จากสถานการณ์ COVID 19 รอบ 3 ในประเทศไทย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นผู้ป่วยยืนยันสะสมวันที่ 19 เม.ย.64 จำนวน 43,742 ราย ติดเชื้อในประเทศ 40,502 ราย ตรวจคัดกรองเชิงรุก 20,594 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 3,240 ราย สถานที่กักกันตัวที่รัฐจัดให้ 2,611 ราย โดยเฉพาะมีพื้นที่ควบคุม ระดับที่ 1 พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) จำนวน 18 จังหวัด ระดับที่ 2 พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จำนวน 59 จังหวัด นั้น
ทำให้คนไทยมีความหวาดกลัวโรค COVID 19 มากขึ้นและต่อเนื่อง จึงได้พยายามติดตามข้อมูลจากทางข่าวสังคมออนไลน์ พบว่า สมุนไพรฟ้าทะลายโจรสามารถรักษาโรค COVID 19 ได้ ทำให้ประชาชนเริ่มเดินทางหาซื้อสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรอย่างต่อเนื่อง และจากกาตรวจสอบพบว่า มีผู้สนใจฟ้าทะลายโจรจากจังหวัดต่าง ๆ ทั้งในพื้นที่สีแดงและพื้นที่สีส้มได้เดินทางไปซื้อฟ้าทะลายโจรจำนวนมาก ที่ทางโรงพยาบาลให้ผู้ต้องการซื้อได้รายละ 3 กล่อง แต่เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากต้องการซื้อไปกักตุน ทางโรงพยาบาลจึงได้จำกัดการซื้อเหลือรายละ 1 กล่องเท่านั้น
ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ศูนย์การแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวในเรื่องนี้ว่า ขณะนี้เราก็มีสินค้าจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคที่สนใจ ยังไม่ขาดตลาด แต่เราจำกัดการซื้อ เรามีข้อกังวลว่า เราจะนำไปรับประทานกันมาก ๆ จะมีผลกับการทำงานของตับและไต ในส่วนที่จะเตือนผู้บริโภคก็คือ ตัวฟ้าทะลายโจรมีการแชร์ทั้งขอเท็จจริงและเรื่องข้อที่ไม่จริง ค่อนข้างมาก ฟ้าทะลายโจรตั้งแต่การระบาดครั้งที่ 1,2,3 ทางโรงพยาบาลก็มีการนำฟ้าทะลายโจรไปใช้กับผู้ป่วยโควิดจริง แต่ใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการน้อย ๆ และทุกรายก็หายกลับบ้านได้ อาการข้างเคียงแทบไม่มีเลย
แต่ทางการแพทย์ที่ผู้ป่วยกลับบ้านไปได้ หรือหายก็เกิดจากฟ้าทะลายโจรก็ค่อนข้างลำบาก เวลาที่ผู้ป่วยอยู่โรงพยาบาล ก็ได้รับการดูแลแบบอื่น ๆ ได้รับการพักผ่อนด้วย หรือตัวโรคก็อาจจะหายได้เองอยู่แล้ว ตรงนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานว่า ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดได้ แต่ก็มีส่วนช่วยให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้น แต่ที่สัมผัสกับการแพทย์แผนไทยก็มีการศึกษา โดยแบ่งผู้ป่วยเป็น 2 กลุ่ม คือ ผู้ป่วยโควิดที่อาการน้อย กลุ่มแรกได้ยาหลอก กลุ่มที่สองได้ฟ้าทะลายโจร ตอนนี้เก็บข้อมูลเสร็จแล้ว กำลังวิเคราะห์ผล อีกไม่นานก็คงจะทราบว่าอาการของผู้ป่วยที่ดีขึ้นในกลุ่มไหนมากกว่ากัน ก็ต้องรอผลต่อไป
ณ วันนี้ถ้าท่านอยู่ที่บ้าน และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ป่วยโควิด 19 ทางกระทรวงสาธารณสุขยังสามารถรับผู้ป่วยมาสู่ระบบบริการได้ จะเป็นโรงพยาบาล Hospital หรือโรงพยาบาลสนาม ก็ขอให้ผู้ป่วยไปตามแผนการรักษาเลย ทางโรงพยาบาลก็อาจให้ฟ้าทะลายโจร แต่สำหรับท่านผู้ป่วยที่อยู่ที่บ้าน ถ้ามีอาการเจ็บคอ เป็นไข้ ก็ทานฟ้าทะลายโจรได้ พอหายแล้วก็หยุดได้
ในเรื่องของการป้องกัน ในเฟสที่ 1 ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และกรมการแพทย์แผนไทยก็เอาตัวเซลล์และสารสกัดฟ้าทะลายโจร คือสารแอนโดรกราโฟไลด์ ซึ่งเป็นสาระสำคัญในฟ้าทะลายโจร พบว่าตัวเชื้อยังสามารหลุดเข้าไปในเซลล์ได้หมายถึงฟ้าทะลายโจรที่เรากินอาจจะไม่ได้ทำให้เชื้อไม่เข้าเซลได้
ยังมีการศึกษาอีกชุดหนึ่งที่มีโอกาสเป็นไปได้ คือการเสริมภูมิคุ้มกันแต่อย่างไรก็ตามปัญหาของการศึกษาในปัจจุบันเรายังไม่มีขนาดโด๊ส หรือขนาดยาที่ใช้ฟ้าทะลายโจรในคนแล้วบอกว่าขนาดนี้ ได้ผลในการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อโควิด 19
ข้อแนะนำในการรับประทาน ก็ควรรับประทานขนาด 7.2 มก./วัน/5 วัน/สัปดาห์ ติดต่อกัน 3 เดือนก็พบว่าอัตราการเป็นหวัดลดลง แต่เป็นหวัดธรรมดา ไม้ใช่โควิด 19 ฉะนั้นคำแนะนำในปัจจุบัน ซึ่งโควิด 19 เป็นโรคระบาดใหม่ อาการในระลอก 1 ,2 ก็มีอาการต่างกันมาก วิธีที่ดีที่สุดคือ หนึ่งสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย พักผ่อน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และรับแสงแดดอย่างที่สอง คือการไม่รับเชื้อเข้ามา ลดการเดินทาง ใสแมส ล้างมือ
สองอย่างนี้เป็นเกราะที่ดีมากในเรื่องของการป้องกันโควิด 19 ถ้าท่านใดที่รับประทานฟ้าทะลายโจรอยู่เพื่อป้องกัน อันนี้ไม่มีหลักฐานแต่หากจะรับประทานต่อขอความกรุณาใช้ขนาดที่ต่ำมาก ๆไม่จำเป็นต้องใช้สารสกัดที่มีขนาดสูง ๆ เพราอาจมีผลต่อการทำงานของตับและไตซึ่งคุณหมอหลายท่านก็มีความกังวล ถ้าท่านเป็นโควิด 19 จริง ต้องใช้ยาต้านไวรัสถ้าตับเสียไปแล้วก็ยุ่งยากมากในการรักษา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี