พระอธิการสุธรรม สุธัมโม เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ได้เทศนาธรรมหัวข้อ "แรงสามัคคีชาวพุทธคือหัวใจสร้างโรงพยาบาลสำเร็จ" ในโอกาสวันวางศิลาฤกษ์ "อาคารหลวงปู่บุญทัน ฐิตสีโล" ที่โรงพยาบาลบึงสามพัน อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา "แนวหน้าออนไลน์" นำมาถอดเทปเพื่อเป็นธรรมทาน นำเสนอเป็นตอนที่ 1
นะโม 3 จบ... "ปุพเพกตปุญญตา เอตัมมังคลมุตตะมันติ" วันนี้คณะศรัทธาญาติโยม ชาวพุทธเราท่านทั้งหลายที่มาพร้อมกัน ณ สถานที่แห่งนี้ก็ด้วยการปรารถถึงงานบุญวางศิลาฤกษ์สร้างอาคารโรงพยาบาลขึ้นมา ซึ่งมีองค์หลวงปู่บุญทัน ฐิตสีโล เป็นประธานในการก่อสร้าง
นับว่าเป็นบุญเป็นวาสนาของพวกเราอย่างยิ่งที่พวกเราได้มีโอกาสได้มีผู้นำในการก่อสร้าง เช่น หลวงปู่บุญทันฯ ซึ่งท่านเป็นพระที่มีความเมตตา มีความกรุณาแผ่กระจายไปยังศิษย์ยานุศิษย์อย่างมากมายก่ายกองโดยไม่จำกัดเพศใดหรือชั้นวรรณะใดเลย แต่ท่านมีเมตตากรุณาแผ่ออกไปอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งท่านมาเห็นความสำคัญถึงในเรื่องตึกอาคารโรงพยาบาล หรือ เครื่องมือแพทย์ต่างๆทั้งหลาย ซึ่งมีความจำเป็นในโรงพยาบาล แต่โรงพยาบาลบึงสามพันแห่งนี้ขัดเขินขาดแคลน ท่านจึงรับมาเป็นเจ้าภาพ เป็นประธานในการก่อสร้างตึกในครั้งนี้ ด้วยความทุ่มเท เอาจริงเอาจังของท่าน
ดังที่เราจะเห็นชัดเจนว่า หลวงปู่บุญทันฯ ท่านให้ความสำคัญ ในการสร้างตึกอาคารหลังนี้อย่างมาก อย่างที่เราได้สัมผัส เราได้พบเราได้เห็นมาตลอด นับตั้งแต่ครั้งที่ท่านปรารถถึงการสร้างตึกอาคารหลังนี้ขึ้นมา ท่านไม่เคยจืดจาง ในการคิด ในการปรุง หรือ ในการก่อสร้าง อาคารหลังนี้เลยแม้แต่วันเดียว ท่านให้ความสำคัญมาตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเราผู้เป็นศิษย์ยานุศิษย์ทั้งหลาย
ถ้าพวกเราได้ร่วมไม้ร่วมมือพร้อมเพรียงกัน ร่วมกันสนับสนุนองค์หลวงปู่บุญทันฯ ตามกำลังความสามารถของเราแต่ละท่าน แต่ละคน ไม่ว่าจะสนับสนุนกับท่านด้วยกำลังทุนทรัพย์ หรือ ด้วยกำลังกาย กำลังความคิดก็ตาม สิ่งที่พวกเราได้ร่วมกันมานั่นแหละ จะรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นอาคารหลังนี้ขึ้นมา สำเร็จด้วยความเรียบร้อยสวยงามได้อย่างแน่นอน การที่พวกเรามีโอกาสในการสร้างตึกอาคารโรงพยาบาลขึ้นมานั้น จึงนับว่าเป็นบุญเป็นกุศลอย่างมหาศาล เพราะบุญนี้จะก่อเกิดเป็นประโยชน์อีกมากมายก่ายกองเหลือจะคณานับ เพราะคนเรานั้น เมื่อถึงเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว ไม่ว่าเขาหรือเรา จะเหมือนกันทุกท่านทุกคน เมื่อถึงโอกาสกาลเวลาที่เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาแล้ว ผู้เจ็บไข้ได้ป่วยไม่สามารถที่จะพึ่งพาอาศัยตัวเองได้ สิ่งแรกที่ผู้เจ็บไข้ได้ป่วยจะคิดถึงในเบื้องต้น ก็คือ คิดถึงหมอ คิดถึงโรงพยาบาล
แต่เมื่อผู้เจ็บไข้ได้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลแล้ว พบแต่อาคารเก่าแก่โกโรโกโส หมอ พยาบาลต่างๆ เครื่องไม้เครื่องมืออะไรต่างๆก็เก่าแก่ คร่ำคร่า หาความทันสมัยไม่ได้เลย มีแต่ความคร่ำคร่า มีแต่ความล้าสมัย มีแต่ความรกรุงรัง เรามาพิจาณาดูว่า เมื่อคนไข้มาประสบสัมผัสอย่างนั้น คนไข้จะมีความรู้สึกอย่างไร เพียงแค่เรายกเอาตัวของเราเองขึ้นมาเท่านั้นว่า ถ้าเราเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว เราไม่สามารถพึ่งพาอาศัยตัวของเราเองได้ เราก็หวังวางความเจ็บป่วยของเราไว้ให้แก่หมอให้แก่พยาบาล เป็นผู้ดูแลเป็นผู้เยียวยารักษา
แต่พอเรามาถึงโรงพยาบาลเท่านั้น หมอก็หาไว้ใจได้ ตึกอาคารก็เก่าๆคร่ำคร่า รกรุงรัง หาที่ทันสมัย หาที่สวยงามไม่มีเลย เชื่อเลยว่าหัวจิตหัวใจของเราจะตกลงไปอยู่ตาตุ่ม หมดกำลังจิตกำลังใจ ไม่มีความเชื่อมั่นในโรงพยาบาลนั้น ไม่มีความเชื่อมั่นในหมอ และ สถานที่นั้น เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว จิตใจที่หมดที่ยึดเหนี่ยวที่พึ่งก็ย่อมว้าเหว่ ย่อมวิตก ย่อมกังวล พอความวิตก ความว้าเหว่ ความกังวล เข้ามาครอบงำจิตใจของคนไข้ ความเจ็บไข้ได้ป่วยที่เป็นอยู่แล้วนั้นย่อมกำเริบขึ้นมาอีกมากมายก่ายกองอีกแน่นอน
เมื่อจิตใจของคนไข้ตกต่ำลง ก็ทำให้โรคภัยไข้เจ็บมีกำลังเพิ่มพูนมากขึ้น ผลที่สุดแทนที่คนไข้จะเข้ามาในโรงพยาบาล ได้ที่พึ่งอาศัย กลับกลายเป็นเข้ามาในโรงพยาบาลกลับถูกทับถม ให้ความเจ็บไข้ได้ป่วยหนักขึ้นไปอีก แต่ถ้าหากคนไข้ไม่ว่าเราหรือเขา ได้เข้าไปเมื่อถึงหนทางเวลาเจ็บป่วย เราได้เข้าถึงโรงพยาบาล มีตึกอันทันสมัยโก้หรู มีเครื่องไม้ เครื่องมือพร้อม มีหมอ ที่จะคอยต้อนรับดูแลพวกเราคนไข้อย่างสมบูรณ์
เมื่อเราผู้เป็นคนไข้เข้าไปประสบพบอย่างนั้นเท่านั้น จิตใจก็ฟูเฟื่องขึ้นมา พองขึ้นมาด้วยความมั่นใจ ในโรงพยาบาล ในหมอ ในเครื่องไม้เครื่องมือทั้งหลาย เมื่อกำลังจิตกำลังใจของเราฟูเฟื่องขึ้น ความเจ็บไข้ได้ป่วยที่ครอบงำเรือนกายของเราอยู่นั้นก็ย่อมอ่อนกำลังลงเพราะเรามีกำลังจิตกำลังใจที่จะเข้าไปกำจัดความเจ็บไข้ได้ป่วยเหล่านั้นให้เบาบางจางลงไป และ พอส่วนมาถึงมือหมอ หมอก็ตรวจตราดูแลคนป่วย ด้วยเครื่องไม้เครื่องมืออันทันสมัน มีหยูกมียาพร้อม ต่อการจ่ายให้แก่คนไข้ เชื่อเถอะว่าคนไข้ที่ได้เข้ามาอาศัยในโรงพยาบาลที่มีความพร้อมอย่างนั้น ความเจ็บไข้ได้ป่วยก็ย่อมหายไป ให้คนไข้มีกำลังจิตกำลังใจในการดูแลรักษาความเจ็บไข้ได้ป่วยของคนอื่นต่อไป
เพราะฉะนั้นการที่พวกเราท่านทั้งหลายได้มาร่วมมือกันร้อมเพรียงกันสนับสนุนองค์หลวงปู่บุญทันฯ ในการก่อสร้างตึกอาคารหลังนี้ให้เสร็จลุล่วงไป ด้วยความพร้อมเพรียงสมัครสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว เชื่อเถอะว่า เมื่อตึกอาคารหลังนี้สำเร็จขึ้นมา มีความพร้อมที่จะรับคนไข้ ที่จะเข้ามาอาศัยในโรงพยาบาลแห่งนี้ เขาย่อมมีที่พึ่งได้อย่างดียิ่ง ทำให้คนไข้นั้น มีกำลังจิตกำลังใจที่จะดูแลรักษาความเจ็บไข้ได้ป่วยของตนเองได้อย่างสมบูรณ์ จนกระทั่งความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น ถูกการรักษาถูกการชำระให้เบาบางจางออกไปจนกระทั่งถึงหายได้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ที่พวกเราได้กระทำนั้น จึงนับว่าเป็นบุญเป็นกุศลอย่างมหาศาล เพราะจะเป็นที่พึ่งของคนเจ็บไข้ได้ป่วยอีกมากมายก่ายกองไม่เว้นแม้กระทั่งพวกเรา
เมื่อถึงคราวใดที่พวกเราเจ็บไข้ได้ป่วย เราก็จะมีสถานที่ มีอาคาร มีหมอ มีเครื่องไม้เครื่องมือ เป็นที่พึ่งในการดูแลรักษาความเจ็บไข้ได้ป่วยของเราเอง หรือ ในเครือญาติก็อาจเป็นไปได้ เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ไม่มีเครื่องหมายยืนยันเลยว่า บุคคลผู้นั้น บุคคลผู้นี้จะไม่เจ็บไข้ได้ป่วย แต่ความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นเป็นของธรรมดา มีอยู่ทุกเรือนกาย และก็ก่อเกิดได้ทุกกาลทุกเวลาด้วย เพราะฉะนั้นเพื่อความไม่ประมาท
ทั้งๆ ที่พวกเราเองก็ไม่ได้คิดกันแค่ปรารถนาเพียงแค่เราร่วมกันก่อสร้างให้เป็นที่พึ่งของเราเองหรือเครือญาติของเรา แต่ความคิดของเรานั้นกว้างไกลออกไปอย่างไม่มีประมาณ เพื่อให้เป็นที่พึ่งที่ดูแลรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างไม่เลือกชนชั้นวรรณะว่าเพียงแค่เมื่อเขาเจ็บไข้ได้ป่วยก็มีสถานที่นี้เปิดโอกาสให้เขาเข้ามารักษาได้
นี่แหละความคิดอันกว้างไกลด้วยน้ำจิตน้ำใจของพวกเราเองนี้จึงว่าเป็นบุญเป็นกุศลอย่างมหาศาล เพราะชีวิตของพวกเรานั้น ที่เราแม้เกิดมาคนเดียวก็ถูกต้อง แต่เราไม่สามารถอยู่คนเดียวในสังคมนี้ได้ เพราะมนุษย์เรานี้เป็นสัตว์ฝูง แตกต่างจากสัตว์เดรัจฉานบางประเภทเกิดขึ้นมาตัวเดียว สามารถอยู่เพียงผู้เดียวตลอดชีวิตได้ แต่มนุษย์เราไม่เป็นอย่างนั้น มนุษย์เราต้องอยู่เป็นหมู่ เป็นคณะ แบบหมู่คณะเล็กๆก็คือ ในครอบครัวเป็นต้นไป จนถึงหมู่คณะกว้างไกลออกไปเป็นหมู่คณะในวงงาน ในวงสังคม ในประเทศ ฃชาติ ทีนี้การอยู่ร่วมกันของพวกเราที่จะมีความอบอุ่น มีความร่มเย็น ในการอยู่ร่วมกันดังที่พวกเราปรารถนาได้นั้น พวกเราทุกคนต้องเปิดจิตเปิดใจถึงความมีน้ำใจน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่สงเคราะห์เจือจางเผื่อแผ่ไปสู่ผู้อื่นเขา เพราะความมีน้ำจิตน้ำใจนี่แหละ ที่จะเป็นตัวผูกพัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี