เปิดใจ 2 หนุ่ม นศ. DPU ทำงาน ‘GIG’ รับจ้างอิสระตัวเลือกในยุคโควิด19

เปิดใจ 2 หนุ่ม นศ. DPU ทำงาน ‘GIG’ รับจ้างอิสระตัวเลือกในยุคโควิด19

วันอาทิตย์ ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2564, 09.26 น.

ก่อนอื่นเลยคำว่า “กิ๊ก” หรือ “Gig” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง "การแอบไปกุ๊กกิ๊กกับอีกคนลับหลังแฟน" แต่เป็นคำพ้องเสียงของคำว่า "Gig" ที่เป็นคำแสลงในภาษาอังกฤษ อ้างถึงการรับจ้างแสดงเป็นครั้งคราวของวงดนตรี และมีที่มาจากคำว่า Gig worker ที่หมายถึง “ผู้รับจ้างอิสระรายครั้ง” ตามคำนิยามของ Gig ในพจนานุกรมอ๊อกฟอร์ดว่า “a job, especially a temporary one” ที่หมายถึง งานๆ หนึ่งที่เป็นงานชั่วคราว เป็นการทำงานที่จบเป็นครั้งๆ และสามารถทำงานร่วมกับหลากหลายองค์กร (McKinsey & Company, 2015) สร้างอิสระให้กับผู้ทำงาน ในสังคมไทยไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เพราะมีบางอาชีพที่มีลักษณะการทำงานคล้ายคลึงกันมานานแล้ว เช่น มัคคุเทศก์ ล่าม และแท๊กซี่ 

 



สาเหตุของการเป็นกิ๊ก

อาชีพรับจ้างอิสระรายครั้งหรือกิ๊ก แม้จะเป็นงานที่มีมานานแล้ว แต่กระแสของกิ๊กเพิ่งเกิดการตื่นตัวในวงกว้างในปี 2009 ช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจซับไพรม์ (Subprime crisis) ที่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจทั่วโลกทำให้คนเป็นจำนวนมากตกงานและมองหางานอิสระทำเพื่อสร้างรายได้ทดแทน งานอิสระที่ทำส่วนใหญ่เป็นงานที่ไม่ซับซ้อน ไม่มีสัญญาการจ้างงานที่ชัดเจน และงานที่มอบหมายเป็นงานรับจ้างที่จบแบบเป็นคราวๆ ไป สร้างการกระจายรายได้ เกิดเป็นระบบเศรษฐศาสตร์กิ๊ก (Gig economy) ที่ผู้รับงานสามารถเลือกทำงานตามเวลาที่สะดวกและจบงานในระยะสั้นแบบไม่มีการผูกมัด ผลการสำรวจของ McKinsey Global Institute (2016) พบว่า 1 ใน 4 หรือประมาณ 162 ล้านคนของประชากรชาวอเมริกันและยุโรป 15 ประเทศ นิยมรับจ้างทำงานอิสระรายครั้ง ซึ่งสัมพันธ์กับผลสำรวจของ Economic Intelligence Center (2017) ของธนาคาไทยพาณิชย์ที่พบว่า ร้อยละ 30 ของคนวัยทำงานชาวไทยก็นิยมรับจ้างอิสระรายครั้งเช่นกัน โดยงานที่นิยมรับทำ คือ งานรับจ้างทั่วไป เช่น งาน casual รับจ้างเสิร์ฟอาหารในงานจัดเลี้ยงของโรงแรม แต่ที่น่าสนใจคือ ร้อยละ 86 ของชาวไทยที่ทำงานประจำต้องการลาออกจากงาน เพื่อมาทำงานอิสระรายครั้งหรือที่เรียกว่ากิ๊ก

 



ความสำคัญของการเป็นกิ๊ก

ในยุคดิจิทัลที่ธุรกิจและหลายสิ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ต ระบบเศรษฐศาสตร์กิ๊กได้เปลี่ยนแบบจำลองธุรกิจเดิมและยกระดับสัดส่วนทางเศรษฐกิจใหม่ (Burtch et al., 2018; Lee and Lee, 2020) ส่งผลให้ผู้รับจ้างอิสระรายครั้งหรือกิ๊กขายแรงงานผ่านทางแอพลิเคชั่นหรือแพลตฟอร์ม (Taylor et al., 2017, p.23) ที่ถือเป็นแหล่งหางานสำคัญ ที่รวบรวมงานจำนวนมากไว้ให้เลือกรับงานตามอัธยาศัย บุคคลทั่วไปสามารถรับงานได้รวมทั้งพนักงานงานประจำที่ทำงานเต็มเวลาก็สามารถเลือกรับงานในวันหยุด หรือนอกเวลาการทำงานได้เช่นกัน ธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จอย่างเห็นได้ชัดก่อนวิกฤตการณ์โควิด-19 เกิด คือ ธุรกิจแท๊กซี่บริการโดยรถส่วนบุคคลของ Uber และธุรกิจที่พักโดยบ้านหรือคอนโดส่วนบุคคลของ Airbnb ถือเป็นการเปลี่ยนรูปแบบจำลองของธุรกิจอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่หมดสิ้นไป ธุรกิจรับจ้างอิสระรายครั้งหรือกิ๊กกลับเป็นที่สนใจและเติบโตขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่ โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งอาหารที่สร้างมูลค่ากว่า 94,385 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกเป็นร้อยละ 9.3 ในปีถัดไป

 

 

2 หนุ่มนักศึกษา หันมาทำงานกิ๊ก

“กรกฏ ไชยคำ” ศิษย์เก่า และ “ชาญวิทย์ กุดกัญยา” นักศึกษาปี 4 หลักสูตรการโรงแรม คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ 2 หนุ่มที่เลือกทำงานอิสระรายครั้งหรือกิ๊ก ในรูปแบบของ “พนักงานขนส่งอาหาร (Food Rider)” ในระหว่างการเป็นนักศึกษา ทั้งสองมีความคล้ายกันในการทำงานกิ๊กอย่างน่าสนใจ จากการให้สัมภาษณ์กับ ผศ.ธารีทิพย์ ทากิ อาจารย์ประจำหลักสูตรการโรงแรม สองหนุ่มกล่าวว่า ได้เริ่มต้นการหารายได้ระหว่างการเรียนด้วยการทำงาน Part-time ตามร้านอาหาร Fast food เพราะสามารถเลือกทำงานในวันที่ไม่มีเรียนได้ กระทั่งทั้งคู่หันมาใช้บริการสั่งอาหารผ่านแอพลิเคชั่นตามกระแสการบริโภคยุควิถีใหม่ (New normal) และเห็นว่าบริษัทขนส่งเหล่านี้เปิดรับสมัครงาน Food rider จึงเกิดความสนใจเพราะต่างมีมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ขี่มาเรียนอยู่แล้ว อีกทั้งเนื้องานยังมีความยืดหยุ่นสูงกว่างาน Part-time สามารถเลือกงานที่ต้องการทำได้ เป็นนายตัวเอง และที่สำคัญคือ ได้รับผลตอบแทนมากกว่างาน Part-time เมื่อเทียบจำนวนชั่วโมงการทำงานที่เท่ากัน  จึงต่างตัดสินใจยุติงาน Part-time และเปลี่ยนมารับจ้างทำงานกิ๊ก ที่อาจเรียกว่าเป็นงาน Anytime ก็ว่าได้ คือ เลือกทำเวลาใดก็ได้แทน

 


สิ่งดีๆ ที่คลิก  กิ๊กแต่ไม่ก๊อก

เมื่อถูกถามว่า อะไรคือสิ่งสำคัญที่เลือกทำงานกิ๊ก คำตอบที่ได้ยินชัดเจนเป็นคำแรกจากทั้งสอง คือ ผลตอบแทน ตั้งแต่ปี 1 จนถึงปี 4 ของ ชาญวิทย์ และ หลังจากจบการศึกษาจนมีงานประจำทำของ กรกฏ ทั้งสองเล่าว่า ไม่เคยมีปีไหนที่หยุดการทำงานกิ๊กเลย ทั้งคู่สามารถทำงานควบคู่ไปกับการเรียน สร้างรายได้จาก ค่ารอบ ที่มากพอสำหรับค่าเล่าเรียน รวมถึงได้รับสวัสดิการเสริมอื่นๆ เช่น การประกันอุบัติเหตุ การฝึกอบรม หรือ Incentives ในรูปของเบี้ยขยันและโบนัสจากการประเมินคุณภาพการบริการของลูกค้า ถ้ารับจ้างทำงานจำนวนมากพอและบริการดีจนเป็นที่พอใจ 

 



ความรู้สร้างได้ ทั้งในและนอกห้องเรียน

"การทำงานกิ๊กในฐานะ Food Rider ไม่เพียงสร้างประสบการณ์ใหม่และรายได้ที่ดี นอกห้องเรียน แต่ยังเปิดโอกาสให้ทั้งคู่นำความรู้จาก ในห้องเรียน มาประยุกต์ใช้ควบคู่กับการทำงาน เพื่อเข้าใจถึงความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าแต่ละคน โดยรายวิชาจากหลักสูตรการโรงแรมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ จิตวิทยาการบริการ พฤติกรรมผู้บริโภค และการจัดการธุรกิจร้านอาหาร ดังนั้น ถ้าเปรียบ ผลตอบแทน เป็นสิ่งสำคัญของการทำงานกิ๊ก ลูกค้า ก็เปรียบเป็น เสน่ห์ ที่ทำให้หนุ่มนักศึกษาทั้งสองหลงใหลกับการทำงานนี้ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนและมลภาวะบนท้องถนน ทั้งคู่จะรู้สึกหายเหนื่อยทุกครั้งเมื่อได้รับน้ำใจและไมตรีจาก ลูกค้า ซึ่งบ้างก็ปันน้ำ บ้างก็แบ่งขนม และบ้างก็ให้ทิป และเมื่อถูกถามถึงอุบัติเหตุ ทั้งคู่บอกว่ายังไม่เคยประสบอุบัติเหตุใดๆ แต่ก็ไม่ได้ประมาทและเตือนตัวเองในเรื่องการขับขี่เสมอ เมื่อถามถึงอนาคตและความมั่นคงในการทำงานกิ๊ก ทั้งคู่คิดเห็นตรงกันว่า แม้มีงานประจำที่ดีทำ ก็ตั้งใจว่าจะยังคงทำงานกิ๊กควบคู่ไปเรื่อยๆ โดยไม่สามารถบอกได้ว่าจะยุติการทำงานกิ๊กเมื่อใด และเข้าใจดีว่าการทำงานกิ๊กนั้นเป็นเพียง “ทางเลือกหนึ่ง” ไม่ได้คาดหวังว่าต้องได้รับการดูแลเสมือนเป็นพนักงานในระบบ แม้จะไม่มั่นคง แต่มั่นใจว่าเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งในวิถีชีวิตใหม่ (New Normal)" สองหนุ่มนักศึกษากล่าวทิ้งท้าย

 

 

การเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วยไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีวินัยและความตั้งใจที่สูง เพื่อสามารถทำเรื่องทั้งสองอย่างให้ผ่านไปด้วยดี เชื่อว่าเรื่องราวประสบการณ์การเรียนและทำงานไปด้วยของทั้งคู่ จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครๆ อีกหลายคนที่ต้องทำทั้งสองงานในเวลาเดียวกัน

 

 

เรื่องโดย ผศ.ธารีทิพย์ ทากิ อาจารย์ประจำคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top