถูกบันทึกไว้ในความทรงจำ เมื่อกลับถึงห้องพักเจ้าตัวถึงกับบ่นว่าเหนื่อยกว่าเดิมหน่อยทั้งที่ไม่ได้ออกแรงมากไปกว่าซ้อมวันก่อน อ้าว...ไหนว่าไม่ตื่นเต้นไง
ช่วงสายเมื่อได้เวลาทีมเราจึงร่ำลาพยาบาลและเจ้าหน้าที่ประจำหอผู้ป่วยพิเศษเดี่ยว หลังเอาสายรัดข้อมือแสดงตัวตนออกซึ่งบ่งถึงการหมดสภาพการเป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลแล้ว ในใจอดคิดไปไม่ได้ว่า อย่าเหลิงแล้วกันนะเดี๋ยวจะว่าไม่เตือน ในหอประชุมราชแพทยาลัยที่ผู้สื่อข่าวปักหลักรอกันอยู่เป็นจำนวนมาก ไฮไลท์น่าจะเป็นการเฝ้ารอการแถลงของพ่อเมืองสาคร จากสภาพที่ตอนแรกยังไม่กระปรี้กระเปร่านัก พอถึงคิว...
มือถือไมค์ไฟส่องหน้า...วิญญาณศิลปินเก่าเริ่มเข้าสิง
โหมโรงด้วยการประกาศเป็นอิสระจากโรงพยาบาลแล้ว เพราะเครื่องพันธนาการชิ้นสุดท้ายคือสายข้อมือที่กล่าวไปก่อนหน้าถูกกำจัด จากนั้นการแสดงความรู้สึกผ่านคำพูดเป็นไปอย่างรื่นไหลไม่มีวี่แววคนที่เพิ่งฟื้นจากปอดอักเสบรุนแรง จุดใหญ่ใจความนอกจากการทำให้ทีมศิริราชหัวใจพองโตแล้ว ยังเป็นการย้ำสาธารณชนให้เห็นความสำคัญของมาตรการป้องกันโควิดโดยเฉพาะการใส่หน้ากาก เพราะมันช่วยให้คนรอบข้างท่านนอกจากภรรยาแล้วไม่มีใครติดโควิดอีกเลย
นอกจากนั้นท่านยังเน้นถึงความสำคัญของการปลุกเร้ากำลังใจของมนุษย์เราในยามวิกฤตโดยเฉพาะในเรื่องของการเจ็บป่วย เพราะท่านคิดว่าแม้มันจะเป็นนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ แต่การกระทำต่างๆ ที่ท่านได้ประสบล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเร่งให้ฟื้นตัว สิ่งนี้ช่างสอดรับแนวคิดการดูแลรักษาผู้ป่วยแบบองค์รวมทั้งกาย จิต และจิตวิญญาณ ท้ายสุดที่ท่านฝากไว้กับพวกเราคือหลัก...
ททท...
หรือ ทำทันที
เพราะประสบการณ์การโกงตายในครั้งนี้สอนท่านว่า หากคิดจะลงมือทำสิ่งใดๆ จงทำเสียแต่วันนี้ ชีวิตในภายภาคหน้าเป็นสิ่งไม่แน่นอน การพลัดพรากจากสิ่งรักอาจเกิดขึ้นได้ในวันนี้หรือวันพรุ่ง
จากนั้นผมและท่านคณบดีศิริราชจึงมุ่งหน้าสู่สมุทรสาคร เมื่อรถเข้าเทียบศาลากลางจังหวัด พ่อเมืองท่านโชว์ความแข็งแกร่งต่อหน้าลูกเมืองผู้รอต้อนรับ ด้วยการก้าวลงจากรถตู้อย่างทะมัดทะแมง แล้วเดินตัวปลิวเข้าสู่ตัวอาคารพร้อมทักทายคนคุ้นเคยไปในระหว่างทางด้วยใบหน้าอิ่มสุข คนคอยประคองข้างเองเสียอีกที่ต้องคอยเบรคให้เพลาฝีเท้าไว้ โดยเฉพาะเมื่อสังเกตได้ว่าแรงที่ใช้หายใจถี่ๆ ผ่านหน้ากากดูจะเกินกำลัง ในห้องประชุมที่มีตัวแทนส่วนราชการและภาคประชาชนอยู่รวมกันแบบไม่หนาแน่น นอกจากการแสดงความรู้สึกของคนที่ห่างหายกันไปนานแล้ว ท่านยังคงมีลีลาออดอ้อนมิตรรักแฟนเพลงเหมือนศิลปินลูกทุ่งชื่อดังในอดีต เมื่อตัวแทนสื่อท้องถิ่นอยากให้ฝากข้อความถึงชาวสาคร จึงเป็นที่มาของวลี...
รักและคิดถึง...
พร้อมกับหยอดท้ายฝากให้พี่น้องสมุทรสาครร่วมมือร่วมใจกันต่อไปให้ตลอดรอดฝั่ง เพื่อนำพาบ้านเมืองพลิกฟื้นออกจากกับดักความยากลำบากของภัยโควิดให้ได้ในเร็ววัน ก่อนจะขึ้นรถออกจากศาลากลางพ่อเมืองคนเก่งยังสั่งงานและทักทายลูกน้องไม่ขาดปาก
นี่ถ้าไม่ตามมาคอยขัดตาทัพ สงสัยปูตัวนี้คงไต่ไปไหนยั้วเยี้ยเป็นแน่แท้
ต่อมาท่านได้เข้าสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองที่มีลมแม่น้ำพัดโชยมาเย็นสบาย ตามด้วยเข้านมัสการท่านเจ้าคณะจังหวัดและเป็นเจ้าอาวาสวัดเจษฎารามพระอารามหลวง (ใกล้ที่ตั้งร้านลอดช่องเจ้าดัง) นอกจากการอวยชัยให้พรแล้ว การประพรมน้ำมนต์คงเปรียบเสมือนการปลอบประโลมให้ร่มเย็นเป็นสุขหลังป่วยไข้ สมดังสโลแกนบนเสื้อยืดของท่านวันนี้ที่ว่า...
แค่พักไม่ได้แพ้
เพื่อให้มั่นใจว่าไม่เป็นการปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาเข้าถ้ำ ผมปิดท้ายภารกิจวันนี้ด้วยการขอติดตามไปส่งให้ถึงบ้านที่วิเศษชัยชาญ จะได้ครบเครื่องเรื่องการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมตามที่ครูประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้มาให้ เมื่อไปถึงก่อนอาทิตย์ลับฟ้าเพียงเล็กน้อย ได้เดินสำรวจความพร้อมสถานที่และอุปกรณ์ในการฝึกทำกายภาพบำบัดต่อเนื่องภายใต้การกำกับดูแลของทีมโรงพยาบาลอ่างทองที่ได้ประสานงานไว้ล่วงหน้า พร้อมให้ความมั่นใจกับทีมที่จะเป็นผู้ดูแลว่าไม่ต้องเป็นห่วงสุขภาพของทั้งตัวท่านและคนที่จะอยู่ด้วยในทุกๆ ด้าน หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารมื้อค่ำก็ได้เวลาที่จะลาจาก
ผมต้องดักคอปูตัวนี้ไว้ก่อนต่อหน้าคนในบ้านว่า แม้พ้นรั้วความเป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลศิริราชไปแล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงติดตามการรักษาใกล้ชิดต่อที่บ้านร่วมกับภาคการแพทย์ในท้องที่ จะหลีกลี้หนีเที่ยว (ไปทำงาน) ตามอำเภอใจก็ขอให้เกรงใจกันบ้าง นับเป็นการเสร็จสมขมวดปมพันธะสัญญาส่วนตัวที่หมายใจไว้ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ เป็นเวลารวม 82 วัน
ที่โชคชะตาชักนำให้คนสองคนที่ไม่คุ้นเคยกันมาก่อนได้มาพบเจอ แม้ผมจะเป็นรุ่นพี่เลือดสีน้ำเงินฟ้าหนึ่งปีในสำนักมัธยมปทุมคงคาก็ตาม นับเป็นความปิติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในความสำเร็จของทีมศิริราช กับการกอบกู้วิกฤตสุขภาพของบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของครอบครัววิจิตร์แสงศรี ของชาวสมุทรสาครและอีกหลายจังหวัดที่ท่านเคยปกครอง และของประชาชนทั่วไปที่ติดตามชื่นชมผลงาน ได้เวลาอันสมควรสำหรับการ “คืนปูสู่สาคร” ตามที่หลายคนเฝ้ารอคอย
ขอปิดท้ายด้วยถ้อยคำที่อยากฝากไว้กับทุกท่านที่หวังดีได้ตระหนัก โดยสมาชิกครอบครัวท่านได้นำไปแสดงให้เห็นชัดที่รั้วบ้าน ความว่า...
ด้วยนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร อยู่ในระหว่างพักฟื้นและทำกายภาพบำบัดร่างกายต่อที่บ้านภายใต้การติดตามของคณะแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช และเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน จึงขอให้งดการเข้าเยี่ยม
#คืนปูสู่สาคร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี