28 เม.ย. 2564 เฟซบุ๊กแฟนเพจ “บำนาญแห่งชาติ” ของเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ เผยแพร่บทความมีเนื้อหาดังนี้
"คนไทยให้ความสำคัญกับการออมมากขึ้น โดยเหตุผลอันดับ 1 เก็บไว้ใช้ยามชรา แต่ถ้าเกิดวิกฤตขึ้นมาคนส่วนใหญ่มีเงินออมมาใช้จ่ายได้ไม่ถึง 1 ปี ทางที่ดีรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการสร้างสวัสดิการพื้นฐานทางรายได้ให้กับประชาชน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้อีกทางหนึ่งด้วย"
....
#เพจบำนาญแห่งชาติ ของ #เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ ไปค้นหาข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ทำการสำรวจ “การติดตามระดับความรู้และการเข้าถึงบริการทางการเงินของครัวเรือน” โดยเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือน ต.ค. - ธ.ค. 2563 จากครัวเรือนตัวอย่างทุกจังหวัดทั่วประเทศทั้งในเขตเทศบาลและนอกเขตเทศบาล จำนวน 13,992 ครัวเรือน
...
พบว่าครัวเรือนไทยมีการออมเงินสูงถึงร้อยละ 74.1 ส่วนครัวเรือนที่ไม่มีเงินออมมีเพียงร้อยละ 25.9 เมื่อเปรียบเทียบการออมในระยะเวลา 5 ปี คือ ปี 2559 – 2563 พบว่าสัดส่วนของครัวเรือนมีการเก็บออมเพิ่มสูงขึ้น โดยในปี 2563 เพิ่มจากปี 2559 กว่าร้อยละ 7.4
...
วัตถุประสงค์ในการออม 3 อันดับแรก พบว่าอันดับแรกร้อยละ 42.8 เก็บออมเพื่อใช้จ่ายในยามชราหรือเกษียณอายุ อันดับ 2 ร้อยละ 33.8 เพื่อใช้จ่ายยามฉุกเฉิน/เจ็บป่วย และอันดับ 3 ร้อยละ 15.3 เพื่อบริหารรายรับ รายจ่ายตามฤดูกาล และการศึกษา
...
แต่พอมาดูข้อมูลของการนำเงินออมมาใช้ดำรงชีพเมื่อต้องหยุดทำงานกะทันหันโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา (เหมือนที่ใครหลายคนเจอในตอนนี้จากโควิด – 19) พบว่าครัวเรือนกว่าร้อยละ 54.1 ของผลสำรวจสามารถนำเงินออมมาใช้ดำรงชีพได้น้อยกว่า 1 ปี รองลงร้อยละ 10.5 นำเงินออมมาดำรงชีพได้ตั้งแต่ 1 - 5 ปี ถัดมาร้อยละ 2.3 นำเงินออมมาดำรงได้ตั้งแต่ 6 – 10 ปี ส่วนร้อยละ 0.4 สามารถนำเงินออมมาดำรงชีพได้ตั้งแต่ 11 – 20 ปี มีเพียงร้อยละ 0.1 ที่สามารถนำเงินออมมาดำรงชีพได้ตั้งแต่ 21 ปีเป็นต้นไป
...
อ้างอิงข้อมูล: http://www.nso.go.th/.../%E0%B8%81%E0%B8%B2.../Q4_2563.pdf
...
...
ดังนั้น การจะให้ประชาชน #พึ่งตนเอง ด้วยการออมเงินไว้ใช้ตอนสูงอายุเพียงอย่างเดียว ย่อมไม่ใช่แนวทางที่ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นคงในการใช้ชีวิตได้อย่างแน่นอน เพราะจากผลการสำรวจ พบว่าครัวเรือนไทยให้ความสำคัญกับการเก็บออมมากขึ้น แต่จำนวนเงินที่เก็บได้สามารถยังชีพในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับการดำรงชีพในอนาคตหากครัวเรือนหยุดการทำงานหรือตกงาน หรือต้องเข้าสู่วัยสูงอายุที่ศักยภาพในการทำงานลดลง
...
ทางที่ดีรัฐบาลควรนำเงินภาษีของประชาชนมาจัดสวัสดิการให้กับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นแนวทางหนึ่งในการสร้างความมั่นคงทางรายได้ที่ยั่งยืนให้กับประชาชน ถ้ารัฐบาลไม่รู้จะเริ่มทำเรื่องอะไร ให้เริ่มทำที่เรื่อง #บำนาญแห่งชาติ ก่อนเลย
...
#ขอเชิญชวน ประชาชนทุกคนมาร่วมกันแสดงความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติผู้สูงอายุและบำนาญพื้นฐานแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ. ....ของนางสาวรังสิมา รอดรัศมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกับคณะ และนายสมศักดิ์ คุณเงิน สมาชิกสภาผู้แทน เพื่อเป็นอีกช่องทางที่ส่งเสียงให้คนบริหารประเทศได้ทราบว่า “ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนต้องได้รับการดูแลจากรัฐให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีบนหลักการทั่วถึงเท่าเทียม ไม่ใช่จัดสรรให้แบบตามมีตามเกิดหรือแบบชิงโชคเหมือนที่เคยทำผ่านๆ มา”
...
แสดงความเห็นได้เลย: https://www.parliament.go.th/section77/survey_detail.php...
...
#บำนาญถ้วนหน้า #รัฐสวัสดิการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี