30 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีนางสาวอิสรีย์ อินทร์ไชยา อายุ 49 ปี หรืออู๋ อวดอ้างเป็นพระยาธรรมมิกราช ซึ่งตั้งตนเป็นภิกษุณีเจ้าสำนักในสถานปฏิบัติธรรมวิปัสสนา พระพุทธสิกขี ตั้งอยู่ เลขที่ 210 หมู่ 1 บ้านดงโชค ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม
โดยทางตำรวจได้นำหมายศาลเข้าจับกุมฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา พร้อมขยายผลจับกุมสาวก ที่ทำหน้าที่นายหน้าหาลูกค้าซื้อกองทุนผ้าป่า แบบคืนกำไรคล้ายแชร์ลูกโซ่ อีก 5 ราย รวมถูกจับกุมดำเนินคดี 6 ราย ส่วนผู้ตกเป็นเหยื่อรวมเกือบ 500 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
ล่าสุดวันที่ 30 เมษายน 2564 นอกจากพี่สาวแท้ๆที่ออกมาแฉพฤติกรรมลวงโลกของน้องสาวที่ตุ๋นเงินไปหลายล้าน ก็ยังมีคุณป้าอดีตเจ้าของที่ดิน ที่ขายให้ไปตั้งสำนักออกมาแฉพฤติกรรมซ้ำว่า เป็นการอุปโลกน์ ตัวเองเป็นผู้ถือศีล ทั้งที่ขาดศีลธรรมและหลอกลวงประชาชน อีกทั้งยังมีปัญหารุกที่ดิน รวมถึงมีเจ้าหนี้ติดตามไล่ทวงถาม กรณีนำที่ดินตั้งสำนักไปจำนองกับนายทุน แต่ไม่ยอมใช้หนี้ จนปัจจุบันถูกฟ้องยึดที่และขายทอดตลาด
โดยเรื่องดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจากนางแดง ปัญญาดี อายุ 61 ปี ชาวบ้านดงโชค หมู่ 1 ต.หนองญาติ ว่าเดิมนางสาวอิสรีย์ ขณะยังไม่นุ่งห่มด้วยจีวรแดง แต่งกายเหมือนคนปกติทั่วไป ปี 2557 ได้มาติดต่อขอซื้อที่ดินตน หลังทราบว่าตนอยากขายที่ดินจำนวน 7 ไร่ โดยบอกว่าซื้อไว้ปลูกบ้านธุรกิจโรงงานน้ำดื่ม จึงตกลงราคาขายให้ในราคา 1.3 ล้านบาท โดยจ่ายเป็นเงินสด ตนคิดว่าเขาคงมีเงินและธุรกิจส่วนตัวมาจากต่างจังหวัด พอซื้อที่ดินได้ประมาณ 2-3 ปี พบว่าพื้นที่ดังกล่าวถูกสร้างเป็นสำนักปฏิบัติธรรม แต่ตนไม่สนใจเพราะขายไปแล้ว และมารู้อีกทีว่านางสาวอิสรีย์ หรือ อู๋ บวชเป็นเจ้าสำนักแต่งกายป็นภิกษุณี แต่ไม่เคยเจอตัวเพราะเขาจะอยู่ในสำนักไม่ออกมาพบใคร
จนกระทั่งเมื่อปี 2563 ตนได้เข้าไปขอพบอรหันต์อู๋ เพราะเกิดปัญหาคือทางสำนักมีการรุกล้ำที่เข้ามาในพื้นที่ดินของตนประมาณ 1 ไร่เศษ เพื่อสร้างพระพุทธรูป และเตรียมจะสร้างกำแพงครอบเอาพื้นที่ ตนถือว่าไม่ถูกต้องจึงเข้าไปทักท้วง กลับถูกอรหันต์อู๋ด่าทอขั้นขึ้นมึงขึ้นกู ตนมองว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทั้งที่อ้างเป็นผู้ถือศีล จึงไม่นับถือกราบไหว้ และเชื่อว่าเป็นการอุปโลกน์ตนเองขึ้นมาเท่านั้น อีกทั้งยังมีพฤติกรรมพิรุธหลายอย่างเช่น ไม่มีการขออนุญาตเป็นปฏิบัติธรรม แต่กลับมีพระและแม่ชีอยู่ร่วมกัน ไม่เปิดเผยให้คนภายนอกเข้าไปรับรู้ สุดท้ายเกิดปัญหาขึ้นจริง ซึ่งในเรื่องที่ดินถูกรุกล้ำ ตนได้แจ้งความและให้ที่ดินออกมาสอบแนวเขตเพื่อรักษาสิทธิ์แล้ว หากไม่มีการคืนจะดำเนินคดีถึงที่สุด
นางแดง เล่าต่อว่า ล่าสุดเรื่องไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะมีนายทุนได้มาติดต่อให้ข้อมูลตนอีกว่า พื้นที่ดิน 7 ไร่เศษที่ขายให้นั้น นางสาวอิสรีย์นำไปจำนองไว้กับนายทุน ตั้งแต่ปี 2559 ในราคา 3.5 ล้านบาท ยังไม่รวมดอกเบี้ย จนปัจจุบันยังไม่มีการใช้หนี้คืน และหลบหน้าเจ้าหนี้ตลอด จนกระทั่งมีการฟ้องร้องทางแพ่งเมื่อปี 2561 จุดท้ายศาลจังหวัดนครพนม สั่งให้บังคับคดีขายทอดตลาด แต่ยังขายไม่ได้
โดยทางนายทุนรู้สึกหนักใจมาก เพราะอรหันต์อู๋ถูกจับดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ส่วนที่ได้ประกาศขายทอดตลาดแต่ยังไม่มีคนสนใจ เพราะในพื้นที่สร้างเป็นสำนักคล้ายวัด มีสิ่งปลูกสร้างเป็นพระพุทธรูปส่วนใหญ่ จึงไม่รู้ว่าจะมีใครกล้ามาซื้อบ้าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี