วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
ส่องวิธีการ ‘ตีผึ้ง’ ในแบบภูมิปัญญากะเหรี่ยงสยบความดุร้ายอยู่หมัด

ส่องวิธีการ ‘ตีผึ้ง’ ในแบบภูมิปัญญากะเหรี่ยงสยบความดุร้ายอยู่หมัด

วันศุกร์ ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564, 15.12 น.
Tag : น้ำผึ้งเดือนห้าม ผึ้้ง เรื่องชาวบ้าน
  •  

เข้าสู่เดือนห้าของทุกปี... คนที่อยู่ป่าจะรู้ดีว่าาเป็นฤดูแห่งการหา "น้ำผึง" โดยการเล่าเรื่อองราวผ่าน "นิยม คนเที่ยวไพร" ว่า "พวกผมกับลุงๆ จะรวมตัวกันเพื่อเตรียมตัวไปตีผึ้ง โดยสิ่งแรกที่ต้องทำคือ การส่งเพื่อนไปดูต้นผึ้งก่อน ว่าปีนี้มีผึ้งขึ้นทำรังเยอะแค่ไหน แต่คนที่จะไปต้องมีความรู้เพราะต้องสังเกตว่าน้ำผึ้งนั้นมีมากแค่ไหน และรังผึ้งแก่พร้อมที่จะให้น้ำผึ้งหรือยัง" 

การที่ผึ้งจะเยอะหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศเป็นสำคัญ ถ้าปีไหนฝนตก อากาศเย็น ไม่มีไฟไหม้ป่า ปีนั้นจะทำให้ผึ้งขึ้นเยอะ และปริมาณน้ำผึ้งก็เยอะตามด้วย แต่ถ้าปีไหนอากาศร้อนจัด ฝนไม่ค่อยตก ที่สำคัญคือมีไฟไหม้ป่าบริเวณที่มีต้นผึ้ง ก็จะทำไห้ปีนั้นผึ้งขึ้นรังน้อย ดังนั้นคนกะเหรี่ยงจึงดูแลป่าไม่ให้ไฟไหม้


 

 

เมื่อส่งทีมไปดูต้นผึ้งแล้วก็ต้องมาวางแผนกันว่าจะไปตีต้นไหนก่อน เพื่อวางแผนในการเดินทางและลำเลียง หลังจากนั้นจึงเตรียมเหลา “ลูกทอย” ลูกทอยทำจากไม้ไผ่เพื่อใช้ตอกต้นไม้และปีนขึ้นต้นผึ้ง ผมและเพื่อนๆ ต่างล้อมวงเพื่อเหลาลูกทอยกันอย่างสนุกสนาน โดยต้นผึ้งแต่ละต้นนั้นต้องใช้ลูกทอย 400-500 ตัว  ขึ้นอยู่กับขนาดของลำต้น และแต่ละกิ่งของต้นผึ้งที่จะปีนขึ้นไปให้ถึงรังผึ้ง หลังจากที่เหลาลูกทอยเสร็จแล้วต้องนำไปตากไฟอ่อนๆ ให้แห้ง เป็นเวลาหนึ่งคืนเพื่อไล่ความชื้นและเพิ่มความเหนียว

เมื่อเตรียมลูกทอยเสร็จ พร้อมที่จะตอกต้นผึ้งแล้ว พวกเราต่างเตรียมเสบียงในการดำรงชีพในป่าพร้อมอุปกรณ์การตีผึ้งอื่น เช่น เชือก มีด ถังปีบ ไฟฉาย เปล  ยารักษาโรคต่างๆ ข้าวสารอาหารแห้ง และแจกจ่ายลูกทอยที่เตรียมไว้สำหรับผึ้งต้นแรก ก่อนออกเดินทางกัน พวกเราเดินเท้าเข้าป่าโดยแบกอุปกรณ์ที่อยู่ในเป้ที่เตรียมกันไว้ น้ำหนักคนละ 17 ถึง 20 กิโลกรัม โดยแรกๆที่แบกนั้น มันไม่หนักสักเท่าไหร่แต่ถ้าคุณต้องแบกขึ้นเขา ลงห้วย มุดป่า มุดขอนไม้ เป็นเวลา หลายๆชั่วโมง มันจะเริ่มค่อยๆหนักขึ้นๆ ตามระยะทางที่คุณเดิน 

 

 

พวกเราเริ่มเดินเท้าตั้งแต่ 7 โมงเช้า กว่าจะถึงต้นผึ้งต้นแรกก็เป็นเวลา 4 โมงเย็น  ทุกคนต่างเหนื่อยล้ากับการเดินทาง แต่สิ่งแรกที่คุณจะต้องทำคือ เตรียมหาฟืนเพื่อย่างลูกทอยอีกครั้ง ที่สำคัญคือต้องทำ“กะโม่”ในการตีผึ้งคืนนี้ กะโม่ทำจากเถาวัลย์ซึ่งที่นิยมคือ เถาว่านรางจืดโดยนำมาทุบให้แตกเป็นเส้น แล้วนำไปย่างไฟให้แห้ง เพื่อใช้จุดไฟ แล้วนำไปปัดตัวผึ้งที่รังซึ่งจะเกิดเปลวไฟ  เพื่อให้ผึ้งนั้นตามดอกไฟลงไปอยู่ด้านล่างพื้นดินถือว่าเป็นภูมิปัญญาของชาวกะเหรี่ยงที่สืบทอดกันมายาวนาน

ความรู้ที่ต้องจดจำคือกองไฟทำกับข้าวและอาหารต่างๆ กับกองไฟสำหรับย่างลูกทอยและกะโม่นั้น ต้องอยู่ห่างกัน เพื่อไม่ให้กลิ่นเหม็นคาวของอาหารไปติดลูกทอยและกะโม่ รวมไปถึงเสื้อผ้าที่จะใส่ตีผึ้งเป็นเด็ดขาด เรื่องนี้สำคัญมากเพราะถ้ามีกลิ่นคาวติดตัว หรืออุปกรณ์ในการตีผึ้ง จะทำให้ผึ้งที่ถูกปัดลงมาตามกลิ่นคาว แล้วก็รุมทึ้งต่อยทันที การถูกผึ้งต่อยเป็นเรื่องปกติของคนตีผึ้ง ขึ้นอยู่กับกลิ่นตัวและความสะอาดของแต่ละคน โดยเฉพาะหมอผึ้งที่ต้องสะอาดเป็นพิเศษ และต้องมีคุณสมบัติเฉพาะตัวคือเวลาผึ้งต่อยแล้วไม่เจ็บหรือทนทาน

 

 

"การตีผึ้งครั้งนี้ หมอผึ้งเป็นอาที่พวกเรารู้ฝีมือกันดี เขามีความชำนาญมาก" ราวหกโมงเย็น หลังจากที่กินข้าวและพักผ่อนกันเสร็จเรียบร้อย พวกเราต่างไปที่ต้นผึ้งเพื่อเตรียมตัว คืนนี้เดือนขึ้นตอนเที่ยงคืน เรามีเวลา 5 ชั่วโมงเท่านั้น ในการจัดการรังผึ้งบนต้นไม้ทั้งหมดกว่า  40 รัง เมื่อถึงต้นผึ้ง สิ่งที่ต้องเตรียมคือ ไม้ไผ่ลำยาวประมาณ 3 วา เพื่อทำเป็นพลองโดยบากไม้ไผ่ให้เป็นรูห่างกัน1ฟุต และใช้ตอกลูกทอยติดกับต้นผึ้งเพื่อปีนขึ้นไป

เมื่อความมืดสลัวคืบคลานเข้ามาจนได้ที่ หมอผึ้งต้องทำการขอขมาต่อต้นผึ้งโดยมีพลู หมาก บุหรี่ อย่างละ 1 มวน หลังจากนั้น หมอผึ้งทำการตอกลูกทอยเข้ากับต้นผึ้งขึ้นไปทีละตัว สิ่งที่ใช้ตอกลูกทอยเรียกว่า”จะครึ๊ง”ซึ่งทำมาจากไม้ที่มีเนื้อแข็ง เวลาตอกลูกทอยแล้วจะได้ไม่แตก ลูกทอยแต่ละชุดมีขนาดประมาณ 1คืบเศษ  ส่วนลูกทอยที่ใช้ตอกกับไม้พลองต้องมีขนาดยาวกว่า 1 กำมือ ในการตอกลูกทอยต้นผึ้งในแต่ละต้นนั้น ใช้เวลานานนับชั่วโมงกว่าจะถึงรังผึ้ง อุปสรรคหนึ่งคือต้นผึ้งมียางที่คันมาก บางคนที่แพ้ยางถึงกับเป็นแผลช้ำ ลอก แสบ เลยทีเดียว

 

 

ต้นผึ้งส่วนใหญ่มีขนาดลำต้นใหญ่ราว 4 คนโอบขึ้นไป หรือมากกว่านั้น และมีความสูงมากราว 50 เมตรขึ้นไป ใครที่กลัวความสูง คงไม่กล้าขึ้นไปแน่ ดังนั้นทุกก้าวย่างบนต้นผึ้งหมายชีวิต จึงต้องระมัดระวังและต้องอาศัยประสบการณ์ ยิ่งเวลาเจอผึ้งดุขึ้นมา ผึ้งเป็นร้อยๆ รุ่มต่อย ทั้งใบหน้าและลำตัวก็ต้องกัดฟันยอมให้ต่อย สิ่งหนึ่งที่หมอผึ้งต้องระวังคือหากการตอกลูกทอยถูกส้น หรือรอยแยกของต้นผึ้งนั้น อาจทำให้กิ่งต้นผึ้งหักและคนที่ปีนอาจต้องตกลงไปพร้อมกับกิ่งต้นผึ้ง

เสียงตะโกนลงมาว่า “จะเริ่ม ทั๊ว แล้วนะ” บทเพลงที่ออกมาจากลำคอของหมอผึ้งซึ่งเป็นเพลงปฎิวัติคือสัญญาณ เพราะหมอผึ้งเคยเป็นสหายที่เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสแห่งประเทศไทยมาก่อน ทั๊วคือการจุดกะโม่ให้ติดไฟ แล้วนำไปปัดที่รังผึ้งเพื่อให้ตัวผึ้งตามลูกไฟลงไปอยู่ข้างล่างให้หมด เราจึงจะสามารถเอาน้ำหวานของผึ้งได้ หมอผึ้งจะทำการทั๊วให้เสร็จจากกิ่งล่างเป็นลำดับโดยส่งสัญญาณให้ดึงเชือกได้  เชือกผูกติดอยู่กับปี๊บ ในการขนส่งน้ำผึ้งลงมาโดยต้องใช้คนดึงเชือก  2 คน ซึ่งคนหนึ่งคอยประคองปี๊บไม่ให้ปีบกระแทกไปมากับต้นผึ้งเพราะทำให้น้ำผึ้งที่อยู่ในปีบหกได้

 

 

เมื่อได้น้ำผึ้งลงมาสู่พื้นดิน เราต้องมีคนรีบคัดแยกตัวอ่อนและตัวแก่ออกจากัน แล้วจึงปีบน้ำผึ้งเพราะถ้าไม่เอาตัวอ่อนและตัวผึ้งออก น้ำผึ้งจะเสียได้ง่ายและไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน การบีบน้ำผึ้งนั้นไม่สามารถเปิดไฟฉายไว้ได้นาน เพราะผึ้งก็จะตามแสงไฟลงมาต่อยได้ แม่เราสวมถุงมือในการบีบน้ำผึ้ง บางครั้งเหล็กในที่อยู่กับน้ำผึ้งก็สามารถทิ่มฝ่ามือได้เสมอ ประมาณ  5 ทุ่มกว่า น้ำผึ้งทุกรังถูกนำลงมาเกือบหมดโดยหมอผึ้งเหลือไว้ประมาณ 4-5รังเพื่อให้ผึ้งได้มีน้ำหวานกินสำหรับเลี้ยงลูกและสืบพันธ์  จากนั้นทุกคนจ่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน เพื่อเก็บแรงไว้ตีผึ้งในต้นต่อไป

ภาพและเรื่องโดยนิยม คนเที่ยวไพร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘ชาวบ้านวัดจันทร์’เชียงใหม่ โอดถนนสายหลักพัง เรียกร้องซ่อมด่วน‘คนป่วย-นร.’กระทบหนัก ‘ชาวบ้านวัดจันทร์’เชียงใหม่ โอดถนนสายหลักพัง เรียกร้องซ่อมด่วน‘คนป่วย-นร.’กระทบหนัก
  • ใส่พลังสุดเหวี่ยง! สาวใส่แอโรบิกยืนแดนซ์หน้าร้านริมกว๊านพะเยา ใส่พลังสุดเหวี่ยง! สาวใส่แอโรบิกยืนแดนซ์หน้าร้านริมกว๊านพะเยา
  • ฮือฮา! พบ \'จิ้งจกสีแดง\' โผล่ในห้องนอนลูกชาย ฮือฮา! พบ 'จิ้งจกสีแดง' โผล่ในห้องนอนลูกชาย
  • ฤดูกาล \'ด้วงกว่าง\' นักสู้แห่งขุนเขา ชาวบ้านหาขายสร้างรายได้งาม ฤดูกาล 'ด้วงกว่าง' นักสู้แห่งขุนเขา ชาวบ้านหาขายสร้างรายได้งาม
  • สามีภรรยาเปลี่ยนที่นา มาปลูก \'ผักบุ้งแก้ว\' สร้างรายได้งาม สามีภรรยาเปลี่ยนที่นา มาปลูก 'ผักบุ้งแก้ว' สร้างรายได้งาม
  • เชื่อพญานาคให้โชค! สาวเทศบาลเฮลั่นถูกรางวัลที่ 1 รับเละ 12 ล้าน เชื่อพญานาคให้โชค! สาวเทศบาลเฮลั่นถูกรางวัลที่ 1 รับเละ 12 ล้าน
  •  

Breaking News

แซ่บ!ถึงเครื่อง'เต้ กันตนา'ถอดจริงเปลือยท่อนล่างโชว์ผิวเนียนสวย สะกดทุกสายตา!

นอภ.นากลาง-นำทีมบุกรวบ ‘พ่อค้ายาบ้า’ หลังรับแจ้งมีการมั่วสุมของวัยรุ่น

ยธ.มอบเงินเหยื่อถูกซ้อมดับตามพ.ร.บ.อุ้มหาย

‘อิ๊งค์’ยังไม่ออก! แถลงขออภัยคนไทย ลั่นถูกอัดคลิปถือเป็นภัยคุกคาม บอกต่อไปจะระวัง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved